ตำรวจสอบปากคำ “ไชยวัฒน์-สมบูรณ์” นาน 5 ชั่วโมงแล้วเสร็จ ขณะที่ผู้ถูกกล่าวหาไม่ขอใช้สิทธิประกันตัว อ้างพนักงานสอบสวนตั้งข้อกล่าวหาก่อการร้าย เป็นข้อหาที่เกินความเป็นจริง ตำรวจส่งตัวคุมห้องขังกองปราบฯ ก่อนนำตัวส่งศาลอาญาพรุ่งนี้
วันนี้ (18 ม.ค.) เวลา 17.40 น. ที่กองปราบปราม พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน อดีตประธานที่ปรึกษากระทรวงกลาโหม ประธานบริษัท เสียงประชาชน จำกัด เปิดเผยต่อผู้สื่อข่าวภายหลังพนักงานสอบสวนสอบปากคำนายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ แกนนำเครือข่ายประชาชนไทยหัวใจรักชาติ เสร็จสิ้นว่า นายไชยวัฒน์ประสงค์ที่จะไม่ขอประกันตัวโดยสาเหตุเพราะเชื่อว่าข้อหาก่อการร้ายเป็นข้อหาที่เกินกว่าความเป็นจริง ผู้ที่ดำเนินการแจ้งข้อหาถือว่ากระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 200 ที่ระบุว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงานในตำแหน่งพนักงานอัยการ ผู้ว่าคดี พนักงานสอบสวนหรือเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญา หรือจัดการให้เป็นไปตามหมายอาญา กระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดๆ ในตำแหน่งอันการมิชอบ เพื่อจะช่วยบุคคลหนึ่งบุคคลใด มิให้ต้องโทษหรือให้รับโทษน้อยลงต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือน ถึง 7 ปี และปรับตั้งแต่ 1 พันบาทถึง 1 หมื่น 4 พันบาท ถ้าการกระทำหรือไม่กระทำนั้นเป็นการเพื่อจะแกล้งให้บุคคลหนึ่งบุคคลใดต้องรับโทษ รับโทษหนักขึ้น หรือต้องถูกบังคับตามวิธีการ เพื่อความปลอดภัยผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตลอดชีวิตหรือ จำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงยี่สิบปีและปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงสี่หมื่นบาท
นอกจากนั้น นายไชยวัฒน์ไม่ยอมรับข้อกล่าวหาเช่นเดียวกับข้อหากบฏที่ก่อนหน้านี้เคยถูกพนักงานสอบสวนแจ้งข้อหานี้ด้วยเพราะเป็นเพียงวิทยากรที่ได้รับเชิญจากกลุ่มพันธมิตรฯ เพื่อพูดคุยแลกเปลี่ยนกับผู้ชุมนุมในตอนนั้น เมื่อนายไชยวัฒน์ไม่ขอประกันตัวทางตำรวจก็จะควบคุมตัวที่ห้องขัง บก.ป.ก่อนจะถูกส่งตัวไปยังศาลอาญา ในวันที่ 19 มกราคมนี้
พล.ร.อ.บรรณวิทย์กล่าวอีกว่า นายไชยวัฒน์ยังตำหนิการเข้าจับกุมของเจ้าหน้าที่ในครั้งนี้ว่าเป็นการกระทำที่รุนแรงเกินไปทั้งที่ตัวเองเคยเป็นอดีตรัฐมนตรี และปัจจุบันก็เป็นเลขาธิการสมัชชาประชาชนอยู่ด้วย ประกอบกับไม่เคยคิดจะต่อสู้หรือหลบหนี ที่ผ่านมาก็ดำเนินรายการอยู่ที่ช่อง 13 สยามไทมาตลอด แต่ทำไมเจ้าหน้าที่ถึงไม่มาจับกุม พอกำลังจะเคลื่อนไหวร่วมกับเครือข่ายประชาชนไทยหัวใจรักชาติ กลับมาจับกุมตนเชื่อว่าน่าจะมีนักการเมืองเป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังสั่งการ ให้จับกุมนายไชยวัฒน์จึงอยากฝากถึงพี่น้องตำรวจว่าควรทำเพื่อประเทศชาติไม่ใช่รับใช้นักการเมืองบางคน ส่วนกรณีของนายสมบูรณ์ ทองบุราณ ก็จะยึดแนวทางเดียวกับนายไชยวัฒน์ คือไม่ขอประกันตัวเช่นเดียวกัน
ต่อมาเวลา 19.20 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การสอบสวนดำเนินคดีต่อนายไชยวัฒน์ และนายสมบูรณ์ได้เสร็จสิ้นลง โดยใช้เวลาในการสอบสวนกว่า 5 ชั่วโมง นายไชยวัฒน์กล่าวถึงเหตุที่ไม่ขอใช้สิทธิในการประกันตัวว่าพนักงานสอบสวนตั้งข้อกล่าวหาก่อการร้ายกับตนซึ่งเป็นข้อหาที่เกินความเป็นจริง หากตนขอประกันตัวก็เท่ากับได้เข้าสู่กระบวนการดำเนินคดีและคงต้องต่อสู้กัน ถึง 3 ศาล ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลาอีกกี่ปีคดีถึงจะสิ้นสุด ตนขอต่อสู้แบบเดียวกับที่เคยถูกแจ้งข้อหากบฏในครั้งแรก ซึ่งมีโทษถึงประหารชีวิตก่อนหน้านี้ แต่ที่สุดแล้วศาลก็ยกเลิกข้อหากบฎไป การต่อสู้ของตนครั้งนี้จะเป็นบรรทัดฐานในการดำเนินคดีตามกระบวนการยุติธรรม ของพนักงานสอบสวนต่อไป
จากนั้นกำลังตำรวจคอมมานโด บก.ป.ได้ควบคุมตัวนายไชยวัฒน์ และนายสมบูรณ์ไปควบคุมตัวไว้ที่ห้องขังทันที ท่ามกลางบรรดาผู้ชุมนุมเครือข่ายประชาชนไทยหัวใจรักชาติที่คงยืนหยัดรอให้กำลังใจแก่ทั้งสองคน โดยมีการนำดอกไม้มามอบให้
ทั้งนี้ นายไชยวัฒน์ได้ขอร้องให้ผู้ชุมนุมสลายตัวแยกย้ายกันกลับหากต้องการจะให้กำลังใจตนขอให้ไปพบกันที่ศาลอาญาในวันที่ 19 มกราคมนี้ เวลา 09.00 น.เนื่องจากพนักงานสอบสวนจะควบคุมตนและนายสมบูรณ์ ไปส่งศาลและอย่าไปโกรธเจ้าหน้าที่เพราะดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ขณะที่นายสมบูรณ์ระบุว่า ขอให้พี่น้องกลับไปร่วมชุมนุมเพื่อทำหน้าที่คนไทยกันต่อที่ทำเนียบรัฐบาล ส่วนตนเองนั้นไม่ต้องเป็นห่วงเพราะเชื่อมั่นว่าตำรวจให้การดูแลเป็นอย่างดี
ตร.ตลบหลัง! จับ “ไชยวัฒน์ สินสุวงศ์”
