วานนี้(4 ม.ค.54) มีการประชุมคณะกรรมาธิการพิจารณา ร่าง รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับที่ พ.ศ... โดยมีนายเทอดพงษ์ ไชยนันทน์ ส.ส.ระบบสัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานกรรมาธิการฯ ทำหน้าที่ประธานในการประชุม ซึ่งที่ประชุมได้มีการหยิบยก ร่าง แก้ไขรัฐธรมนูญมาตรา 93-98 ว่าด้วยเขตเลือกตั้งขึ้นมาพิจารณา
ทั้งนี้กรรมาธิการฯ ได้เชิญ นายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ ประธาน คณะกรรมการศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ตามแนวทางของคณะกรรมการสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูปการเมือง และศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ นายวุฒิสาร ตันไชย อดีตกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ นายบุณยเกียรติ รักชาติเจริญ รองเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง ( กกต. ) ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง และตัวแทนจากกรมการปกครอง เข้าร่วมชี้แจง
โดยในช่วงแรกของการประชุม นายสมบัติ ได้ชี้แจงถึงการแก้ไขการแบ่งเขตเลือกตั้ง ที่มีการแก้ไขให้มีจำนวนส.ส. ทั้งหมด 500 คน แบ่งเป็น ส.ส.เขต 375 คน และ ส.ส.ระบบสัดส่วน 125 คน จากเดิมที่มีกำหนด ส.ส.เขต 400 คน และส.ส.ระบบสัดส่วน 100 คน ว่า คณะกรรมการได้ตรวจสอบความเหมาะสมในการกำหนดจำนวนส.ส. โดยพิจารณาจากสัดส่วนประชากร ต่อจำนวน ส.ส. รวมถึงพิจารณาถึงการแบ่งสัดส่วนของรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2540 ประกอบรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 พบว่า รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 แบ่งจำนวนส.ส.เขต เป็น 8 ภาค บนฐานจำนวนส.ส.ทั้งสิ้น 500 คน กรรมการมีความเห็นว่า มีความเหมาะสมแล้ว สำหรับสัดส่วนระหว่างส.ส.เขต กับส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ กรรมการเห็นว่า ในประเทศพัฒนาแล้วจะให้ความสำคัญกับส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ มากกว่า เพราะเป็นการให้ความสำคัญกับพรรคการเมือง ที่ต้องมีบทบาท ความนิยม และความสำคัญต่อการบริหารบ้านเมือง
ทั้งนี้หากพรรคให้ความสำคัญกับการทำให้พรรคมีความเข้มแข็ง จะได้รับความนิยมจากประชาชนมากขึ้น ถือเป็นหลักการส่งเสริมให้ประชาชนคำนึงถึงระบบพรรคมากกว่าตัวบุคคล ซึ่งจะมีประโยชน์ต่อการพัฒนาให้พรรคการเมืองมีเสถียรภาพมากขึ้น
นายสมบัติ กล่าวต่อว่า กรรมการ จึงมีความเห็นให้เพิ่มสัดส่วน ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อจาก 100 คน เป็น 125 คน โดยคำนวณโดยใช้สัดส่วน 1 ใน 4 ของจำนวนประชากร ส่วนการกำหนดที่มาของ ส.ส.ให้กลับไปใช้เขตประเทศ ตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2540 โดยให้ตัดเกณฑ์ขั้นต่ำออก ( ผู้ได้รับเลือกตั้งต้องมีคะแนนไม่น้อยกว่า ร้อยละ 5 ของจำนวนผู้มาใช้สิทธิ ) เพื่อเปิดโอกาสให้พรรคขนาดเล็ก ได้มีโอกาสมีผู้แทน ทั้งนี้กรรมการยังมีความเห็นให้เพิ่มจำนวน ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ มากกว่านี้แต่พิจารณาถึงความเป็นไปได้ ที่จะได้รับความเห็นชอบ สำหรับ ส.ส.เขต กรรมการฯ เห็นควรกลับไปใช้แบบเขตเดียวเบอร์เดียว โดยกรรมการฯ เห็นว่าการกำหนดเขตเลือกตั้ง ควรให้เป็นไปตามแนวโน้มการกำหนดเขตเลือกตั้งแบบวันแมนวันโหวต ซึ่งเป็นหลักสากล ทั้งนี้ ยอมรับว่าปัญหาการซื้อสิทธิขายเสียงยังไม่สามารถแก้ไขให้หมดไปได้
" ถ้าเลือกตั้งอย่างตรงไปตรงมาเขตเล็กใช้เงินน้อยกว่า เป็นหลักสากลมากกว่า ใช้เวลาจัดการเลือกตั้งสั้นกว่า ประกอบกับแนวโน้มเป็นสากลคือวันแมนวันโหวต" นายสมบัติ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานจากนั้น ประธานได้ให้กรรมาธิการแสดงความเห็นโดยมีกรรมาธิการที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกับการเพิ่มจำนวน ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ โดยกรรมาธิการฯ จากพรรคภูมิใจไทยได้แสดงความเห็นว่าการเพิ่มจำนวนจาก 100 คน เป็น 125 คน ดูจะมากเกินไป ขณะที่กรรมาธิการฯจากพรรคประชาธิปัตย์เห็นด้วย ให้เหตุผลว่า ส.ส.ระบบสัดส่วน ยังมีความจำเป็นที่จะให้พรรคการเมืองเป็นสถาบันการเมือง ส.ส.ระบบสัดส่วน ต้องเป็นคนที่มีคุณภาพ โดยจะช่วยทำให้สถาบันพรรคการเมืองมีความเข้มแข็งมากขึ้น
โดยนายปัญญา ศรีปัญญา ส.ส.ขอนแก่น ภูมิใจไทย กล่าวว่า สำหรับการเพิ่มสัดส่วน ส.ส.บัญชีรายชื่อเพิ่มขึ้นนั้น ที่ผ่านมาในบางพื้นที่เคยมีนายทุนไปลงสมัคร ส.ส. บางคนก็ได้ บางคนก็ไม่ได้ แต่เมื่อมีระบบมีระบบบัญชีรายชื่อ จึงได้เปิดทางให้นายทุนลงสมัครรับเลือกตั้งในบัญชีรายชื่อลำดับต้นๆ เพื่อที่จะได้เป็นรัฐมนตรี ดังนั้นจึงเสนอว่าควรกลับไปใช้ระบบ ส.ส.เขต จำนวน 400 คน ส่วนส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ ค่อยมาพิจารณากันอีกที
นายอนุรักษ์ นิยมเวช ส.ว. สรรหา กล่าวว่า การเพิ่มสัดส่วน ส.ส.บัญชีรายชื่อจาก 80 คน มาเป็น 125 ถือเป็นจำนวนมากอย่างก้าวกระโดด ต้องตอบประชาชนให้ได้ว่า มีเหตุผลอะไร ?และประชาชนได้ประโยชน์ตรงนี้จริงไม่จริง ?
นอกจากนี้ประเด็นที่ที่ประชุมให้ความสนใจนำมาถกเถียงมากที่สุดคือ วิธีการคำนวณสัดส่วนของส.ส.ต่อจำนวนประชากร โดยที่ประชุมให้ความเป็นห่วงกับจำนวน ส.ส.ระบบเขต ที่ลดลง จำนวนส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อที่เพิ่มขึ้น ที่ประชุมจึงให้ความสำคัญกับข้อมูลจำนวนราษฎร ที่นำมาคำนวณจำนวน ส.ส. อาทิ ควรใช้ฐานตัวเลขประชากรสิ้นสุดเมื่อใด ควรใช้วิธีคำนวณสัดสวนส.ส.กับประชากรอย่างไร จึงจะเหมาะสม ด้านตัวแทนกรรมการปกครองได้ชี้แจงกับที่ประชุมว่า ขณะนี้พบว่ามีจำนวนประชากรที่มีชื่ออยู่ในทะเบียนราษฎร แต่ไม่ได้มีสัญชาติไทยถึง 3.8 แสนคน จึงควรมีการประกาศให้ชัดเจนว่าถึงคำนวณสัดสวนส.ส. ควรกำหนดตามบัญชีคนที่มีสัญชาติไทยไม่รวมคนที่ไม่มีสัญชาติ จากนั้นที่ประชุมได้แสดงความเห็นอย่างกว้างขวางว่า ควรคำนวณจากคนที่มีสัญชาติไทยเท่านั้น หรือคำนวณตามทะเบียนราษฏร
ด้านนายวิทยา แก้วภราดัย ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ เสนอว่า การพิจารณาเรื่องจำนวนส.ส. คงไม่สามารถมีข้อยุติในวันนี้ จึงขอให้กรมการปกครองให้ข้อมูลแจกแจงผู้มีสิทธิเลือกตั้งแต่ละจังหวัด แยกเป็นผู้มีสัญชาติไทย และไม่มีสัญชาติไทยเพื่อเสนอต่อกรรมาธิการ
ส่วนการแก้ไขกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญที่ได้รับผลกระทบหากมีการแก้ไข นายบุณยเกียรติ ชี้แจงว่า หากมีการแก้ไขไปตามแนวทางของกรรมาธิการฯเสนอ จะต้องแก้ไขพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และการได้มาซึ่งส.ว. พ.ศ. 2550 ประมาณ 10 มาตรา ครอบคลุม บททั่วไป , การรับสมัคร และการประกาศผลการเลือกตั้ง เชื่อว่าขั้นตอนคงไม่ยากลำบากหากนำพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญฯ พ.ศ. 2541 มาเป็นตัวตั้ง ประกอบกับแนวทางการแก้ไขใหม่น่าจะดำเนินการควบคู่กันไปได้ ส่วนจะใช้เวลานนานเท่าใดขึ้นอยู่กับสภาผู้แทนราษฏร
นายบุญเกียรติ รักชาติเจริญ รองเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง ชี้แจงว่าหากแก้รัฐธรรมนูญในส่วนระบบเขตเลือกตั้ง การแก้ไขกฎหมายประกอบรัฐธรรมว่า ด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และการได้มาซึ่ง ส.ว.?มีมาตราที่เกี่ยวข้องต้องแก้ไขประมาณ ?10 มาตรา เช่น ?เรื่อง เขตการรับสมัคร การประกาศผล ?ส่วนจะใช้ระยะเวลานานแค่ไหน ขึ้นกับทางสภาผู้แทนจะผ่านกฎหมายแต่จะได้นำเอากฎหมายเก่าตั้งแต่ปี? 2541 จะเอามาเป็นแนวทาง ?
อย่างไรก็ตาม หากได้ข้อสรุปเรื่อง ส.ส.เขต ออกมาเป็น 375 คน ก็จะต้องแบ่งเขตใหม่ ซึ่งจะให้ กกต.จังหวัดแต่ละแห่ง เสนอรูปแบบเขตขึ้นมา 3 รูปแบบประกาศให้ประชาชนแสดงควาคิดเห็น ซึ่งอาจจะใช้เวลาประมาณ 30 วัน การเตรียมการ จะต้องดูจำนวน ส.ส. ว่าเปลี่ยนแปลงเท่าไร ซึ่งจะมีการเปลี่ยน ไปบ้าง 24 จังหวัด เมื่อได้ ส.ส.มาแล้วเตรียมการให้ทางจังหวัด
**“เผาไทย” หาย 15 ที่นั่ง ปชป.หดแค่ 4 ที่นั่ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในการประชุมคณะกรรมาธิารพิจารณา ร่าง แก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งชาติอาณาจักรไทย ฉบับที่.. พ.ศ.. กรมการปกครองได้ทำตารางสรุปจำนวน ส.ส.ระบบเขต 375 คน ตามข้อเสนอของคณะกรรมการพิจารณาศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ตามข้อเสนอของคณะกรรมการสมานฉันท์เพื่อการปฎิรูปการเมือง และศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่มีนายสมบัติ ธำรงธัญญวงศ์ เป็นประธาน โดยกรมการปกครองคำนวณเขตที่จะมีส.ส.เพิ่มขึ้น ตามฐานข้อมูลทะเบียนราษฏร กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ณ วันที่ 31 ธ.ค. 52 โดยมีจังหวัดที่มีจำนวนผู้แทนเปลี่ยนแปลงทั้งสิ้น 24 จังหวัด จำนวน 25 ที่นั่ง โดยกรุงเทพฯ มี ส.ส.ลดลง 2 คน จาก 36 คน เหลือ 34 คน ภาคกลาง คือ นครนายก มีส.ส. ลดลง 1 คน จาก 2 คน เหลือ 1 คน นครสวรรค์ มี ส.ส.ลดลง 1 คน จาก 7 คนเหลือ 6 คน ลพบุรี มีส.ส. ลดลง 1 คน จาก 5 คน เหลือ 4 คน รวมหายไป 3 คน
ภาคใต้ คือ กระบี่ มีส.ส.ลดลง 1 คน จาก 3 คน เหลือ 2 คน นครศรีธรรมราช มีส.ส.ลดลง 1 คน จาก 10 คน เหลือ 9 คน นราธิวาส มีส.ส.ลดลง 1 คน จาก 5 คน เหลือ 4 คน พังงา มีส.ส.ลดลง 1 คน จาก 2 คน รวมหายไป 4 คน
ภาคอีสาน คือ มหาสารคาม มีส.ส.ลดลง1 คน จาก 6 คนเหลือ 5 คน ขอนแก่น มีส.ส.ลดลง 1 คน จาก 11 คนเหลือ 10 คน นครราชสีมา มีส.ส.ลดลง 1 คน จาก 16 คน เหลือ 15 คน บุรีรัมย์ มีส.ส.ลดลง 1 คน จาก 10 คน เหลือ 9 คน ยโสธร มีส.ส.ลดลง 1 คน จาก 4 คน เหลือ 3 คน ศรีสะเกษ มีส.ส.ลดลง 1 คน จาก 9 คนเหลือ 8 คน สุรินทร์ มีส.ส.ลดลง 1 คน จาก 6 คน เหลือ 5 คน หนองคาย มีส.ส.ลดลง 1 คนจาก 6 คนเหลือ 5 คนอุดรธานี มีส.ส.ลดลงจาก 10 คนเหลือ 9 คน รวมทั้งสิ้น 9 คน
ภาคเหนือ คือ กำแพงเพชร มีส.ส.ลดลง 1 คน จาก 11 คน เหลือ 10 คน เชียงราย มีส.ส.ลดลง 1 คน จาก 8 คน เหลือ 7 คน เชียงใหม่ มีส.ส.ลดลง 1 คน จาก 11 คน เหลือ 10 คน พิจิตร มีส.ส.ลดลง 1 คน จาก 4 คน เหลือ 3 คน แม่ฮ่องสอน มีส.ส.ลดลง 1 คน จาก 2 คน เหลือ 1 คน ลำปาง มีส.ส.ลดลง 1 คนจาก 5 คนลดลง 4 คนและลำพูน มีส.ส.ลดลง 1 คนจาก 3 คน เหลือ 2 คน รวมทั้งสิ้น 7 คน
อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตุว่า สัดส่วนของส.ส.ระบบสัดส่วนแบบใหม่หากเป็นไปตามที่ร่างของคณะกรรมการฯที่เสนอจะทำให้ ภาคอีสาน กับ ภาคเหนือ ซึ่งเป็นฐานเสียงที่สำคัญของพรรคเพื่อไทย มี ส.ส. หายไปถึง 15 ที่นั่ง ขณะที่ภาคใต้ ซึ่งเป็นฐานเสียงที่สำคัญของประชาธิปัตย์ ลดลงไปเพียง 4 ที่นั่งเท่านั้น
**“เทพไท”หนุน “ชัย”แปรญัตติ ตัดปาตี้ลิสทิ้ง
นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะคณะกรรมาธิการร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ กล่าวถึงผลการประชุม กมธ.ว่า วันนี้ ที่ประชุมได้รับฟังความเห็นจากตัวแทนคณะกรรมการศึกษาปัญหารัฐธรรมนูญที่มีนายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ เป็นประธานและมีสมาชิกแสดงความคิดเห็นกันอย่างกว้างขวาง ซึ่งที่ประชุมได้อภิปรายและพิจารณาใน 2 ประเด็นหลักคือระบบการเลือกตั้งตามที่คณะรัฐมนตรีเสนอที่มีจำนวนส.ส.เขต 375 และบัญชีรายชื่อ 125 คน กับคำแปลญัตติของสมาชอกรัฐสภาที่ต้องการให้มีส.ส.เขต 400 และบัญชีรายชื่อ 100 คน ซึ่งยังไม่สามารถที่จะหาข้อสรุปได้จึงมีการเลื่อนการประชุมออกไปเป็นวันที่ 11 ม.ค. เวลา 13.00 น.เป็นต้นไปโดยจะเปิดโอกาสให้มีการพิจารณาในประเด็นดังกล่าวเพื่อหาข้อสรุปให้ได้ว่าคณะกรรมาธิการเสียงข้างมากมีความเห็นในเรื่องนี้อย่างไร ถ้าได้ข้อสรุปที่ชัดเจนในสัปดาห์ต่อไปจะเชิญสมาชิกรัฐสภาที่แปรญัตติในร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 190 และมาตร 93-98 มาชี้แจงเหตุผลประกอบคำแปรญัตติเพื่อให้คณะกรรมาธิการได้พิจารณาว่าเห็นชอบตามคำแปรญัตติหรือไม่ นอกจากนี้ จะได้ข้อสรุปก่อนเปิดสภาสมันสามัญทั่วไปในวันที่ 21 ม.ค.นี้
นายเทพไท กล่าวถึงกรณีที่นายชัย ชิดชอบ ส.ส.สัดส่วนพรรคภูมิใจไทย และประธานสภาผู้แทนราษฏรระบุว่าให้ตัดส.ส.สัดส่วนออกไปเลย เพราะเป็นต้นเหตุให้ส.ส.แตกแยก ตนเห็นด้วยแต่เสียดายที่นายชัยไม่ยอมใช้สิทธิส.ส.เข้าไปแปรญัตติ เชื่อว่าจะมีคนสนับสนุน
** อัด “ดิเรก”กล่าวหาปชป.ได้ประโยชน์
นายเทพไท กล่าวถึงกรณีที่นายดิเรก ถึงฝั่ง ส.ว.นนทบุรี ในฐานะประธานคณะกรรมการสมานฉันท์เพื่อปฏิรูปการเมืองและการศึกษาแก้ไขรัฐธรรมนูญออกมาระบุว่า ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับของคณะรัฐมนตรี(ครม.)นั้นทำให้พรรคประชาธิปัตย์เอาเปรียบคู่ต่อสู้ทำให้พรรคประชาธิปัตย์ได้ประโยชน์ว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับของ ครม.มาจากการศึกษาของนายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ ประธานคณะกรรมการพิจารณาแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ รัฐบาลไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง เพราะฉะนั้นพรรคจึงไม่ได้เอาเปรียบคู่ต่อสู้แต่อย่างใด การเลือกตั้งที่มีส.ส.ระบบเขต 325และสัดส่วน125 ไม่ได้เป็นประโยชน์กับพรรคประชาธิปัตย์เพียงฝ่ายเดียวแต่เป็นโยชน์กับทุกฝ่าย เพราะการยกเลิก 5 เปอร์เซ็นออกไป ย่อมทำให้พรรคเล็กมีโอกาสได้ ส.ส.ปาตี้ลิสเพิ่มขึ้น ส่วนกรณีที่นายดิเรก ออกมาพูดนั้น เพราะชุดที่นายดิเรกศึกษาไว้คือสัดส่วน 400บวก100 จึงเห็นว่าส.ว.ส่วนใหญ่จะไม่สนับสนุนร่างของ ครม. อยากให้ขอกลับไปดูในวาระหนึ่ง ส.ว.ส่วนใหญ่เห็นด้วยกับของ ครม.และส.ว.ส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับร่างรัฐนูญของ 102 ส.ว.ที่ระบุว่าไม่เห็นกับ ที่มาของส.ส.ระบบเขต400 สัดส่วน 100
**แขวะปู่ชัย"โวยล้มปาร์ตี้ลิสต์หวังต่อรองงบฯ
นายสุรพงษ์ โตวิจักษ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่ นายชัย ออกมาแสดงความคิดเห็นเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ต่อพรรคประชาธิปัตย์ว่า ไม่อยากให้มี ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ โดยระบุว่า เป็นการเล่นละครระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล เพื่อต่อรองงบประมาณบางอย่าง เพราะในชั้นกรรมาธิการสามารถพูดคุยกันได้ ไม่จำเป็นต้องออกมาโวยวาย เนื่องจากสุดท้ายเมื่อตกลงกันได้เรื่องจะเงียบ และยอมโหวตผ่าน เพราะหากการแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ผ่านสภา รัฐบาลต้องยุบสภา อย่างไรก็ตามตนเชื่อว่า แนวทางที่รัฐบาลจะใช้ คือให้มี ส.ส.เขต จำนวน 375 คน และส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ จำนวน 125 คน
ทั้งนี้กรรมาธิการฯ ได้เชิญ นายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ ประธาน คณะกรรมการศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ตามแนวทางของคณะกรรมการสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูปการเมือง และศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ นายวุฒิสาร ตันไชย อดีตกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ นายบุณยเกียรติ รักชาติเจริญ รองเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง ( กกต. ) ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง และตัวแทนจากกรมการปกครอง เข้าร่วมชี้แจง
โดยในช่วงแรกของการประชุม นายสมบัติ ได้ชี้แจงถึงการแก้ไขการแบ่งเขตเลือกตั้ง ที่มีการแก้ไขให้มีจำนวนส.ส. ทั้งหมด 500 คน แบ่งเป็น ส.ส.เขต 375 คน และ ส.ส.ระบบสัดส่วน 125 คน จากเดิมที่มีกำหนด ส.ส.เขต 400 คน และส.ส.ระบบสัดส่วน 100 คน ว่า คณะกรรมการได้ตรวจสอบความเหมาะสมในการกำหนดจำนวนส.ส. โดยพิจารณาจากสัดส่วนประชากร ต่อจำนวน ส.ส. รวมถึงพิจารณาถึงการแบ่งสัดส่วนของรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2540 ประกอบรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 พบว่า รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 แบ่งจำนวนส.ส.เขต เป็น 8 ภาค บนฐานจำนวนส.ส.ทั้งสิ้น 500 คน กรรมการมีความเห็นว่า มีความเหมาะสมแล้ว สำหรับสัดส่วนระหว่างส.ส.เขต กับส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ กรรมการเห็นว่า ในประเทศพัฒนาแล้วจะให้ความสำคัญกับส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ มากกว่า เพราะเป็นการให้ความสำคัญกับพรรคการเมือง ที่ต้องมีบทบาท ความนิยม และความสำคัญต่อการบริหารบ้านเมือง
ทั้งนี้หากพรรคให้ความสำคัญกับการทำให้พรรคมีความเข้มแข็ง จะได้รับความนิยมจากประชาชนมากขึ้น ถือเป็นหลักการส่งเสริมให้ประชาชนคำนึงถึงระบบพรรคมากกว่าตัวบุคคล ซึ่งจะมีประโยชน์ต่อการพัฒนาให้พรรคการเมืองมีเสถียรภาพมากขึ้น
นายสมบัติ กล่าวต่อว่า กรรมการ จึงมีความเห็นให้เพิ่มสัดส่วน ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อจาก 100 คน เป็น 125 คน โดยคำนวณโดยใช้สัดส่วน 1 ใน 4 ของจำนวนประชากร ส่วนการกำหนดที่มาของ ส.ส.ให้กลับไปใช้เขตประเทศ ตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2540 โดยให้ตัดเกณฑ์ขั้นต่ำออก ( ผู้ได้รับเลือกตั้งต้องมีคะแนนไม่น้อยกว่า ร้อยละ 5 ของจำนวนผู้มาใช้สิทธิ ) เพื่อเปิดโอกาสให้พรรคขนาดเล็ก ได้มีโอกาสมีผู้แทน ทั้งนี้กรรมการยังมีความเห็นให้เพิ่มจำนวน ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ มากกว่านี้แต่พิจารณาถึงความเป็นไปได้ ที่จะได้รับความเห็นชอบ สำหรับ ส.ส.เขต กรรมการฯ เห็นควรกลับไปใช้แบบเขตเดียวเบอร์เดียว โดยกรรมการฯ เห็นว่าการกำหนดเขตเลือกตั้ง ควรให้เป็นไปตามแนวโน้มการกำหนดเขตเลือกตั้งแบบวันแมนวันโหวต ซึ่งเป็นหลักสากล ทั้งนี้ ยอมรับว่าปัญหาการซื้อสิทธิขายเสียงยังไม่สามารถแก้ไขให้หมดไปได้
" ถ้าเลือกตั้งอย่างตรงไปตรงมาเขตเล็กใช้เงินน้อยกว่า เป็นหลักสากลมากกว่า ใช้เวลาจัดการเลือกตั้งสั้นกว่า ประกอบกับแนวโน้มเป็นสากลคือวันแมนวันโหวต" นายสมบัติ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานจากนั้น ประธานได้ให้กรรมาธิการแสดงความเห็นโดยมีกรรมาธิการที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกับการเพิ่มจำนวน ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ โดยกรรมาธิการฯ จากพรรคภูมิใจไทยได้แสดงความเห็นว่าการเพิ่มจำนวนจาก 100 คน เป็น 125 คน ดูจะมากเกินไป ขณะที่กรรมาธิการฯจากพรรคประชาธิปัตย์เห็นด้วย ให้เหตุผลว่า ส.ส.ระบบสัดส่วน ยังมีความจำเป็นที่จะให้พรรคการเมืองเป็นสถาบันการเมือง ส.ส.ระบบสัดส่วน ต้องเป็นคนที่มีคุณภาพ โดยจะช่วยทำให้สถาบันพรรคการเมืองมีความเข้มแข็งมากขึ้น
โดยนายปัญญา ศรีปัญญา ส.ส.ขอนแก่น ภูมิใจไทย กล่าวว่า สำหรับการเพิ่มสัดส่วน ส.ส.บัญชีรายชื่อเพิ่มขึ้นนั้น ที่ผ่านมาในบางพื้นที่เคยมีนายทุนไปลงสมัคร ส.ส. บางคนก็ได้ บางคนก็ไม่ได้ แต่เมื่อมีระบบมีระบบบัญชีรายชื่อ จึงได้เปิดทางให้นายทุนลงสมัครรับเลือกตั้งในบัญชีรายชื่อลำดับต้นๆ เพื่อที่จะได้เป็นรัฐมนตรี ดังนั้นจึงเสนอว่าควรกลับไปใช้ระบบ ส.ส.เขต จำนวน 400 คน ส่วนส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ ค่อยมาพิจารณากันอีกที
นายอนุรักษ์ นิยมเวช ส.ว. สรรหา กล่าวว่า การเพิ่มสัดส่วน ส.ส.บัญชีรายชื่อจาก 80 คน มาเป็น 125 ถือเป็นจำนวนมากอย่างก้าวกระโดด ต้องตอบประชาชนให้ได้ว่า มีเหตุผลอะไร ?และประชาชนได้ประโยชน์ตรงนี้จริงไม่จริง ?
นอกจากนี้ประเด็นที่ที่ประชุมให้ความสนใจนำมาถกเถียงมากที่สุดคือ วิธีการคำนวณสัดส่วนของส.ส.ต่อจำนวนประชากร โดยที่ประชุมให้ความเป็นห่วงกับจำนวน ส.ส.ระบบเขต ที่ลดลง จำนวนส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อที่เพิ่มขึ้น ที่ประชุมจึงให้ความสำคัญกับข้อมูลจำนวนราษฎร ที่นำมาคำนวณจำนวน ส.ส. อาทิ ควรใช้ฐานตัวเลขประชากรสิ้นสุดเมื่อใด ควรใช้วิธีคำนวณสัดสวนส.ส.กับประชากรอย่างไร จึงจะเหมาะสม ด้านตัวแทนกรรมการปกครองได้ชี้แจงกับที่ประชุมว่า ขณะนี้พบว่ามีจำนวนประชากรที่มีชื่ออยู่ในทะเบียนราษฎร แต่ไม่ได้มีสัญชาติไทยถึง 3.8 แสนคน จึงควรมีการประกาศให้ชัดเจนว่าถึงคำนวณสัดสวนส.ส. ควรกำหนดตามบัญชีคนที่มีสัญชาติไทยไม่รวมคนที่ไม่มีสัญชาติ จากนั้นที่ประชุมได้แสดงความเห็นอย่างกว้างขวางว่า ควรคำนวณจากคนที่มีสัญชาติไทยเท่านั้น หรือคำนวณตามทะเบียนราษฏร
ด้านนายวิทยา แก้วภราดัย ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ เสนอว่า การพิจารณาเรื่องจำนวนส.ส. คงไม่สามารถมีข้อยุติในวันนี้ จึงขอให้กรมการปกครองให้ข้อมูลแจกแจงผู้มีสิทธิเลือกตั้งแต่ละจังหวัด แยกเป็นผู้มีสัญชาติไทย และไม่มีสัญชาติไทยเพื่อเสนอต่อกรรมาธิการ
ส่วนการแก้ไขกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญที่ได้รับผลกระทบหากมีการแก้ไข นายบุณยเกียรติ ชี้แจงว่า หากมีการแก้ไขไปตามแนวทางของกรรมาธิการฯเสนอ จะต้องแก้ไขพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และการได้มาซึ่งส.ว. พ.ศ. 2550 ประมาณ 10 มาตรา ครอบคลุม บททั่วไป , การรับสมัคร และการประกาศผลการเลือกตั้ง เชื่อว่าขั้นตอนคงไม่ยากลำบากหากนำพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญฯ พ.ศ. 2541 มาเป็นตัวตั้ง ประกอบกับแนวทางการแก้ไขใหม่น่าจะดำเนินการควบคู่กันไปได้ ส่วนจะใช้เวลานนานเท่าใดขึ้นอยู่กับสภาผู้แทนราษฏร
นายบุญเกียรติ รักชาติเจริญ รองเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง ชี้แจงว่าหากแก้รัฐธรรมนูญในส่วนระบบเขตเลือกตั้ง การแก้ไขกฎหมายประกอบรัฐธรรมว่า ด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และการได้มาซึ่ง ส.ว.?มีมาตราที่เกี่ยวข้องต้องแก้ไขประมาณ ?10 มาตรา เช่น ?เรื่อง เขตการรับสมัคร การประกาศผล ?ส่วนจะใช้ระยะเวลานานแค่ไหน ขึ้นกับทางสภาผู้แทนจะผ่านกฎหมายแต่จะได้นำเอากฎหมายเก่าตั้งแต่ปี? 2541 จะเอามาเป็นแนวทาง ?
อย่างไรก็ตาม หากได้ข้อสรุปเรื่อง ส.ส.เขต ออกมาเป็น 375 คน ก็จะต้องแบ่งเขตใหม่ ซึ่งจะให้ กกต.จังหวัดแต่ละแห่ง เสนอรูปแบบเขตขึ้นมา 3 รูปแบบประกาศให้ประชาชนแสดงควาคิดเห็น ซึ่งอาจจะใช้เวลาประมาณ 30 วัน การเตรียมการ จะต้องดูจำนวน ส.ส. ว่าเปลี่ยนแปลงเท่าไร ซึ่งจะมีการเปลี่ยน ไปบ้าง 24 จังหวัด เมื่อได้ ส.ส.มาแล้วเตรียมการให้ทางจังหวัด
**“เผาไทย” หาย 15 ที่นั่ง ปชป.หดแค่ 4 ที่นั่ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในการประชุมคณะกรรมาธิารพิจารณา ร่าง แก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งชาติอาณาจักรไทย ฉบับที่.. พ.ศ.. กรมการปกครองได้ทำตารางสรุปจำนวน ส.ส.ระบบเขต 375 คน ตามข้อเสนอของคณะกรรมการพิจารณาศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ตามข้อเสนอของคณะกรรมการสมานฉันท์เพื่อการปฎิรูปการเมือง และศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่มีนายสมบัติ ธำรงธัญญวงศ์ เป็นประธาน โดยกรมการปกครองคำนวณเขตที่จะมีส.ส.เพิ่มขึ้น ตามฐานข้อมูลทะเบียนราษฏร กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ณ วันที่ 31 ธ.ค. 52 โดยมีจังหวัดที่มีจำนวนผู้แทนเปลี่ยนแปลงทั้งสิ้น 24 จังหวัด จำนวน 25 ที่นั่ง โดยกรุงเทพฯ มี ส.ส.ลดลง 2 คน จาก 36 คน เหลือ 34 คน ภาคกลาง คือ นครนายก มีส.ส. ลดลง 1 คน จาก 2 คน เหลือ 1 คน นครสวรรค์ มี ส.ส.ลดลง 1 คน จาก 7 คนเหลือ 6 คน ลพบุรี มีส.ส. ลดลง 1 คน จาก 5 คน เหลือ 4 คน รวมหายไป 3 คน
ภาคใต้ คือ กระบี่ มีส.ส.ลดลง 1 คน จาก 3 คน เหลือ 2 คน นครศรีธรรมราช มีส.ส.ลดลง 1 คน จาก 10 คน เหลือ 9 คน นราธิวาส มีส.ส.ลดลง 1 คน จาก 5 คน เหลือ 4 คน พังงา มีส.ส.ลดลง 1 คน จาก 2 คน รวมหายไป 4 คน
ภาคอีสาน คือ มหาสารคาม มีส.ส.ลดลง1 คน จาก 6 คนเหลือ 5 คน ขอนแก่น มีส.ส.ลดลง 1 คน จาก 11 คนเหลือ 10 คน นครราชสีมา มีส.ส.ลดลง 1 คน จาก 16 คน เหลือ 15 คน บุรีรัมย์ มีส.ส.ลดลง 1 คน จาก 10 คน เหลือ 9 คน ยโสธร มีส.ส.ลดลง 1 คน จาก 4 คน เหลือ 3 คน ศรีสะเกษ มีส.ส.ลดลง 1 คน จาก 9 คนเหลือ 8 คน สุรินทร์ มีส.ส.ลดลง 1 คน จาก 6 คน เหลือ 5 คน หนองคาย มีส.ส.ลดลง 1 คนจาก 6 คนเหลือ 5 คนอุดรธานี มีส.ส.ลดลงจาก 10 คนเหลือ 9 คน รวมทั้งสิ้น 9 คน
ภาคเหนือ คือ กำแพงเพชร มีส.ส.ลดลง 1 คน จาก 11 คน เหลือ 10 คน เชียงราย มีส.ส.ลดลง 1 คน จาก 8 คน เหลือ 7 คน เชียงใหม่ มีส.ส.ลดลง 1 คน จาก 11 คน เหลือ 10 คน พิจิตร มีส.ส.ลดลง 1 คน จาก 4 คน เหลือ 3 คน แม่ฮ่องสอน มีส.ส.ลดลง 1 คน จาก 2 คน เหลือ 1 คน ลำปาง มีส.ส.ลดลง 1 คนจาก 5 คนลดลง 4 คนและลำพูน มีส.ส.ลดลง 1 คนจาก 3 คน เหลือ 2 คน รวมทั้งสิ้น 7 คน
อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตุว่า สัดส่วนของส.ส.ระบบสัดส่วนแบบใหม่หากเป็นไปตามที่ร่างของคณะกรรมการฯที่เสนอจะทำให้ ภาคอีสาน กับ ภาคเหนือ ซึ่งเป็นฐานเสียงที่สำคัญของพรรคเพื่อไทย มี ส.ส. หายไปถึง 15 ที่นั่ง ขณะที่ภาคใต้ ซึ่งเป็นฐานเสียงที่สำคัญของประชาธิปัตย์ ลดลงไปเพียง 4 ที่นั่งเท่านั้น
**“เทพไท”หนุน “ชัย”แปรญัตติ ตัดปาตี้ลิสทิ้ง
นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะคณะกรรมาธิการร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ กล่าวถึงผลการประชุม กมธ.ว่า วันนี้ ที่ประชุมได้รับฟังความเห็นจากตัวแทนคณะกรรมการศึกษาปัญหารัฐธรรมนูญที่มีนายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ เป็นประธานและมีสมาชิกแสดงความคิดเห็นกันอย่างกว้างขวาง ซึ่งที่ประชุมได้อภิปรายและพิจารณาใน 2 ประเด็นหลักคือระบบการเลือกตั้งตามที่คณะรัฐมนตรีเสนอที่มีจำนวนส.ส.เขต 375 และบัญชีรายชื่อ 125 คน กับคำแปลญัตติของสมาชอกรัฐสภาที่ต้องการให้มีส.ส.เขต 400 และบัญชีรายชื่อ 100 คน ซึ่งยังไม่สามารถที่จะหาข้อสรุปได้จึงมีการเลื่อนการประชุมออกไปเป็นวันที่ 11 ม.ค. เวลา 13.00 น.เป็นต้นไปโดยจะเปิดโอกาสให้มีการพิจารณาในประเด็นดังกล่าวเพื่อหาข้อสรุปให้ได้ว่าคณะกรรมาธิการเสียงข้างมากมีความเห็นในเรื่องนี้อย่างไร ถ้าได้ข้อสรุปที่ชัดเจนในสัปดาห์ต่อไปจะเชิญสมาชิกรัฐสภาที่แปรญัตติในร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 190 และมาตร 93-98 มาชี้แจงเหตุผลประกอบคำแปรญัตติเพื่อให้คณะกรรมาธิการได้พิจารณาว่าเห็นชอบตามคำแปรญัตติหรือไม่ นอกจากนี้ จะได้ข้อสรุปก่อนเปิดสภาสมันสามัญทั่วไปในวันที่ 21 ม.ค.นี้
นายเทพไท กล่าวถึงกรณีที่นายชัย ชิดชอบ ส.ส.สัดส่วนพรรคภูมิใจไทย และประธานสภาผู้แทนราษฏรระบุว่าให้ตัดส.ส.สัดส่วนออกไปเลย เพราะเป็นต้นเหตุให้ส.ส.แตกแยก ตนเห็นด้วยแต่เสียดายที่นายชัยไม่ยอมใช้สิทธิส.ส.เข้าไปแปรญัตติ เชื่อว่าจะมีคนสนับสนุน
** อัด “ดิเรก”กล่าวหาปชป.ได้ประโยชน์
นายเทพไท กล่าวถึงกรณีที่นายดิเรก ถึงฝั่ง ส.ว.นนทบุรี ในฐานะประธานคณะกรรมการสมานฉันท์เพื่อปฏิรูปการเมืองและการศึกษาแก้ไขรัฐธรรมนูญออกมาระบุว่า ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับของคณะรัฐมนตรี(ครม.)นั้นทำให้พรรคประชาธิปัตย์เอาเปรียบคู่ต่อสู้ทำให้พรรคประชาธิปัตย์ได้ประโยชน์ว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับของ ครม.มาจากการศึกษาของนายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ ประธานคณะกรรมการพิจารณาแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ รัฐบาลไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง เพราะฉะนั้นพรรคจึงไม่ได้เอาเปรียบคู่ต่อสู้แต่อย่างใด การเลือกตั้งที่มีส.ส.ระบบเขต 325และสัดส่วน125 ไม่ได้เป็นประโยชน์กับพรรคประชาธิปัตย์เพียงฝ่ายเดียวแต่เป็นโยชน์กับทุกฝ่าย เพราะการยกเลิก 5 เปอร์เซ็นออกไป ย่อมทำให้พรรคเล็กมีโอกาสได้ ส.ส.ปาตี้ลิสเพิ่มขึ้น ส่วนกรณีที่นายดิเรก ออกมาพูดนั้น เพราะชุดที่นายดิเรกศึกษาไว้คือสัดส่วน 400บวก100 จึงเห็นว่าส.ว.ส่วนใหญ่จะไม่สนับสนุนร่างของ ครม. อยากให้ขอกลับไปดูในวาระหนึ่ง ส.ว.ส่วนใหญ่เห็นด้วยกับของ ครม.และส.ว.ส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับร่างรัฐนูญของ 102 ส.ว.ที่ระบุว่าไม่เห็นกับ ที่มาของส.ส.ระบบเขต400 สัดส่วน 100
**แขวะปู่ชัย"โวยล้มปาร์ตี้ลิสต์หวังต่อรองงบฯ
นายสุรพงษ์ โตวิจักษ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่ นายชัย ออกมาแสดงความคิดเห็นเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ต่อพรรคประชาธิปัตย์ว่า ไม่อยากให้มี ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ โดยระบุว่า เป็นการเล่นละครระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล เพื่อต่อรองงบประมาณบางอย่าง เพราะในชั้นกรรมาธิการสามารถพูดคุยกันได้ ไม่จำเป็นต้องออกมาโวยวาย เนื่องจากสุดท้ายเมื่อตกลงกันได้เรื่องจะเงียบ และยอมโหวตผ่าน เพราะหากการแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ผ่านสภา รัฐบาลต้องยุบสภา อย่างไรก็ตามตนเชื่อว่า แนวทางที่รัฐบาลจะใช้ คือให้มี ส.ส.เขต จำนวน 375 คน และส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ จำนวน 125 คน