ส.ว.อดีตผู้ว่าราชการจังหวัด แถลงซัดมหาดไทยย้ายผู้ว่าฯ-ข้าราชการบ่อย ส่อทำงานไม่รอบคอบ ไร้มาตรฐาน “ฐิระวัตร” เชื่อคงเหลือทนจึงมีแฉ “กฤช” จวกโยก “มานิต คิกๆ” นั่งปลัด ข้ามหัวชาวบ้านทำกระทรวงถูกย่ำยี ฉะนักการเมืองทำลายความเป็นธรรมข้าราชการหมด “ดิเรก” ไล่ผู้ว่าฯ ตั้งโต๊ะแถลงชเลียร์นายกลับไปดูแลประชาชนเถิด จี้เป็นราชสีห์ต้องเดินให้สง่า อย่าตามตูดจิ้งจอก จี้นายกฯ ตั้งกรรมการสอบ
วันนี้ (22 ก.พ.) ที่รัฐสภา คณะ ส.ว.ที่เป็นอดีตผู้ว่าราชการจังหวัด นำโดย นายฐิระวัตร กุลละวณิชย์ ส.ว.สรรหา ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการปกครอง นายกฤช อาทิตย์แก้ว ส.ว.กำแพงเพชร และนายดิเรก ถึงฝั่ง ส.ว.นนทบุรี ร่วมกันแถลงข่าวถึงปัญหาการโยกย้ายและการซื้อขายตำแหน่งในกระทรวงมหาดไทย โดยนายฐิระวัตรกล่าวว่า กรรมาธิการปกครองได้ติดตามเรื่องแต่งตั้งโยกย้ายในกระทรวงมหาดไทยตั้งแต่เดือน ก.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งสงสัยว่าต้องมีอะไรที่ไม่ปกติ โดยเฉพาะการโยกย้ายผู้ว่าฯ ปีละ 4 ครั้ง รวมทั้งสิ้น 83 จังหวัด เพราะบางจังหวัดย้ายแล้วย้ายอีก 3-4 เดือนย้ายหนึ่งครั้ง บางจังหวัดมีผู้ว่าฯ 3 คนต่อปี ผู้ว่าบางคนย้ายปีละ 2-3 จังหวัด เช่น จังหวัดสิงห์บุรี พระนครศรีอยุธยาและสุราษฎร์ธานี ส่งผลให้ส่วนราชการและราษฎรทำงานลำบาก แสดงให้เห็นว่าเป็นการออกคำสั่งที่ไม่รอบคอบ ย้ายคนเป็นว่าเล่น
นายฐิระวัตรกล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังมีการโยกย้ายที่รอบคอบเกินกว่าเหตุ โดยเฉพาะตำแหน่งนายอำเภอที่เกษียณตั้งแต่เดือนต,ค.ปี 52 แต่เพิ่งตั้งได้เมื่อเดือน ก.พ.53 ที่ผ่านมา รวมทั้งผู้บริหารระดับสูงของกรมโยธาธิการจังหวัด และกรมการปกครอง ก็ยังแต่งตั้งได้ไม่หมด ทั้งนี้กรรมาธิการฯเห็นว่าการโยกย้ายไม่มีมาตรฐาน ย้ายผู้ว่าฯ ปีละ 4 ครั้งก็ไม่เคยมีมาก่อน และผู้มีอาวุโสมากกว่าก็ไม่ได้รับการแต่งตั้ง ทั้งที่มีนายอำเภอที่มีผลงานดีเด่นระดับเพชร ก็ถูกย้ายไปอยู่ที่อำเภอระดับต่ำลงไป และบางอำเภอมีการย้ายในเขตเลือกตั้ง เช่น จังหวัดอุบลราชธานี และจังหวัดฉะเชิงเทรา
“อยากให้ผู้บริหารนำแนวคิดเรื่องการบริหารงานบุคคลมาใช้เป็นหลักเกณฑ์ เพราะธรรมดาข้าราชการไม่มีปากเสียงอยู่แล้ว แต่ครั้งนี้คงอึดอัดเต็มที่ถึงได้ออกมาพูด อยากให้ผู้บริหารคิดในทางกลับกัน แทนที่จะลงโทษดำเนินคดี ทำไมไม่เรียกมาพูดคุยเพื่อสร้างความเข้าใจกัน” นายฐิระวัตรกล่าว
นายกฤชกล่าวว่า ขอตั้งข้อสังเกตการณ์แต่งตั้งโยกย้ายนายมานิต วัฒนเสน เป็นปลัดกระทรวงมหาดไทย ที่ผ่านมาก็ข้ามหัวคนอื่นมา 11 คน ซึ่งกระทรวงมหาดไทยก็ไม่เคยมีธรรมเนียม และถูกย่ำยีขนาดนี้ ถามว่านายมานิตเก่งไหม ก็ตอบว่าเก่ง แต่ในสายตาของคนมหาดไทยมีคนเก่งมากกว่าแล้วทำไมไม่ตั้ง ทั้งนี้ ขอให้จับตาดูการแต่งตั้งตำแหน่งปลัดกระทรวงมหาดไทยแทนนายมานิตที่กำลังจะเกษียณว่าคนต่อไปอาจจะข้ามหัวมาเป็น 100 คนก็อาจเป็นได้ เพราะขณะนี้กระทรวงมหาดไทยกำลังจะไม่มีที่ยืน เพราะกระทรวงมหาดไทยไม่ได้รับความเชื่อถือจากประชาชน
“ความเป็นธรรมของข้าราชการบางคนถูกทำลายโดยนักการเมือง การแต่งตั้งข้าราชการส่วนใหญ่ไม่ได้รับความเป็นธรรม แต่งตั้งถูกใจแต่ไม่ถูกต้อง ความจริงอำนาจในการแต่งตั้งอยู่ที่อธิบดีและปลัดกระทรวง แต่อยากถามว่าบุคคลเหล่านี้มีอำนาจแท้จริงหรือไม่ หรือมีผู้ใดชี้ให้ออกคำสั่ง คนเหล่านั้นไม่ใช่คนธรรมดา แต่เป็นนักการเมือง หรือผู้มีอำนาจ ดังนั้นการดำเนินการในเรื่องนี้น่าจะขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 266 (2) อย่างไรก็ตาม หากมีหลักฐานที่จะดำเนินการได้ กรรมาธิการปกครองจะดำเนินการทุกอย่างที่สามารถทำได้” นายกฤชกล่าว
ด้าน นายดิเรกกล่าวว่า การที่ตนและกมธ.การปกครองออกมาแถลงข่าวเพราะต้องการปกป้องความเป็นธรรมในการแต่งตั้งโยกย้ายของกระทรวงมหาดไทย และที่มีคำถามว่าการแต่งตั้งโยกย้ายครั้งนี้ มีผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้องหรือไม่ ตนไม่ขอตอบ แต่สงสัยว่าทำไมช่วงนี้กระทรวงมหาดไทยถึงได้มีข่าวเช่นนี้ออกมา ซึ่งจริงหรือไม่จริงสังคมต้องมองเอง ส่วนที่ผู้ว่าราชการจังหวัดบางส่วนจะออกมาแถลงข่าวยืนยันว่า ไม่มีการซื้อขายตำแหน่งในกระทรวงมหาดไทยนั้น ตนอยากฝากไปถึงผู้ว่าฯ กลุ่มนั้น ให้หยุดการกระทำ เพราะสังคมมองภาพมากกว่านี้ อย่าให้สังคมมองว่ารับใช้นักการเมือง ให้กลับไปทำงานดูแลประชาชนในพื้นที่ ส่วนเราจะปกป้องสถาบันมหาดไทยอย่างเต็มที่
“มีคนพูดว่าผู้ว่าฯ เปรียบเหมือนราชสีห์ดูแลสรรพสัตว์ในพื้นที่ ดังนั้น อยากให้ราชสีห์เดินสง่า ไม่ใช่เดินคอตกตามสุนัขจิ้งจอก และอยากฝากไปถึงนักการเมืองขอให้มีจิตสำนึกในเรื่องความเป็นธรรม และธรรมาภิบาล และฝากไปถึงนักปกครอง อย่าทำตัวมุ่งรับใช้นักการเมือง เจริญก้าวหน้าโดยยอมซุกอกนักการเมือง และกระโดดข้ามหัวเพื่อนไปสู่ตำแหน่งใหญ่ ถ้าข้าราชการไปวิ่งซุกอกของเขาเพื่อให้เจริญ นักการเมืองถึงได้มายุ่งกับเรา” นายดิเรกกล่าว
นายดิเรกกล่าวอีกว่า ในส่วนการตรวจสอบเรื่องนี้ ทาง กมธ.ยังไม่ได้รับการร้องเรียนจากผู้เสียหาย แต่ทราบข้อมูลมาจากน้องๆ ข้าราชการในกระทรวงมหาดไทย ทั้งนี้ การแถลงข่าวครั้งนี้ ต้องการให้ผู้เสียหายเห็นว่า กมธ.ให้ความสำคัญและยินดีที่จะช่วยเหลือและตรวจสอบ ดังนั้น จึงอยากให้ทำเรื่องร้องเรียนเข้ามา เพื่อตรวจสอบต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในเมื่อไม่หลักฐาน จะดำเนินการเอาผิดได้อย่างไร นายดิเรก กล่าวว่า ขณะนี้ทางตำรวจได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบการแต่งตั้งโยกย้าย ในข้าราชการตำรวจ ดังนั้น ตนอยากให้นายกรัฐมนตรี อย่าหยุดตรวจสอบการทุจริตในการแต่งตั้ง จึงอยากให้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบการแต่งตั้งโยกย้ายในกระทรวงมหาดไทย เช่นกัน เพราะประชาชนดูอยู่ เขาไม่อยากเห็นผู้ว่าฯ มายืนเฝ้านักการเมือง อย่างไรก็ตาม ในยุคที่ตนได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้ว่าฯ ซึ่งเป็นยุคที่ ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งสมัยนั้นไม่มีเรื่องแบบนี้ ขอการันตีได้เลย ยุคนี้ถือเป็นยุคที่ตกต่ำ
ด้าน นายสุพจน์ โพธิ์ทองคำ ส.ว.สรรหา อดีตผู้ว่าฯ กล่าวว่า ตั้งแต่รับราชการกระทรวงมหาดไทยมา 44 ปี พูดได้เต็มปากว่ากระทรวงมหาดไทยไม่เคยมีเรื่องฉาวโฉ่ การจะไปเรียกหาใบเสร็จจากผู้กระทำผิด คงเป็นไปไม่ได้ เพราะในทางปฏิบัตินักการเมืองไม่ออกคำสั่งเป็นลายยักษ์อักษรแน่นอน แต่จะเรียกอธิบดีมาบอกแล้วสั่งให้จดชื่อกลับไป เป็นการสั่งด้วยวาจา สั่งกันสองต่อสองในห้อง จึงไม่มีใบเสร็จ ซึ่งไม่เหมือนกับการจัดซื้อคอมพิวเตอร์ในกระทรวงมหาดไทย จำนวน 3,490 ล้านบาท ที่ประธานเทคโนโลยีไม่สามารถควบคุมได้ จึงย้ายให้คนอื่นมาดูแลแทน อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ข้าราชการในกระทรวงผิดหวังและสะเทือนใจมากที่กระทรวงมหาดไทยตกต่ำ รวมทั้ง อยากเรียกร้องให้นายกฯ ควบคุมรัฐมนตรีให้ทำหน้าที่ตามที่ได้แถลงนโยบายไว้ด้วย
วันนี้ (22 ก.พ.) ที่รัฐสภา คณะ ส.ว.ที่เป็นอดีตผู้ว่าราชการจังหวัด นำโดย นายฐิระวัตร กุลละวณิชย์ ส.ว.สรรหา ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการปกครอง นายกฤช อาทิตย์แก้ว ส.ว.กำแพงเพชร และนายดิเรก ถึงฝั่ง ส.ว.นนทบุรี ร่วมกันแถลงข่าวถึงปัญหาการโยกย้ายและการซื้อขายตำแหน่งในกระทรวงมหาดไทย โดยนายฐิระวัตรกล่าวว่า กรรมาธิการปกครองได้ติดตามเรื่องแต่งตั้งโยกย้ายในกระทรวงมหาดไทยตั้งแต่เดือน ก.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งสงสัยว่าต้องมีอะไรที่ไม่ปกติ โดยเฉพาะการโยกย้ายผู้ว่าฯ ปีละ 4 ครั้ง รวมทั้งสิ้น 83 จังหวัด เพราะบางจังหวัดย้ายแล้วย้ายอีก 3-4 เดือนย้ายหนึ่งครั้ง บางจังหวัดมีผู้ว่าฯ 3 คนต่อปี ผู้ว่าบางคนย้ายปีละ 2-3 จังหวัด เช่น จังหวัดสิงห์บุรี พระนครศรีอยุธยาและสุราษฎร์ธานี ส่งผลให้ส่วนราชการและราษฎรทำงานลำบาก แสดงให้เห็นว่าเป็นการออกคำสั่งที่ไม่รอบคอบ ย้ายคนเป็นว่าเล่น
นายฐิระวัตรกล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังมีการโยกย้ายที่รอบคอบเกินกว่าเหตุ โดยเฉพาะตำแหน่งนายอำเภอที่เกษียณตั้งแต่เดือนต,ค.ปี 52 แต่เพิ่งตั้งได้เมื่อเดือน ก.พ.53 ที่ผ่านมา รวมทั้งผู้บริหารระดับสูงของกรมโยธาธิการจังหวัด และกรมการปกครอง ก็ยังแต่งตั้งได้ไม่หมด ทั้งนี้กรรมาธิการฯเห็นว่าการโยกย้ายไม่มีมาตรฐาน ย้ายผู้ว่าฯ ปีละ 4 ครั้งก็ไม่เคยมีมาก่อน และผู้มีอาวุโสมากกว่าก็ไม่ได้รับการแต่งตั้ง ทั้งที่มีนายอำเภอที่มีผลงานดีเด่นระดับเพชร ก็ถูกย้ายไปอยู่ที่อำเภอระดับต่ำลงไป และบางอำเภอมีการย้ายในเขตเลือกตั้ง เช่น จังหวัดอุบลราชธานี และจังหวัดฉะเชิงเทรา
“อยากให้ผู้บริหารนำแนวคิดเรื่องการบริหารงานบุคคลมาใช้เป็นหลักเกณฑ์ เพราะธรรมดาข้าราชการไม่มีปากเสียงอยู่แล้ว แต่ครั้งนี้คงอึดอัดเต็มที่ถึงได้ออกมาพูด อยากให้ผู้บริหารคิดในทางกลับกัน แทนที่จะลงโทษดำเนินคดี ทำไมไม่เรียกมาพูดคุยเพื่อสร้างความเข้าใจกัน” นายฐิระวัตรกล่าว
นายกฤชกล่าวว่า ขอตั้งข้อสังเกตการณ์แต่งตั้งโยกย้ายนายมานิต วัฒนเสน เป็นปลัดกระทรวงมหาดไทย ที่ผ่านมาก็ข้ามหัวคนอื่นมา 11 คน ซึ่งกระทรวงมหาดไทยก็ไม่เคยมีธรรมเนียม และถูกย่ำยีขนาดนี้ ถามว่านายมานิตเก่งไหม ก็ตอบว่าเก่ง แต่ในสายตาของคนมหาดไทยมีคนเก่งมากกว่าแล้วทำไมไม่ตั้ง ทั้งนี้ ขอให้จับตาดูการแต่งตั้งตำแหน่งปลัดกระทรวงมหาดไทยแทนนายมานิตที่กำลังจะเกษียณว่าคนต่อไปอาจจะข้ามหัวมาเป็น 100 คนก็อาจเป็นได้ เพราะขณะนี้กระทรวงมหาดไทยกำลังจะไม่มีที่ยืน เพราะกระทรวงมหาดไทยไม่ได้รับความเชื่อถือจากประชาชน
“ความเป็นธรรมของข้าราชการบางคนถูกทำลายโดยนักการเมือง การแต่งตั้งข้าราชการส่วนใหญ่ไม่ได้รับความเป็นธรรม แต่งตั้งถูกใจแต่ไม่ถูกต้อง ความจริงอำนาจในการแต่งตั้งอยู่ที่อธิบดีและปลัดกระทรวง แต่อยากถามว่าบุคคลเหล่านี้มีอำนาจแท้จริงหรือไม่ หรือมีผู้ใดชี้ให้ออกคำสั่ง คนเหล่านั้นไม่ใช่คนธรรมดา แต่เป็นนักการเมือง หรือผู้มีอำนาจ ดังนั้นการดำเนินการในเรื่องนี้น่าจะขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 266 (2) อย่างไรก็ตาม หากมีหลักฐานที่จะดำเนินการได้ กรรมาธิการปกครองจะดำเนินการทุกอย่างที่สามารถทำได้” นายกฤชกล่าว
ด้าน นายดิเรกกล่าวว่า การที่ตนและกมธ.การปกครองออกมาแถลงข่าวเพราะต้องการปกป้องความเป็นธรรมในการแต่งตั้งโยกย้ายของกระทรวงมหาดไทย และที่มีคำถามว่าการแต่งตั้งโยกย้ายครั้งนี้ มีผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้องหรือไม่ ตนไม่ขอตอบ แต่สงสัยว่าทำไมช่วงนี้กระทรวงมหาดไทยถึงได้มีข่าวเช่นนี้ออกมา ซึ่งจริงหรือไม่จริงสังคมต้องมองเอง ส่วนที่ผู้ว่าราชการจังหวัดบางส่วนจะออกมาแถลงข่าวยืนยันว่า ไม่มีการซื้อขายตำแหน่งในกระทรวงมหาดไทยนั้น ตนอยากฝากไปถึงผู้ว่าฯ กลุ่มนั้น ให้หยุดการกระทำ เพราะสังคมมองภาพมากกว่านี้ อย่าให้สังคมมองว่ารับใช้นักการเมือง ให้กลับไปทำงานดูแลประชาชนในพื้นที่ ส่วนเราจะปกป้องสถาบันมหาดไทยอย่างเต็มที่
“มีคนพูดว่าผู้ว่าฯ เปรียบเหมือนราชสีห์ดูแลสรรพสัตว์ในพื้นที่ ดังนั้น อยากให้ราชสีห์เดินสง่า ไม่ใช่เดินคอตกตามสุนัขจิ้งจอก และอยากฝากไปถึงนักการเมืองขอให้มีจิตสำนึกในเรื่องความเป็นธรรม และธรรมาภิบาล และฝากไปถึงนักปกครอง อย่าทำตัวมุ่งรับใช้นักการเมือง เจริญก้าวหน้าโดยยอมซุกอกนักการเมือง และกระโดดข้ามหัวเพื่อนไปสู่ตำแหน่งใหญ่ ถ้าข้าราชการไปวิ่งซุกอกของเขาเพื่อให้เจริญ นักการเมืองถึงได้มายุ่งกับเรา” นายดิเรกกล่าว
นายดิเรกกล่าวอีกว่า ในส่วนการตรวจสอบเรื่องนี้ ทาง กมธ.ยังไม่ได้รับการร้องเรียนจากผู้เสียหาย แต่ทราบข้อมูลมาจากน้องๆ ข้าราชการในกระทรวงมหาดไทย ทั้งนี้ การแถลงข่าวครั้งนี้ ต้องการให้ผู้เสียหายเห็นว่า กมธ.ให้ความสำคัญและยินดีที่จะช่วยเหลือและตรวจสอบ ดังนั้น จึงอยากให้ทำเรื่องร้องเรียนเข้ามา เพื่อตรวจสอบต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในเมื่อไม่หลักฐาน จะดำเนินการเอาผิดได้อย่างไร นายดิเรก กล่าวว่า ขณะนี้ทางตำรวจได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบการแต่งตั้งโยกย้าย ในข้าราชการตำรวจ ดังนั้น ตนอยากให้นายกรัฐมนตรี อย่าหยุดตรวจสอบการทุจริตในการแต่งตั้ง จึงอยากให้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบการแต่งตั้งโยกย้ายในกระทรวงมหาดไทย เช่นกัน เพราะประชาชนดูอยู่ เขาไม่อยากเห็นผู้ว่าฯ มายืนเฝ้านักการเมือง อย่างไรก็ตาม ในยุคที่ตนได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้ว่าฯ ซึ่งเป็นยุคที่ ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งสมัยนั้นไม่มีเรื่องแบบนี้ ขอการันตีได้เลย ยุคนี้ถือเป็นยุคที่ตกต่ำ
ด้าน นายสุพจน์ โพธิ์ทองคำ ส.ว.สรรหา อดีตผู้ว่าฯ กล่าวว่า ตั้งแต่รับราชการกระทรวงมหาดไทยมา 44 ปี พูดได้เต็มปากว่ากระทรวงมหาดไทยไม่เคยมีเรื่องฉาวโฉ่ การจะไปเรียกหาใบเสร็จจากผู้กระทำผิด คงเป็นไปไม่ได้ เพราะในทางปฏิบัตินักการเมืองไม่ออกคำสั่งเป็นลายยักษ์อักษรแน่นอน แต่จะเรียกอธิบดีมาบอกแล้วสั่งให้จดชื่อกลับไป เป็นการสั่งด้วยวาจา สั่งกันสองต่อสองในห้อง จึงไม่มีใบเสร็จ ซึ่งไม่เหมือนกับการจัดซื้อคอมพิวเตอร์ในกระทรวงมหาดไทย จำนวน 3,490 ล้านบาท ที่ประธานเทคโนโลยีไม่สามารถควบคุมได้ จึงย้ายให้คนอื่นมาดูแลแทน อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ข้าราชการในกระทรวงผิดหวังและสะเทือนใจมากที่กระทรวงมหาดไทยตกต่ำ รวมทั้ง อยากเรียกร้องให้นายกฯ ควบคุมรัฐมนตรีให้ทำหน้าที่ตามที่ได้แถลงนโยบายไว้ด้วย