อดีตเลขาธิการ ครม. แฉเล่ห์นักการเมืองชอบลักไก่ทำแต่งตั้งโยกย้ายมาทั้งแบบถูกกติกา-ผิดกติกา เสนอ 6 แนวทางสร้างธรรมาภิบาล เน้นทำประวัติผลงาน-ออก พ.ร.ฎ.ควบคุมธรรมาภิบาล ชี้ยุคนี้มีการถวายฎีกาเรื่องแต่งตั้งโยกย้ายมาก แต่ไม่ค่อยได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานต้นสังกัดตรวจสอบ
วันนี้ (22 ก.พ.) ที่สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) นนทบุรี นายวิษณุ เครืองาม อดีตรองนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษในงานวันมูลนิธิ พ.อ.จินดา ณ สงขลา เรื่อง “แต่งตั้งอย่างไรให้มีคุณธรรม” ว่า ในอดีตที่ตนเคยเป็นเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เคยเห็นการละเมิดในการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับสูงสองลักษณะ คือ ละเมิดนอกเกมกติกา อาทิ การแต่งตั้งโยกย้ายส่วนมาก จะเข้าสู่ที่ประชุม ครม.เป็นวาระจร หรือบ่อยครั้งที่ใช้เป็นวาระเพื่อทราบ ให้นายกรัฐมนตรีอนุมัติแทน ครม.ไปก่อน แล้วถ้า ครม.ทักท้วงจึงมีการแก้ไข ซึ่งเท่าที่เกิดมายังไม่เคยเห็นการทักท้วงและการละเมิดในกติกา บางครั้งรัฐมนตรีอยากแต่งตั้งระดับ 10 เทียบเท่าอธิบดี ซึ่งเป็นอำนาจของปลัดกระทรวงก็จะทำหนังสือให้ปลัดเข้มาช่วยราชการในทำเนียบ หรือให้ไปราชการต่างประเทศ เพื่อให้รองปลัดคนอื่นขึ้นและเซ็นคำสั่ง ทั้งนี้ กรณีที่ฝ่ายการเมืองจะแทรกแซงการแต่งตั้งมีอยู่ 2 ช่วง คือ ช่วงที่ฝ่ายการเมืองเข้มแข็งมาก รัฐบาลมีเสียงเด็ดขาด เช่น ในภาวะปฏิวัติ กับช่วงที่ฝ่ายการเมืองกำลังอ่อนแอ มีความแตกแยกกันเอง
นายวิษณุกล่าวต่อว่า จุดสำคัญในการควบคุมระบบคุณธรรม คือการที่ในช่วงมีการร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 มีการพิจารณาแก้ไข พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการพลเรือน และตั้งคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม (ก.พ.ค.) โดยได้เริ่มมีในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นก่อน และในส่วนของข้าราชการพลเรือนทั่วไป กำลังจัดตั้งคณะกรรมการนี้ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ปรากฏใน พ.ร.บ.ดังกล่าว คือระบบคุณธรรม ใน ม.22 ว่า การแต่งตั้งข้าราชการต้องคำนึงถึงความรู้ความสามารถ ความเสมอภาค เป็นธรรม และประโยชน์ทางราชการ คือคำนึงถึงผลงานต้องมาก่อน ไม่ใช่เรื่องความคิดเห็นทางการเมือง และ ม.52 การบรรจุ แต่งตั้ง ต้องใช้ระบบคุณธรรม คำนึงถึงผลงาน ความประพฤติ พฤติการจริยธรรม ตลอดจนประโยชน์ข้าราชการ เคยมีคนถามว่า อาวุโสไปอยู่ตรงไหน ก็อยู่ในส่วนของความเป็นธรรม แต่สิ่งที่มีน้ำหนักมากกว่าคือผลงาน
นายวิษณุกล่าวต่อว่า ในขณะนี้มีข่าวเรื่องการซื้อขายตำแหน่ง ทั้งตำรวจ ทั้งโรงเรียนนายอำเภอ ตนไม่ยืนยันว่าจริง เพราะอยู่ข้างนอกแล้ว แต่สังเกตว่า ทำไมการแต่งตั้งมีทุกปี แต่เพิ่งเป็นข่าวปีนี้ รัฐบาล ก.พ.ตลอดจนผู้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ต้องหวั่นไหว เพราะมันท้าทายระบบราชการอย่างฉกาจฉกรรจ์ สิ่งที่ตนสังเกตเห็นและต้องการให้เป็นวิธีแก้ไข คือ 1.การแต่งตั้งอะไรที่ยึกยัก ปล่อยให้เวลาผ่านไปนานผิดปรกติ จนข้าราชการขวัญเสีย หัวไม่ขยับหางขึ้นไม่ได้ จะประวิงเวลาไว้รออะไร รอให้มีคนอื่นอาวุโส หรือรอผ่านเกณฑ์อะไร ดังนั้นต้องมีเกณฑ์เวลาเรื่องการแต่งตั้งที่ชัดเจน 2.ต้องมีความโปร่งใส กรรมวิธีอธิบายได้ โดยเฉพาะระดับที่ต้องโปรดเกล้าฯ เมื่อผ่าน ครม.ต้องมีประวัติแนบทุกครั้ง แต่บางครั้ง ในการแต่งตั้งโยกย้ายใหญ่ อย่างผู้ว่าฯ หรือทูต ก็ไม่ได้ทำประวัติแนบ แต่ควรต้องมีประวัติเก็บไว้ที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) เพื่ออ้างอิงเวลาถูกทวงถามว่า คนๆ นี้ได้รับการแต่งตั้งเพราะความเหมาะสมอย่างไร โดยเฉพาะขณะนี้ มีการถวายฎีกาเรื่องความไม่ชอบธรรมในการแต่งตั้งโยกย้ายมาก คนตอบคือเลขาฯ ครม.ทั้งนั้น
นายวิษณุกล่าวต่อว่า 3 อยากให้ ก.พ. ก.พ.ค. และคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) ได้จัดประชุมระดับรัฐมนตรีหรือหัวหน้าส่วนราชการระดับกรม มาพูดคุยสะท้อนปัญหา เมื่อมีอะไรเป็นข่าวออกไป มันก็เหมือนยันต์ให้ผีกลัวระดับหนึ่ง อีกทั้งยังมีผู้ใหญ่เคยเสนอให้มีการรวมตัวของข้าราชการผู้ใหญ่เกษียณในการช่วยสะท้อนปัญหา และเรียกร้องให้เกิดธรรมาภิบาล ซึ่งทราบว่า มีการรวมตัวแล้ว แต่ยังจำกัดค่อนข้างแคบ 4 พ.ร.บ.ระเบียบบริหารข้าราชการพลเรือนฉบับปัจจุบัน ได้ให้ ม.98 เรื่องการคุ้มครองพยาน ข้าราชการคนไหนได้รู้ว่า มีสิ่งไม่ดี ไปรายงานผู้บังคับบัญชา ก็จะถูกปกป้อง กันเป็นพยาน หากสอบแล้วมีมูล ก็ได้รับความดีความชอบ
“อย่างตัวอย่างตอนนี้ มีข่าวเรื่องซื้อขายตำแหน่ง อยากให้คนที่จ่าย แต่ไม่ได้ตำแหน่ง ไปให้ข้อมูลไปร้องเรียน แล้วต้องปกป้องเขาให้ปลอดภัยด้วย เหมือนเวลาที่มีการถวายฎีกาต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เวลามีคนไปหาข้อเท็จจริงเพื่อใช้ประกอบพระบรมราชวินิจฉัย ก็ไม่บอกว่าใครร้อง แต่มีปัญหา พอส่งหน่วยงานต้นสังกัด ก็เงียบแล้วทิ้งเรื่องไว้นาน หรือบอกว่า อยู่ระหว่างการสอบสวน หรือมีอีกประเภท บอกว่า สอบแล้วไม่มีมูล เว้นแต่จะแจ้งว่า ใครร้อง สำนักราชเลขาธิการก็เคยบ่นมาแล้วว่า ไม่ได้รับความร่วมมือ ดังนั้น จึงอยากให้มีระบบคุ้มครองพยานกระตุ้นให้คนพูด หลังๆ นี้ มีการถวายฎีกาเรื่องคัดค้านการแต่งตั้งโยกย้ายจำนวนมาก” นายวิษณุกล่าว
นายวิษณุกล่าวต่อว่า 5.อยากให้มีการลองพิจารณา พรบ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน ม.3 (1) ตีความเรื่องการบริหารตามหลักการบริหารบ้านเมืองที่ดี ออกเป็นพระราชกฤษฎีกา ว่าด้วยการแต่งตั้งข้าราชการให้ชัดเจน ต่อไปใครละเมดจะได้ถือว่า ผิดกฎหมาย หนักกว่าผิดมติ ครม.หรือผิดมติ ก.พ.มาก นำไปสู่การถอดถอนหรือยื่นฟ้องศาลปกครองได้ แต่ลองออกเป็นมติ ครม.นำร่องก่อนก็ได้ เพราะถ้าเป็นกฎหมายจะแก้ยาก และ 6 ก.พ.ค.มีอำนาจตาม ม.126 ว่า ถ้าระเบียบคำสั่งใดไม่เป็นไปตามระบบคุณธรรม ก็สั่งให้แก้ไขได้ เช่น เรื่องกรอบการใช้ดุลพินิจ การเลือกปฏิบัติ แต่ ก.พ.ค.เองต้องกำหนดกรอบการใช้อำนาจ ตีความคำที่ยังคลุมเครืออย่างคำว่า ระบบคุณธรรม ให้ชัดเจน ซึ่งเรื่องนี้อยากให้เร่งดำเนินการ เพราะกำลังอื้อฉาว วันนี้คงมีความจำเป็นแล้ว ที่เลขาธิการ ก.พ.จะต้องเข้าที่ประชุม ครม.ด้วย เพราะมีเรื่องการแต่งตั้งโยกย้าย เรื่องวินัยค่อนข้างมาก