xs
xsm
sm
md
lg

คนเหนือยังต้องสูดฝุ่นก่อมะเร็งแม่ฮ่องสอนวิกฤตสุดรอบ 20 ปี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ป้ายแสดงผลการตรวจวัดปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กและคุณภาพอากาศ  ที่มีข้อมูลจากหลายจุดทั่วเมืองเชียงใหม่ โดยพบว่า ยังเกินมาตรฐานที่กำหนด
ศูนย์ข่าวภาคเหนือ – ยังไร้ผลเช่นเดิม มาตรการเลิกเผาเพื่อลดหมอกควัน คนเหนือยังต้องใช้ชีวิตใต้ม่านฝุ่นที่อาจก่อให้เกิดมะเร็งกันต่อไป เฉพาะแอ่งกระทะแม่ฮ่องสอน เจอวิกฤตสูงสุดรอบ 20 ปี AQI ใกล้ทะลุมาตรวัด

ดูเหมือนความพยายามที่จะรณรงค์ลดละการเผาทุกชนิด ในองค์กรต่าง ๆ รวมถึงการที่ประชาชนทั่วไปฉีดพ่นน้ำ ตลอดจนการทำฝนหลวง ฯลฯ เพิ่มความชื้นในอากาศ เพื่อหวังลดปัญหาหมอกควันของภาคเหนือ จนถึงขณะนี้ยังไร้ผลอย่างสิ้นเชิง เมื่อปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กกว่า 10 ไมครอน(PM10)-ดัชนีคุณภาพอากาศ(AQI)ของภาคเหนือตอนบน ยังคงเพิ่มระดับความเลวร้ายมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะที่แม่ฮ่องสอน ที่ล่าสุดใกล้จะทะลุระดับสูงสุดของขั้น “อันตรายแล้ว”

ในรายงานข้อมูลสารพิษค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมง คำนวณ ณ 09.00 น.วานนี้(18 มี.ค.) ของกรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่กำลังพยายามจัดประกวดชุมชนลดเลิกการเผาในภาคเหนือ เพื่อช่วยแก้ปัญหาอีกทาง พบว่า พื้นที่แอ่งกระทะแม่ฮ่องสอน สภาพอากาศอยู่ในขั้นเลวร้ายที่สุดอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนในรอบ 20 ปีมานี้ โดยวัดค่า PM10 ได้มากถึง 518.5 ไมโครกรัม/ลบ.ม.สูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน 5 เท่าตัว -AQI ก็สูงถึง 409.0 สูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานกว่า 4 เท่าตัว ขณะที่ปี 47-48 ระดับ AQI ที่ว่าเลวร้าย ยังอยู่ที่ 180-190 เท่านั้น

กรณี AQI ในพื้นที่แม่ฮ่องสอน ทะลุไปถึง 409 ถือว่าอยู่ในโซนสีแดง หรืออันตราย (AQI 300-500) ต่อเนื่องอีก

เช่นเดียวกับพื้นที่ จ.เชียงใหม่ บริเวณโรงเรียนยุพราชฯ ปรากฏว่า ค่า PM10 ก็ยังคงสูงต่อเนื่อง โดยยืนอยู่ที่ระดับ 187.0 ไมโครกรัม/ลบ.ม. AQI 129.0 , ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ ก็เช่นกัน โดยค่า PM10 วัดได้ 179.1 ไมโครกรัม/ลบ.ม. AQI 126.0

ที่เมืองชายแดนแม่สาย จนถึงวันนี้ สถานการณ์ก็ยังคงหนักหนา พ่อค้าแม่ขาย และนักท่องเที่ยว ยังคงต้องใช้ชีวิตอยู่ภายใต้ท่ามกลางหมอกควัน ฝุ่นละอองที่สูงถึง 259.2 ไมโครกรัม/ลบ.ม. – AQI 161.0 แม้ว่าเทศบาลตำบลแม่สาย จ.เชียงราย จะเพียรพยายามฉีดพ่นน้ำ ล้างถนนลดฝุ่นละอองอยู่ตลอดก็ตาม แต่กว่า 1 เดือนแล้ว ที่ประชาชนในพื้นที่แถบนี้ต้องสูดดมฝุ่นละอองเข้าไปทุกวัน แน่นอนว่าชีวิตพวกเขาเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งในระยะยาวด้วย

รวมถึงตัวเมืองเชียงราย ที่แม้ผู้ว่าราชการจังหวัด จะนำทีมให้องค์กรในท้องถิ่นฉีดพ่นน้ำขึ้นฟ้า เพิ่มความชื้นในอากาศ รณรงค์ลดเลิกการเผา ประสานกับประเทศพม่า – สปป.ลาว แล้วแต่ทุกอย่างยังคงไม่มีการเปลี่ยนแปลง คนเชียงรายก็ยังต้องสูดดมฝุ่นละอองขนาดเล็ก ที่วัดได้สูงถึง 239.0 ไมโครกรัม/ลบ.ม.-AQI 152.0 ต่อไป

สถานการณ์เช่นนี้ ก็เกิดขึ้นกับเมืองพะเยา ที่มีค่า PM10 สูงทะลุเพดานกันต่อไป โดยวัดได้ 218.4 ไมโครกรัม/ลบ.ม. –AQI 143.0 เหมือนกับจังหวัดลำพูน ที่PM10 ยังยืนอยู่ที่ 212.3 ไมโครกรัม/ลบ.ม.-AQI 140.0

ขณะที่จ.น่านฝุ่นละอองขนาดเล็ก วัดได้ 130.7 ไมโครกรัม/ลบ.ม. ซึ่งถือว่าลดลง แต่ยังคงเกินค่ามาตรฐาน 120 ไมโครกรัม/ลบ.ม. ทั้งนี้น่าจะเป็นผลพวงมาจากสภาพอากาศในระยะ 2 วันนี้ มีลมพัดแรงขึ้น จึงช่วยถ่ายเทสภาพอากาศ

แน่นอนว่า ภายใต้ม่านหมอกควันปกคลุมภาคเหนือนี้ นอกจากไม่ทำให้ไร้นักท่องเที่ยวแล้ว ที่อาจจะกระทบยาวไปถึงสงกรานต์ปีนี้แล้ว ยังทำให้คนในท้องถิ่นเจ็บป่วยด้วยโรคระบบทางเดินหายใจ โรคหัวใจ โรคผิวหนัง – ดวงตา จังหวัดละนับแสนคนแล้ว

นายแพทย์พงษ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ และหัวหน้ากลุ่มงานเวชกรรมสังคม โรงพยาบาลน่าน เปิดเผยว่า จากการเฝ้าระวังผลกระทบทางสุขภาพจาก ภาวะหมอกควัน สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดน่าน พบว่า ตัวเลขผู้ป่วยที่เข้ารักษาตัวตามโรงพยาบาลต่างๆในแต่ละอำเภอของจังหวัดน่าน ด้วยโรคทางเดินหายใจพุ่งสูงขึ้นถึง 72,833 รายแล้ว เป็นการเข้ารับการรักษาโรคเยื่อบุตาอักเสบ 2,566 ราย และโรคผิวหนังอักเสบ 2,272 ราย
กำลังโหลดความคิดเห็น