ศูนย์ข่าวภาคเหนือ – พระตำหนักภูพิงค์ราชนิเวศน์ บนดอยสุเทพฯ ตกอยู่ใต้ม่านหมอกควันแล้ว พบฝุ่นละอองขนาดเล็กสูงเกินมาตรฐานเช่นเดียวกับตัวเมืองเชียงใหม่ และ 7 จังหวัดภาคเหนือ ที่ล่าสุดส่วนใหญ่มีค่า PM10 สูงกว่า 200-300 ไมโครกรัม/ลบ.ม.เข้าไปแล้ว โดยเฉพาะแม่ฮ่องสอนล่าสุดวัดได้สูงกว่ามาตรฐานเกือบ 4 เท่าตัว
ยังคงเลวร้ายเพิ่มขึ้นไม่หยุดสำหรับสภาพอากาศในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน โดยผลการตรวจสารมลพิษเฉลี่ย 24 ชั่วโมง คำนวณ ณ 09.00 น.วานนี้(17 มี.ค.) ปรากฏว่า เกือบทุกจังหวัดมีปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กกว่า 10 ไมครอน (PM10)สูงกว่า 200 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร(ลบ.ม.)ทั้งสิ้นแล้ว
โดยเฉพาะที่แม่ฮ่องสอน จังหวัดก้นแอ่งกระทะ ที่มีภูเขาสูงล้อมรอบ พบว่า ปริมาณ PM10 วัดได้สูงสุดถึง 437.8 ไมโครกรัม/ลบ.ม.แล้ว เกินกว่าเกณฑ์มาตรฐานเกือบ 4 เท่าตัว ขณะที่ดัชนีคุณภาพอากาศ (AQI) ก็ทะลุเข้าสู่โซนสีแดงเข้าขั้น “อันตราย” วัดได้สูงถึง 320.0
เช่นเดียวกับที่จังหวัดลำพูน ที่พบว่า ปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก มีสูงถึง 350.3 ไมโครกรัม/ลบ.ม. – คุณภาพอากาศอยู่ที่ 200.0
ส่วนที่แม่สาย พื้นที่ชายแดนติดกับท่าขี้เหล็กของประเทศพม่า ที่ก่อนหน้านี้ถือเป็นพื้นที่ ที่มีปัญหาหมอกควันมากที่สุดในภาคเหนือตอนบน มีปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กในอากาศสูงเป็นอันดับหนึ่งติดต่อกันมานานนับเดือน ล่าสุดวัดปริมาณ PM10 ได้ 328.0 ไมโครกรัม/ลบ.ม. ขณะที่ AQI อยู่ที่ 190.0 ขณะที่ในตัวเมืองเชียงราย วัดค่า PM10 ได้ที่ 267.0 ไมโครกรัม/ลบ.ม.-AQI 190.0
สำหรับจังหวัดเชียงใหม่ ที่ก่อนหน้านี้ ก็เป็นอีกพื้นที่หนึ่ง ที่มีปัญหาหมอกควันเกินระดับมาตรฐานติดต่อกันมาหลายวันแล้ว และขณะนี้พบว่า ที่โรงเรียนยุพราช (กลางเมืองเชียงใหม่) วัดค่า PM10 ได้สูงถึง279.9 ไมโครกรัม/ลบ.ม.แล้ว และAQI อยู่ที่ 170.0 ส่วนที่ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ มีค่าPM10 อยู่ที่ 268.4 ไมโครกรัม/ลบ.ม.-AQI อยู่ที่ 165.0
ทั้งนี้แม้แต่บนพระตำหนักภูพิงค์ราชนิเวศน์ ที่ก่อนหน้านี้คุณภาพอากาศอยู่ในระดับปกติมาอย่างต่อเนื่อง ก็พบว่า ขณะนี้ปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก เพิ่มสูงขึ้นเกินมาตรฐานแล้ว โดยวัดได้ 151.5 ไมโครกรัม/ลบ.ม.-AQI วัดได้ 114.0
เช่นเดียวกับที่พะเยา ที่ปริมาณหมอกควันในอากาศ ยังไม่มีทีท่าว่าจะลดลงตลอดหลายสัปดาห์มานี้ โดยวัดปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กได้ถึง 271.0 ไมโครกรัม/ลบ.ม.-AQI อยู่ที่ 166.0 และลำปาง พบว่า มี PM10 สูงขึ้นเป็น 200.4 ไมโครกรัม/ลบ.ม.แล้ว – AQI อยู่ที่ 135.0
นพ.สุวัฒน์ กิตติดิลกกุล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดแม่ฮ่องสอน เปิดเผยว่า วานนี้(17 มี.ค.) ได้ประกาศให้ประชาชนทั้ง 7 อำเภอของแม่ฮ่องสอน งดออกกำลังกายกลางแจ้งโดยเด็ดขาดแล้ว หลังจากที่ปริมาณฝุ่นละอองในอากาศสูงกว่า 400 ไมโครกรัม/ลบ.ม. พร้อมทั้งเร่งรัดให้สถานพยาบาลของรัฐทุกอำเภอแจกจ่ายหน้ากากอนามัยให้แก่ประชาชน 43,000 ผืนอย่างเร่งด่วน และได้ขอสำรองหน้ากากอนามัยจากกรมควบคุมมลพิษเพิ่มอีก 30,000 ผืนด้วย ซึ่งคาดว่าจะได้รับในวันนี้(18 มี.ค.)
ขณะที่สถานการณ์ผู้ป่วยด้วยโรคทางเดินหายใจ โรคหัวใจ โรคผิวหนัง และดวงตา ที่ถือเป็นโรคเฝ้าระวังจากสภาพอากาศที่เลวร้ายในขณะนี้ นพ.สุวัฒน์ บอกว่า ที่แม่ฮ่องสอน ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ – 16 มีนาคม 2553 มีผู้ป่วยสะสมแล้วทั้งสิ้น 12,164 ราย
ทั้งนี้ในรายงานของกรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ระบุไว้ว่า เมื่อปี 2541 ที่ผ่านมา ธนาคารโลก เคยให้ทุนสนับสนุนการศึกษาเรื่องฝุ่นละอองที่มีผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยของคนในกรุงเทพฯมาแล้ว และพบว่า ฝุ่นละอองขนาดเล็กตั้งแต่ 10 ไมครอนลงมา อาจทำให้คนกรุงเทพฯตายก่อนเวลาอันควรถึง 4,000-5,000 รายในแต่ละปี
ยังคงเลวร้ายเพิ่มขึ้นไม่หยุดสำหรับสภาพอากาศในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน โดยผลการตรวจสารมลพิษเฉลี่ย 24 ชั่วโมง คำนวณ ณ 09.00 น.วานนี้(17 มี.ค.) ปรากฏว่า เกือบทุกจังหวัดมีปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กกว่า 10 ไมครอน (PM10)สูงกว่า 200 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร(ลบ.ม.)ทั้งสิ้นแล้ว
โดยเฉพาะที่แม่ฮ่องสอน จังหวัดก้นแอ่งกระทะ ที่มีภูเขาสูงล้อมรอบ พบว่า ปริมาณ PM10 วัดได้สูงสุดถึง 437.8 ไมโครกรัม/ลบ.ม.แล้ว เกินกว่าเกณฑ์มาตรฐานเกือบ 4 เท่าตัว ขณะที่ดัชนีคุณภาพอากาศ (AQI) ก็ทะลุเข้าสู่โซนสีแดงเข้าขั้น “อันตราย” วัดได้สูงถึง 320.0
เช่นเดียวกับที่จังหวัดลำพูน ที่พบว่า ปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก มีสูงถึง 350.3 ไมโครกรัม/ลบ.ม. – คุณภาพอากาศอยู่ที่ 200.0
ส่วนที่แม่สาย พื้นที่ชายแดนติดกับท่าขี้เหล็กของประเทศพม่า ที่ก่อนหน้านี้ถือเป็นพื้นที่ ที่มีปัญหาหมอกควันมากที่สุดในภาคเหนือตอนบน มีปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กในอากาศสูงเป็นอันดับหนึ่งติดต่อกันมานานนับเดือน ล่าสุดวัดปริมาณ PM10 ได้ 328.0 ไมโครกรัม/ลบ.ม. ขณะที่ AQI อยู่ที่ 190.0 ขณะที่ในตัวเมืองเชียงราย วัดค่า PM10 ได้ที่ 267.0 ไมโครกรัม/ลบ.ม.-AQI 190.0
สำหรับจังหวัดเชียงใหม่ ที่ก่อนหน้านี้ ก็เป็นอีกพื้นที่หนึ่ง ที่มีปัญหาหมอกควันเกินระดับมาตรฐานติดต่อกันมาหลายวันแล้ว และขณะนี้พบว่า ที่โรงเรียนยุพราช (กลางเมืองเชียงใหม่) วัดค่า PM10 ได้สูงถึง279.9 ไมโครกรัม/ลบ.ม.แล้ว และAQI อยู่ที่ 170.0 ส่วนที่ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ มีค่าPM10 อยู่ที่ 268.4 ไมโครกรัม/ลบ.ม.-AQI อยู่ที่ 165.0
ทั้งนี้แม้แต่บนพระตำหนักภูพิงค์ราชนิเวศน์ ที่ก่อนหน้านี้คุณภาพอากาศอยู่ในระดับปกติมาอย่างต่อเนื่อง ก็พบว่า ขณะนี้ปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก เพิ่มสูงขึ้นเกินมาตรฐานแล้ว โดยวัดได้ 151.5 ไมโครกรัม/ลบ.ม.-AQI วัดได้ 114.0
เช่นเดียวกับที่พะเยา ที่ปริมาณหมอกควันในอากาศ ยังไม่มีทีท่าว่าจะลดลงตลอดหลายสัปดาห์มานี้ โดยวัดปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กได้ถึง 271.0 ไมโครกรัม/ลบ.ม.-AQI อยู่ที่ 166.0 และลำปาง พบว่า มี PM10 สูงขึ้นเป็น 200.4 ไมโครกรัม/ลบ.ม.แล้ว – AQI อยู่ที่ 135.0
นพ.สุวัฒน์ กิตติดิลกกุล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดแม่ฮ่องสอน เปิดเผยว่า วานนี้(17 มี.ค.) ได้ประกาศให้ประชาชนทั้ง 7 อำเภอของแม่ฮ่องสอน งดออกกำลังกายกลางแจ้งโดยเด็ดขาดแล้ว หลังจากที่ปริมาณฝุ่นละอองในอากาศสูงกว่า 400 ไมโครกรัม/ลบ.ม. พร้อมทั้งเร่งรัดให้สถานพยาบาลของรัฐทุกอำเภอแจกจ่ายหน้ากากอนามัยให้แก่ประชาชน 43,000 ผืนอย่างเร่งด่วน และได้ขอสำรองหน้ากากอนามัยจากกรมควบคุมมลพิษเพิ่มอีก 30,000 ผืนด้วย ซึ่งคาดว่าจะได้รับในวันนี้(18 มี.ค.)
ขณะที่สถานการณ์ผู้ป่วยด้วยโรคทางเดินหายใจ โรคหัวใจ โรคผิวหนัง และดวงตา ที่ถือเป็นโรคเฝ้าระวังจากสภาพอากาศที่เลวร้ายในขณะนี้ นพ.สุวัฒน์ บอกว่า ที่แม่ฮ่องสอน ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ – 16 มีนาคม 2553 มีผู้ป่วยสะสมแล้วทั้งสิ้น 12,164 ราย
ทั้งนี้ในรายงานของกรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ระบุไว้ว่า เมื่อปี 2541 ที่ผ่านมา ธนาคารโลก เคยให้ทุนสนับสนุนการศึกษาเรื่องฝุ่นละอองที่มีผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยของคนในกรุงเทพฯมาแล้ว และพบว่า ฝุ่นละอองขนาดเล็กตั้งแต่ 10 ไมครอนลงมา อาจทำให้คนกรุงเทพฯตายก่อนเวลาอันควรถึง 4,000-5,000 รายในแต่ละปี
