ศูนย์ข่าวภาคเหนือ – 8 จังหวัดภาคเหนือไปกันใหญ่ ฝุ่นควันเต็มพื้นที่ เหลือแต่เมืองแพร่ “แม่สาย” PM10 เกือบ 300 ไมโครกรัม/ลบ.ม.-เชียงใหม่ พะเยา แม่ฮ่องสอน พุ่งไปเกือบ 200 ไมโครกรัมแล้ว เช่นเดียวกับดัชนีคุณภาพอากาศ(AQI)ที่เพิ่มขึ้นทั้งแถบ เผยคนเชียงใหม่ป่วยแล้วเฉียดแสนคน
รายงานข้อมูลสารมลพิษค่าเฉลี่ย 24 ชม. คำนวณ ณ เวลา 09.00 น.วานนี้(15 มี.ค.)ของกรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ระบุถึงปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กกว่า 10 ไมครอน(PM10) , คุณภาพอากาศ (AQI) ในพื้นที่ 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบนไว้อย่างชัดเจนว่า ขณะนี้เหลือเพียงจังหวัดแพร่เท่านั้น ที่ยังอยู่ต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน (PM10 ไม่เกิน 120 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร(ลบ.ม.)-AQI ไม่เกิน 100) ส่วนที่เหลืออีก 7 จังหวัด ทั้งเชียงราย เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน พะเยา ลำพูน ลำปาง และน่าน ล้วนแต่มีค่าเกินมาตรฐานทั้งสิ้น
ที่ บริเวณสถานีตรวจสาธารณสุขแม่สาย จ.เชียงราย พบว่า PM10 สูงถึง 296.4 ไมโครกรัม/ลบ.ม.-AQI เข้าใกล้ระดับ 200 ที่มีผลกระทบต่อสุขภาพประชาชนมากเข้าไปทุกขณะ โดยอยู่ในระดับ 177.0 แล้ว ขณะที่ในตัวเมืองเชียงราย ก็มีค่า PM10 สูงถึง 247.9 ไมโครกรัม/ลบ.ม. –AQI 156.0 ซึ่งถือว่าพื้นที่เชียงราย คุณภาพอากาศเลวร้ายมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2553 เป็นต้นมา
ส่วนที่เชียงใหม่ บริเวณโรงเรียนยุพราช กลางตัวเมือง มี PM10 อยู่ที่ 176.7 ไมโครกรัม/ลบ.ม.-AQI 125.0 เช่นเดียวกับที่ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ ที่ผลการตรวจคุณภาพอากาศทั้ง 2 ตัวเกินมาตรฐานทั้งสิ้น โดย PM10 อยู่ที่ 167.8 ไมโครกรัม/ลบ.ม.-AQI 121.0
ขณะที่พะเยา เป็นอีกจังหวัดหนึ่ง ที่มีค่าPM10-AQI สูงขึ้นตามมาติดๆ โดยยังไม่มีทีท่าจะลดลง โดยล่าสุดพบว่า มีค่า PM10 อยู่ที่ 193.3 ไมโครกรัม/ลบ.ม. – AQI อยู่ที่132.0 ,แม่ฮ่องสอน มีค่า PM10 อยู่ที่ 184.9 ไมโครกรัม/ลบ.ม.-AQI 128.0 ,ลำพูน มีค่า PM10 อยู่ที่ 162.5 ไมโครกรัม/ลบ.ม.-AQI อยู่ที่ 118.0 ,ลำปาง ค่า PM10 วัดได้ 149.4 ไมโครกรัม/ลบ.ม.-AQI วัดได้ 113.0 และเมืองน่าน มีค่า PM10 วัดได้ 130.7 ไมโครกรัม/ลบ.ม.-AQI วัดได้ 105.0
จากสภาพอากาศที่เลวร้ายต่อเนื่อง ก็ได้ส่งผลกระทบต่อสุขภาพประชาชน โดยเฉพาะในกลุ่มโรคทางเดินหายใจ ที่มีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นเป็นอันดับหนึ่งหลายพื้นที่ เฉพาะที่เชียงใหม่ ตั้งแต่ 1 กุมภาพันธ์-10 มีนาคม 2553 มีรายงานผู้ป่วยเข้ารับการรักษาตามโรงพยาบาลรัฐทั้งจังหวัดเชียงใหม่ แล้วมากถึง 71,608 ราย และคาดว่าภายใน 1-2 วันต่อจากนี้ ยอดผู้ป่วยจะเพิ่มขึ้นอีก หลังจาก 2 วันที่ผ่านมา คุณภาพอากาศของเชียงใหม่ เลวร้ายลงอีก อันจะทำให้ประชาชนเจ็บป่วยด้วยโรคทางเดินหายใจถึงขั้นเข้ารับการรักษาตามสถานพยาบาลหลังจากนั้นประมาณ 1-2 วัน
ด้านนายแพทย์ชำนาญ หาญสุทธิเวชกุล นายแพทย์สาธารณสุข จ.เชียงราย กล่าวว่า จำนวนผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาด้วยโรคที่เกี่ยวข้องกับทางเดินหายใจในช่วงที่คุณภาพอากาศย่ำแย่เช่นนี้ยังคงมีมากกว่า 10,000 คนต่อสัปดาห์เช่นเดิม เพราะสภาพอากาศไม่ได้ดีขึ้นเนื่องจากไม่มีฝนตกหรือพายุลมพัดแรง ทำให้หมอกควันที่มีอยู่ยังคงปกคลุมอยู่ที่เดิมและลอยต่ำลงมาจนส่งผลกระทบต่อทัศนวิสัยและสุขภาพไปทั่วบริเวณ ขณะที่หน้ากากอนามัยที่แจกจ่ายออกไปก็ต้องยอมรับว่าช่วยเหลือเรื่องสุขภาพได้เพียงระดับหนึ่งเท่านั้น และแจกจ่ายประชาชนกลุ่มเสี่ยงไปหมดแล้วด้วย
นายแพทย์ชำนาญ กล่าวอีกว่าฝุ่นละอองที่มีมากขึ้นตามผลการตรวจวัดและยืดเยื้อยาวนานติดต่อกันนับเดือนดังกล่าว แม้จะไม่ส่งผลต่อสุขภาพจนถึงขั้นเสียชีวิตทันทีในระยะสั้นๆ แต่จะมีผลระยะยาวต่อผู้ที่ป่วยเป็นโรคเกี่ยวกับภูมิแพ้ หืดหอบ ถุงลมโป่งพอง ฯลฯ คนเหล่านี้ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ควรออกนอกบ้านไปไหนและควรจะมีผ้าเช็ดน้ำเตรียมไว้ ป้องกันสภาพอากาศที่มีค่ามาตรฐานต่ำ และหากมีอาการหนักก็ควรไปพบแพทย์เพื่อเข้ารับการรักษาไปตามขั้นตอนต่อไป
“ช่วงนี้ไม่รู้จะทำอย่างไรก็คงต้องช่วยเหลือตัวเองเป็นหลัก หากออกนอกบ้านก็ควรจะพกผ้าเช็ดหน้าชุบน้ำเอาไว้ ขณะเดียวกันถ้าเป็นไปได้ก็ควรจะหันมาช่วยกันระดมฉีดน้ำตามจุดต่างๆ ทั้งในที่สาธารณะและบ้านเรือนเหมือนช่วงสงกรานต์ ช่วยให้อากาศชุ่มชื้นขึ้นได้บ้าง” นายแพทย์ชำนาญ กล่าว
นายแพทย์ศิริชัย ภัทรนุธาพร นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดลำปาง แจ้งว่า ที่ลำปาง มีผู้ป่วยเข้ารับการรักษาด้วยโรคระบบทางเดินหายใจรวมวันละประมาณ 246-522 คน ซึ่งยังไม่ถือว่ามากเกินผิดปกติ
ส่วนที่แม่ฮ่องสอน สาธารณสุขจังหวัด ระบุว่า ตั้งแต่ 1-14 มีนาคม 2553 มีผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจเข้ารับการรักษาพยาบาลแล้ว 2,501 คน แต่ถ้ารวมช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2553 ด้วย ยอดจะสูงกว่าหมื่นคนด้วยกัน