ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ – เชียงใหม่ค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM10 พุ่งเกินค่ามาตรฐานใกล้แตะ 300 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร อยู่ในระดับที่ส่งผลกระทบสุขภาพคนทั่วไปแล้ว ขณะที่นักวิชาการสิ่งแวดล้อม สนง.ทรัพยากรฯ ชี้สาเหตุมาจากการเผาป่าเป็นวงกว้างบนพื้นที่สูง ย้ำ จำเป็นต้องเพิ่มความเข้มมาตรการควบคุม แต่ยังเชื่อสถานการณ์จะไม่เลวร้ายถึงขั้นวิกฤติเหมือนปี 50 และไม่จำเป็นต้องประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติ ด้าน สสจ.เชียงใหม่เรียกประชุม อสม.ให้ช่วยออกแนะนำชาวบ้านดูแลสุขภาพในช่วงมลภาวะอากาศ
รายงานจากจังหวัดเชียงใหม่ แจ้งผลการตรวจวัดคุณภาพเมืองเชียงใหม่ วันนี้ (17 มี.ค.) พบค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM10 เกินค่ามาตรฐาน 120 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และค่าดัชนีคุณภาพอากาศเกินค่ามาตรฐาน 100 ติดต่อกันเป็นวันที่สี่แล้ว โดยที่สถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศของกรมควบคุมมลพิษที่ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่วัดค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM10 ได้ 268.4 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และวัดค่าดัชนีคุณภาพอากาศได้ 165 ขณะที่สถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศโรงเรียนยุพราชวิทยาลัย วัดค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM10 ได้ 279.9 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และวัดค่าดัชนีคุณภาพอากาศได้ 170
ส่วนที่สถานีพระตำหนักภูพิงค์ราชนิเวศ วัดค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM10 ได้ 151.5 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และวัดค่าดัชนีคุณภาพอากาศได้ 114 โดยค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กPM10 ที่พุ่งสูงเกินค่ามาตรฐานในเวลานี้ ถือว่าอยู่ในระดับที่มีผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนในพื้นที่แล้ว ซึ่งมีข้อแนะนำจากแพทย์ว่าควรลดและเลี่ยงการออกกำลังนอกอาคาร ขณะที่บรรยากาศทั่วเมืองเชียงใหม่ยังคงถูกปกคลุมหนาทึบด้วยหมอกควันตลอดทั้งวัน
นายสัญญา ทุมตะขบ นักวิชาการสิ่งแวดล้อมชำนาญการ สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า สถานการณ์ปัญหาหมอกควันของจังหวัดเชียงใหม่ที่รุนแรงขึ้นในช่วงนี้เป็นผลมาจากการเผา ทั้งนี้ แม้จะมีมาตรการคุมเข้มการเผาในพื้นที่ราบและพื้นที่เกษตรกรรมอย่างค่อนข้างได้ผลดี แต่ปรากฏว่า มีการลักลอบเผาในพื้นที่ป่าเพื่อหาของป่าและล่าสัตว์เป็นวงกว้างจนทำให้เกิดปัญหาขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่มีข้อจำกัดในการจับกุม แต่จากนี้จะต้องมีการเน้นย้ำมาตรการในการควบคุมดูแลและบังคับใช้กฎหมายกับผู้ก่อเหตุให้ได้
สำหรับแนวโน้มของสถานการณ์ปัญหานั้น นายสัญญา ยอมรับว่า มีความเป็นไปได้สูงที่สถานการณ์ปัญหาอาจจะทวีความรุนแรงขึ้นไปอีก หากยังคงมีการเผาเป็นวงกว้าง และไม่สามารถควบคุมได้ อย่างไรก็ตาม ยังมีความเชื่อว่าสถานการณ์ปัญหาหมอกควันของจังหวัดเชียงใหม่ในปีนี้ไม่น่าจะรุนแรงถึงขั้นวิกฤตเหมือนที่เคยเกิดปัญหาขึ้นในปี 2550
ส่วนการประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติหมอกควันไฟป่านั้น เป็นอำนาจของทางจังหวัดที่จะพิจารณาตามความเหมาะสม ในกรณีที่ปัญหาเกิดขึ้นต่อเนื่องกันยาวนานเป็นสัปดาห์ และก่อให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพประชาชนอย่างมาก ก็อาจมีการออกประกาศดังกล่าวได้ แต่ทั้งนี้ เชื่อว่า สถานการณ์น่าจะเริ่มคลี่คลายลงในช่วงปลายเดือนนี้เหมือนทุกปีและไม่มีความจำเป็นต้องออกประกาศดังกล่าว
รายงานข่าวแจ้งว่าจากสถานการณ์ปัญหาหมอกควันที่เกิดขึ้นนั้น ล่าสุดสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ ได้จัดการประชุมชี้แจงทำความเข้าใจกับอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ทั้งจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อให้ออกทำความเข้าใจให้ความรู้แก่ประชาชนในพื้นที่เกี่ยวกับการป้องกันรักษาสุขภาพของตัวเองในสถานการณ์เช่นนี้ และขอความร่วมมือในการป้องกันและบรรเทาปัญหานี้ที่มีสาเหตุหลักมาจากการเผา
