xs
xsm
sm
md
lg

ความเป็นคนของนักเขียนเสื้อแดง

เผยแพร่:   โดย: สุรวิชช์ วีรวรรณ

ระยะนี้มีคนออกมารณรงค์เพื่อรับมือกับสถานการณ์แดงออกมาชุมนุมจำนวนมาก ส่วนใหญ่มีเป้าประสงค์ตรงกันคือ เรียกร้องให้ยุติความรุนแรง แต่มีบริบทและเงื่อนไขที่แตกต่างกันของคนแต่ละกลุ่ม

ผมพูดถึงคนทั่วไปในสังคม ที่สะท้อนผ่านสื่อต่างๆ และ Social Network ไม่ได้หมายถึงพวกริบบิ้นขาว พวกกลางกลวง คนดีจอมปลอม และพวกฉวยโอกาสที่เป็นอีแอบในสังคมไทย

สำหรับผมแล้วการชุมนุมของคนเสื้อแดงครั้งนี้ มีเพียงเหตุผลเดียวคือ เพื่อล้มอำนาจรัฐและแก้ความผิดของทักษิณให้เป็นถูก โดยใช้ประชาชนผู้บริสุทธิ์เป็นเหยื่อ

ที่ผมพูดเช่นนี้ เพราะมองไม่เห็นเหตุผลอื่นเลยว่า พวกเขาออกมาชุมนุมเพื่ออะไร เขากล่าวหาว่า รัฐบาลอภิสิทธิ์เป็นรัฐบาลเผด็จการก็ไม่ได้ เพราะรัฐบาลชุดนี้มาจากเสียงข้างมากในสภา ที่มีการเสนอโหวตระหว่างอภิสิทธิ์ที่พรรคประชาธิปัตย์เสนอ กับพล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ที่พรรคเพื่อไทยเสนอรายชื่อ

การจัดตั้งรัฐบาลชุดนี้เกิดขึ้นกลางสภาผู้แทนราษฎรที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน มีการถ่ายทอดสดไปทั่วประเทศ และหลังจากพรรคพลังประชาชนถูกยุบ ส.ส.ของพรรคนี้แตกตัวไปอยู่พรรคต่างๆ แต่มีจำนวนมากที่ไปอยู่พรรคใหม่ 2 พรรคคือ พรรคเพื่อไทย และพรรคภูมิใจไทย เพียงแต่ฝ่ายที่อยู่พรรคภูมิใจไทยหันมาสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์

ถ้าจะบอกว่า รัฐบาลชุดนี้มาจากรัฐธรรมนูญที่มีที่มาจากคณะรัฐประหาร พูดอย่างนั้นก็ไม่ถูกต้องอย่างแน่นอน เพราะรัฐธรรมนูญชุดนี้เป็นการลงประชามติทางตรงของประชาชนทั้งประเทศ ถ้าเสียงไม่รับเป็นเสียงข้างมากรัฐธรรมนูญชุดนี้จะต้องล้มเลิกไปในทันที

ตอนนั้นฝ่ายที่คัดค้านก็ยอมรับกติกามีการรณรงค์คัดค้านรัฐธรรมนูญชุดนี้อย่างกว้างขวาง มีการดีเบตทางโทรทัศน์ มีนักวิชาการชื่อดังที่คัดค้านร่วมรณรงค์จำนวนมาก ทั้งมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน และนิธิ เอียวศรีวงศ์ที่ยอมรับว่า เอาเงินทักษิณมารณรงค์ใช้ซื้อสื่ออย่างกว้างขวาง แต่ก็แพ้เสียงของประชาชนที่รับร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้

แต่ถ้าฝ่ายเสื้อแดงยังยืนยันว่า รัฐบาลชุดนี้เป็นรัฐบาลที่มาจากรัฐธรรมนูญที่มาจากการรัฐประหาร ทำไมพวกเขาจึงไม่ออกมาขับไล่ รัฐบาลสมัคร และรัฐบาลสมชายที่มาจากรัฐธรรมนูญฉบับนี้เช่นเดียวกัน

ผมมองไม่เห็นเลยว่า พวกเขาสู้เพื่อประชาธิปไตยตรงไหน เพราะเราอยู่ในบรรยากาศของรัฐบาลประชาธิปไตยอยู่แล้ว และเห็นว่า รัฐบาลชุดนี้ปล่อยให้สื่อของฝ่ายตรงข้ามได้เกิดขึ้นยิ่งกว่าในยุคระบอบทักษิณ เปิดโอกาสให้แม้กระทั่งนักโทษหนีคุกสามารถออกทีวีปลุกระดมได้ทุกวัน

ผมคิดว่า หลายคนที่มีสติ จะเป็นปัญญาชนหรือไม่ก็ตาม ต่อปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นหากใช้สติคิดเพียงนิดเดียวก็รู้ว่า เป็นการต่อสู้ระหว่างความผิดกับความถูก คนที่ทำผิดพยายามใส่ร้ายป้ายสีใช้เงิน ใช้พรรค ใช้หัวคะแนนเพื่อปลุกปั่นให้คนมาล้มอำนาจรัฐเพียงเพื่อเข้าไปใช้อำนาจรัฐแก้ความผิดของตัวเอง

ผมนึกถึงบรรยากาศ 6 ตุลา เมื่อได้ยินและเห็นบนเวทีอุดรธานี ที่นายสุพร อัตถาวงศ์ ชูรูปอภิสิทธิ์ที่เข้าเฝ้าฯ ในหลวงที่ศิริราช แล้วปลุกเร้าว่า เป็นการตีตนเสมอพระองค์

ผมจะออกมายืนเคียงข้างเพื่อนนักเขียนและสนับสนุนอย่างแน่นอน ถ้าการออกมาต่อสู้ของพลังประชาชนในนามกลุ่มเสื้อแดงนั้น เป็นการต่อสู้เพื่อความเป็นธรรมในสังคม ต่อสู้เพื่อความเท่าเทียมกันของมนุษย์ แต่เมื่อเราย้อนมองกลับไปในยุคที่ระบอบทักษิณเรืองอำนาจ เราเคยเห็นความเป็นธรรมและความเท่าเทียมกันของมนุษย์ที่ได้รับจากระบอบทักษิณหรือไม่ คำตอบนั้นมีอยู่แล้ว

ระบอบทักษิณใช้อำนาจรัฐในการจัดการกับประชาชนที่ไม่สวามิภักดิ์ ถ้าจังหวัดไหนไม่เลือกพรรคไทยรักไทยก็จะไม่ได้รับงบประมาณ ใครเป็นสื่อที่วิจารณ์จะถูกสั่งปิด และใช้อำนาจรัฐเข้าตรวจสอบการเงินและภาษีด้วยวิธีแบบเกสตาโป และกลั่นแกล้งทางธุรกิจต่างๆ นานา

มีการฆ่าประชาชนเหมือนผักปลาไม่ว่าจะเป็นที่กรือเซะ ตากใบ หรือฆ่าประชาชนโดยไม่ผ่านกระบวนการยุติธรรมด้วยข้อหายาเสพติดที่มีผู้บริสุทธิ์เสียชีวิตจำนวนมาก

นอกจากนั้น การใช้อำนาจรัฐในการแสวงหาผลประโยชน์จำนวนมหาศาลที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญานักการเมืองใช้เวลาร่วม 7 ชั่วโมง ในการอธิบายความฉ้อฉลอย่างละเอียดทุกขั้นตอน

ผมไม่ตระหนกต่อการเคลื่อนไหวของกลุ่มอื่น เท่ากับนักเขียนกลุ่มหนึ่ง ที่ร่วมกันลงชื่อ เพราะในจำนวนนั้นหลายคนเป็นเพื่อนของผม ผมคงไม่ถกเถียงว่า ประเด็นที่เขาเคลื่อนไหวถูกหรือผิด เพราะนั่นเป็นสิทธิและมุมมองของแต่ละคน แต่ชัดเจนว่า กลุ่มนี้ไม่ได้แอบแฝงว่า เป็นกลาง แต่พวกเขามีจุดยืนชัดเจนว่า สนับสนุนกลุ่มคนเสื้อแดง

ผมคงไม่ต้องนิยามว่า พวกเขาสนับสนุนทักษิณหรือไม่ ปล่อยให้สังคมคิดเอาเอง แต่ผมคิดว่า แม้แต่เด็กประถมก็รู้ว่า กลุ่มคนเสื้อแดงที่ถูกปลุกปั่นออกมาชุมนุมนั้น เพราะพวกเขาคิดถึงความแตกต่างทางชนชั้นในสังคม หรือเพราะถูกแกนนำและทักษิณหลอกให้เชื่อว่า ทักษิณถูกกลั่นแกล้งทางการเมืองกันแน่

ผมเห็นด้วยกับพวกเขาว่า คนไทยต้องเท่าเทียมกัน ผมเห็นด้วยว่า คนไทยต้องมีสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น ผมเห็นด้วยว่า รัฐบาลไม่มีสิทธิใช้ความรุนแรงกับประชาชนที่ชุมนุม “โดยสันติ”

ผมเห็นด้วยกับเพื่อนนักเขียนของผม ต่อจุดยืนเพื่อ “ความเท่าเทียมกันของคน”อันงดงาม ผมเข้าใจถึงความหมายที่แท้จริงของ “ความเป็นคนที่ไม่เท่าเทียมกัน” ของพวกเขา แต่ผมมองไม่เห็นจากกรณีของทักษิณที่ใช้คนเสื้อแดงเป็นเครื่องมือ

และน่าเสียดาย ผมไม่เห็นเพื่อนนักเขียนของผมเหล่านั้น ออกมาประณามรัฐบาลที่สั่งฆ่าประชาชนในเหตุการณ์ 7 ตุลา หรือเพราะพวกเขาเหล่านั้น ไม่มีสิทธิใน “ความเป็นคน” อย่างเท่าเทียมกับคนเสื้อแดง

พวกเพื่อนนักเขียนของผมไม่ออกมาประณามการกระทำของคนเสื้อแดงต่อชาวชุมชนนางเลิ้ง ที่ประจักษ์ชัดต่อสายตาของสื่อ และนักข่าวพลเมืองที่ร่วมบันทึกเหตุการณ์ รวมถึงการเผารถเมล์จำนวนมาก หรือเพราะพวกเขาเชื่อที่ตู่จตุพรพูดว่า เป็นการกระทำของฝ่ายตรงข้าม

พวกเขาไม่ออกมาปกป้อง “ความเป็นคน” ของชาวดินแดง ที่อกสั่นขวัญแขวนกับการขู่ระเบิดรถแก๊สของคนเสื้อแดง ที่มีสัญญาณโทรทัศน์ถ่ายทอดสด และสายตานักข่าวทั่วไทยและเทศประจักษ์ชัดอยู่แล้วว่า เป็นการกระทำของคนกลุ่มไหน

น่าเสียดายที่พวกเขาไม่ออกมาคัดค้านการออก พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ในยุคของรัฐบาลเสื้อแดงที่หวังล้อมปราบพันธมิตรฯ

พวกเขาไม่ออกมาประณามกลุ่มคนที่บุกมาทำร้ายพวกเราที่สถานี ปาระเบิด ยิงอาวุธสงครามเข้ามาถล่มสำนักงาน และพันธมิตรฯ ที่ถูกฆ่าตายนับสิบและเจ็บหลายร้อยคน หลายคนกลายเป็นคนพิการไปตลอดชีวิต

ผมชื่นชมเพื่อนนักเขียนของผมที่ประกาศว่า หากแม้นว่ามีเลือดแม้แต่หยดเดียวของประชาชนหยดลงสู่ผืนแผ่นดินไทย เราขอประกาศและขอเรียกร้องให้คนไทยผู้รักความเป็นธรรมทุกคน จงออกมาเคียงข้างคนเสื้อแดงบนท้องถนน

แต่ผมเสียดายที่ไม่ได้ยินว่า ถ้าคนเสื้อแดงทำกับประชาชนแบบที่นางเลิ้งหรือดินแดงหรือถ้าเลือดประชาชนถูกคนเสื้อแดงทำให้หยดลงบนแผ่นดิน พวกเขาจะมีความเป็นคนและเป็นธรรมอยู่ในหัวใจหรือไม่


                      surawhisky@hotmail.com
กำลังโหลดความคิดเห็น