xs
xsm
sm
md
lg

‘มาร์ค’อยู่สู้ศึกม็อบแดง บังคับใช้พรบ.มั่นคง เตือนอย่าตื่นข่าวลือ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน- คตม.ชง ครม.ประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง ระดมกำลังเจ้าหน้าที่ 3 หมื่น สกัด"ม็อบแดง"ป่วนในพื้นที่ กทม. ปริมณฑล ตั้งแต่ 11-23 มี.ค. แฉเตรียมก่อวินาศกรรม 2 จุด ห้าม อีแต๋นเข้ากรุง ฝ่าฝืนจับปรับ ยึด "มาร์ค"งดเดินทางไปเยือนออสเตรเลีย ยันจะใช้กฎหมายตาม สถานการณ์เพื่อรักษาระบบ ย้ำไม่ได้เห็นฝ่ายตรงข้ามเป็นศัตรู "จิ๋ว"สวดรัฐบาลทำเรื่องเล็กเป็นเรื่อง ใหญ่

ที่กองบัญชาการกองทัพบกเมื่อเวลา 10.00 น. วานนี้ (8 มี.ค.) นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง เป็นประธานในการประชุมคณะกรรมการติดตามสถานการณ์ ความมั่นคง (คตม.) เพื่อประเมินสถานการณ์การชุมนุมกลุ่มคนเสื้อแดง ระหว่างวันที่ 12-14 มี.ค.นี้ โดยมี ผบ.เหล่าทัพ รักษาการผบ.ตร. รวมทั้งตัวแทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมโดยพร้อม เพรียง ใช้เวลาการประชุมประมาณ 2 ชั่วโมง จากนั้นเวลา 12.00 น. นายสุเทพ พร้อมคณะกรรมการ คตม. แถลงผลการประชุมว่า ที่ประชุมได้ประเมินถึงสถานการณ์การชุมนุมที่จะมีขึ้นในวันที่ 12 -14 มี.ค.นี้ โดยผู้ชุมนุมจะมีการรวมตัวจากจังหวัดต่างๆ และเดินทางมารวมกันที่จุดนัดพบในแต่ละ ภูมิภาค ก่อนที่จะเคลื่อนตัวเข้ามายังกรุงเทพฯ ซึ่งคาดว่าจะมีผู้ชุมนุมประมาณ 1 แสนคน และมี การนำรถบรรทุกขนาดเล็ก รถอีแต๋น รถส่วนตัวเข้ามาในกทม. จำนวนนับหมื่นคัน ทำให้เกิดความ กังวลว่าจะเกิดปัญหาการจราจรใน กทม.

ห้ามนำรถอีแต๋นเข้ากรุง

ที่ประชุมมีมติเห็นร่วมกันว่า ต้องมีการเจรจากับผู้ที่จะจัดการชุมนุม โดยประชาชนสามารถ ชุมนุมแสดงความคิดเห็นทางการเมืองได้ แต่ต้องอยู่ในกรอบของกฎหมาย แต่ถ้าการชุมนุมก่อให้เกิด ปัญหาการจราจร ทำให้ประชาชนชาวกรุงเทพฯไม่สามารถใช้ชีวิตตามปกติได้ จะเข้าข่ายการชุมนุมที่ ไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ เราพยายามประสานงานให้ รักษาการ ผบ.ตร. ตั้งคณะไปเจรจาขอความ ร่วมมือกับผู้จัดการชุมนุม

"เรื่องที่ขอความร่วมมือ คือ 1. พาหนะบางประเภท ต้องไม่นำเข้ามาในกรุงเทพ เพราะขับ เคลื่อนได้ช้า เป็นอันตรายกีดขวางการจราจร เช่น รถอีแต๋น รถบรรทุกขนาดเล็ก อยากให้ผู้จัดการ ชุมนุมจัดให้ประชาชนที่จะเข้ามาชุมนุมมาด้วยยานพาหนะสาธารณะ เช่น รถไฟ รถบัส ส่วนที่นำรถ ส่วนตัวมาทางเจ้าหน้าที่จะจัดหาสถานที่จอดรถไว้ให้ที่ชานเมือง และจะจัดรถบริการให้มาบริเวณที่ ชุมนุม อยากขอความร่วมมือเบื้องต้น ซึ่งประชาชนในกรณีที่ยังพยายามนำรถเข้ามา อาจเกิดความ เสียหายจะโดยตั้งใจหรือไม่ก็ตาม หากรถกีดขวางการจราจร เราจำเป็นต้องใช้รถยกออกไปให้พ้นผิว จราจร เพื่อไม่ให้กรุงเทพฯ เป็นอัมพาต อาจทำให้รถเสียหาย และจะไม่มีผู้รับผิดชอบ เราได้สอบถาม ไปยังประกันภัยแล้ว เขาบอกจะไม่จ่ายหากเกิดกรณีการจลาจล" นายสุเทพ กล่าว

ชงครม.ประกาศพ.ร.บ.ความมั่นคง

2. ที่ประชุม คตม.พบความจริงว่า ในการเคลื่อนไหวของผู้ชุมนุมนปช. มีความแตกแยกกัน เป็นหลายกลุ่ม หลายฝ่าย และไม่แน่ว่าจะควบคุมกันได้หรือไม่ ปัญหาที่ผู้ชุมนุมไม่สามารถควบคุมได้ ก่อให้เกิดความกังวลต่อเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ เพราะมีโอกาสที่จะทำให้กลุ่มที่ควบคุมไม่ได้ ปฏิบัติการ อย่างหนึ่งอย่างใดที่ผิดกฎหมาย จากการข่าวพบว่ามีหลายกลุ่มที่ส่อพฤติการณ์ และมีแนวคิดที่จะใช้ ความรุนแรง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของชาวกรุงเทพ เช่น การวางระเบิด การใช้ระเบิด ขว้างปาไปในที่ทำการของรัฐ และเอกชน

"อย่างที่เคยเกิดเหตุปาระเบิด ธ.กรุงเทพ เมื่อวันที่ 27 ก.พ.ที่ผ่านมา ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ จับกุมผู้กระทำความผิด แล้วยอมรับว่าเป็นกลุ่มคนเสื้อแดงที่เป็นผู้จ้างวาน ทั้งนี้ยังพบว่าบางกลุ่มไม่ ได้คิดจะมาชุมนุมที่สนามหลวง หรือตามจุดนัดพบต่างๆ แต่จะไปปิดล้อมสถานที่ราชการ และบ้าน บุคคลสำคัญต่างๆ เช่น บ้านพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ซึ่งในกรณีนี้ได้ ศึกษาตามคำวินิจฉัยของศาลปกครองเห็นว่า ไม่ใช่การชุมนุมโดยสงบตามที่รัฐธรรมนูญได้คุ้มครองไว้ แต่เป็นการคุกคามต่อความปลอดภัย และการปฏิบัติหน้าที่ตามปกติของบุคคลเหล่านั้น ถือว่าผิด กฎหมาย ผิดรัฐธรรมนูญ" ประธาน คตม. กล่าว

ด้วยเหตุนี้ คตม.จึงมีมติให้ตนนำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันนี้( 9 มี.ค.) เพื่อขอใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง แก้ไขปัญหาที่จะเกิดขึ้นในกรุงเทพฯ และบางพื้นที่ในเขตปริมณฑล เช่น บาง อำเภอใน จ.ปทุมธานี อยุธยา และ จ.สมุทรปราการ แม้ว่าแกนนำผู้ชุมนุมประกาศจะใช้สนามหลวง และถนนราชดำเนินในการชุมนุม แต่การข่าวพบว่า มีการเคลื่อนไหวในพื้นที่นอกเหนือที่มีการประกาศ ไว้ เพื่อก่อเหตุและสร้างสถานการณ์ให้เกิดความเสียหายแก่ชีวิตทรัพย์สินของประชาชน จึงจำเป็น ต้องประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคง เพื่อป้องกันเหตุและปกป้องประชาชนกรุงเทพฯให้ปลอดภัยจาก เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน ส่วนรายละเอียดจะแถลงให้ทราบอีกครั้ง

ทั้งนี้ พ.ร.บ.ความมั่นคง จะประกาศใช้ตั้งแต่วันที่ 11-23 มี.ค. ในพื้นที่เฉพาะกทม. และ บางอำเภอใน จ.ปทุมธานี อยุธยา สมุทรปราการ ที่เป็นเส้นทางเข้ามาในกทม. เฉพาะพื้นที่ที่เคยก่อ เหตุขว้างระเบิด ดังนั้น จำเป็นต้องวางมาตรการป้องกันที่จำเป็น และให้รัดกุม ขอให้ประชาชนในกทม. อย่าตื่นตระหนก

การประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคง ก็เพื่อให้มีกำลงเจ้าหน้าที่ฝ่ายต่างๆ ออกมาช่วยปฎิบัต ิช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ตำรวจ และช่วงบ่ายวันนี้ จะเชิญตัวแทนเจ้าหน้าที่ กทม.ทั้งหมดตั้งแต่ผู้ว่ากทม. รองผู้ว่าฯ ผอ.เขต และหัวหน้าส่วนราชการ และ อพปร. ทหาร ตำรวจ มาประชุมที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อรับมือสถานการณ์

ส่วนการเจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัยในครั้งนี้ คงมากว่าทุกครั้งที่ผ่านมา เพราะมีทั้งเจ้า หน้าที่พลเรือน อาสาสมัคร (อพปร.) เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร เราพยายามใช้กำลังที่มีทั้งหมดเพื่อปก ป้องประชาชน บ้านเมืองให้ดีที่สุด ตลอดพื้นที่ที่ครอบคลุมทั้งหมด

ส่วนจะประกาศเป็นวันหยุดทางราชการหรือไม่นั้น นายสุเทพ กล่าวว่า วันที่ 13-14 มี.ค. เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ หากรัฐบาลประเมินสถานการณ์แล้วเห็นว่ามีความจำเป็นรัฐบาลก็พร้อมจะ ดำเนินการอะไรก็ตามที่เห็นว่าจะทำให้เกิดความปลอดภัย
นายสุเทพกล่าวด้วยว่า เมื่อมีการประกาศ พ.ร.บ. ความมั่นคงแล้ว หากยังมีกลุ่มผู้ชุมนุม ฝ่าฝืน นำรถอีแต๋น รถกระบะเข้ามาชุมนุม ก็ต้องดำเนินคดีตามกฎหมายกับผู้ที่ฝ่าฝืน

ส่งตัวแทนเจรจาแกนนำเสื้อแดง

เมื่อถามว่า จะมีการเจรจากับระดับแกนนำหรือระดับพื้นที่ นายสุเทพ กล่าวว่า ทำทุกระดับ ในส่วนของพื้นที่ พยายามให้เจ้าหน้าที่พูดจาอธิบายให้ประชาชนที่ถูกชักจูง เข้ามาชุมนุมให้เข้าใจ ส่วนแกนนำในกทม. จะส่งคนเข้าไปเจรจา ถ้าเขาตั้งใจชุมนุมโดยสงบก็ขอความร่วมมือ อย่าทำอะไร ให้ชาวกทม. เดือดร้อน หรือบ้านเมืองเสียหายโดยให้ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จัดทีมเข้าไปเจรจา

เมื่อถามว่า คตม. จะเสนอไม่ให้นายกรัฐมนตรี เดินทางไปต่างประเทศในช่วงระยะเวลาดัง กล่าวหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า คตม.อยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของนายกรัฐมนตรี ตนไม่สามารถ ไปสั่งนายกรัฐมนตรีได้ แต่เชื่อว่าเมื่อนำเรื่องทั้งหมดไปรายงานต่อ ครม.ในวันนี้ นายกรัฐมนตรี คงมี วิจารณญาณในการตัดสินใจ ว่าจะทำอย่างไร

นายสุเทพ กล่าวด้วยว่า คตม. มีมติให้กระทรวงการต่างประเทศ นัดประชุมทูตต่างประเทศ เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริง และมาตรการป้องกันให้ทูตแต่ละประเทศแจ้งไปยังประเทศของตนเองด้วย

ยันไม่มีปฏิวัติ

เมื่อถามว่า หากเกิดความวุ่นวายจนสถานการณ์ไม่สามารถควบคุมได้ ทหารจะออกมาปฎิ วัติหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ขอตอบต่อหน้าทุกคนที่นั่งอยู่ ไม่ว่าจะเป็น ผบ.ทบ. ผบ.ทร. ผบ.ทอ. และรักษาการ ผบ.สตช. ที่อยู่กันพร้อมหน้า ไม่มีปฏิวัติแน่นอน ขอให้พี่น้องประชาชนสบายใจได้

ด้านพล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รักษาราชการแทน ผบ.ตร. กล่าวถึงกรณีกลุ่มผู้ชุมนุมยัง ฝ่าฝืนนำรถอีแต๋นเข้ามาใน กทม.ว่า ได้สั่งการให้ตำรวจภูธร แต่ละกองทัพภาคเข้าเจรจากับแกนนำ กลุ่มนปช.ในพื้นที่ต่างจังหวัดแล้ว ส่วนแกนนำในกทม. จะมอบหมายให้กองบัญชาการตำรวจนครบาล เข้าเจรจาพูดคุย โดยเชื่อว่าจะได้รับความร่วมมือในการเจรจาเป็นอย่างดี

ขณะที่ พล.ท. คณิต สาพิทักษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 กล่าวว่า การเตรียมความพร้อมครั้งนี้ก็ เหมือนกับการชุมนุมทุกครั้ง การใช้เจ้าหน้าที่ก็เหมือนเดิม ซึ่งในการชุมนุมครั้งนี้มีผู้ชุมนุมมาจำนวน มาก จึงต้องใช้เจ้าหน้าที่ประมาณ 30,000 นาย และเจ้าหน้าที่ปกครองประมาณ 20,000 นาย ซึ่ง การทำงานคงต้องประสานความร่วมมือจากเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย

ส่วนที่ต้องประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง หลายวัน เนื่องจากเราห่วงความสงบเรียบร้อย ทั้งนี้ หากการชุมนุมไม่มีปัญหาอะไร ก็สามารถยกเลิกได้ เราหวังว่าการชุมนุมจะเป็นไปด้วยความเรียบ ร้อย

ใช้พ.ร.บ.มั่นคงคุมจุดสำคัญ

รายงานข่าวแจ้งว่า กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) จะ เสนอพื้นที่ ประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง ได้แก่ กทม. ทั้งจังหวัด ,นนทบุรี ทั้งจังหวัด , จ.ปทุมธานี บางอำเภอ ประกอบด้วย ธัญบุรี ลำลูกกา สามโคก คลองหลวง ลาดหลุมแก้ว และอำเภอเมืองฯ , จ. นครปฐม บางอำเภอ ประกอบด้วย พุทธมณฑล สามพราน นครชัยศรี , จ.สมุทรสาคร บางอำเภอ ประกอบด้วย กระทุ่มแบน อำเภอเมือง , สมุทรปราการ บางอำเภอ ประกอบด้วย บางพลี บางเสาธง บางบ่อ อำเภอเมืองฯ , จ.ฉะเชิงเทรา บางอำเภอ ประกอบด้วย อ.บางปะกง อำเภอเมืองฯ , จ.พระ นครศรีอยุธยา บางอำเภอ ประกอบด้วย อ.บางปะอินทร์ บางไทร วังน้อย

นอกจากนั้น กอ.รมน. ยังเสนอ ครม.อนุมัติใช้ กฎหมาย บางฉบับประกอบการบังคับใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง เพิ่มเติมจากที่เคยใช้ในครั้งที่แล้ว ประกอบด้วย พ.ร.บ.ควบคุมน้ำมัน พ.ร.บ. การ จราจรในน่านน้ำไทย พ.รบ.การแพทย์ฉุกเฉิน พ.ร.บ. เครื่องวิทยุโทรคมนาคม

ระดมจนท. 3 หมื่นรับมือม็อบแดง

รายงานข่าวแจ้งว่า ในส่วนการรักษาความสงบเรียบร้อย หลังการประกาศใช้พ.ร.บ.ความ มั่นคง ตามแผนการรักษาความสงบเรียบร้อย ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารจะใช้กำลังหลักทั้งสิ้น 112 กองร้อย โดยแบ่งดูแลในพื้นที่ กรุงเทพฯ 68 กองร้อย และดูแลในพื้นที่ต่างจังหวัด 44 กองร้อย โดยกำลังที่ดูแลในกรุงเทพฯ แบ่งเป็นตำรวจ 23 กองร้อย กองทัพบก 39 กองร้อย กองทัพเรือ และ กองทัพอากาศอย่างละ 3 กองร้อย
ส่วนในพื้นที่ต่างจังหวัดจะใช้ทหารจากกองทัพภาคในพื้นที่ทั้งหมด 44 กองร้อย โดยจะใช้ เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธร แต่ละภาคช่วยดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย
นอกจากนี้ยังมีกำลังเสริมที่เตรียมพร้อมอยู่ในที่ตั้งอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งรวมแล้วจะใช้กำลัง ทหารและตำรวจทั้งหมดประมาณ 3 หมื่นคน หากรวมกับกำลังพลเรือน ก็จะใช้กำลังทั้งหมดกว่า 5 หมื่นคน

มาร์คยันใช้กม.ตามสถานการณ์

ต่อมาเวลา 14.50 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวแถลงผลการประชุม เตรียมการรับสถานการณ์การชุมนุมทางการเมืองในพื้นที่กทม. และปริมณฑล ที่มีผู้เข้าร่วมประชุม ประกอบด้วย นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง,นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รม ว.มหาดไทย ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทมฯ นายอนุชา โมกขเวส อธิบดีกรมป้องกันและ บรรเทาสาธารณภัย และ ผอ.เขต ทุกเขต ของกทม. โดยใช้เวลาประชุมนานกว่า 1 ช.ม.

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า สิ่งที่ที่ประชุมได้มีการแลกเปลี่ยนกันคือ การรับทราบการประเมิน สถานการณ์ และจากการติดตามสถานการณ์ต่างๆ ที่ประชุมมีการซักซ้อมทำความเข้าใจในแง่ของ หลักคิด และแนวปฏิบัติที่จะรีบมือกับสถานการณ์การชุมนุม

โดยหลักคิดนั้นคือรัฐบาลและกทม. มีหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อย และความเป็นปกติ สุข ประชาชนทุกคนในสังคม ไม่ใช่เรื่องการไปเป็นคู่กรณีขัดแย้งกับใคร ไม่ได้มีเป้าหมายไปขัดขวาง หรือปราบปรามการชุมนุม หรือการเคลื่อนไหวทางการเมืองที่มีสิทธิเสรีภาพทางรัฐธรรมนูญ และ ภารกิจของเราก็ไม่ใช่เรื่องการเมือง แต่เป็นเรื่องของการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย ที่จะต้องดูแลสังคม โดยส่วนรวม

จากหลักคิดดังกล่าวจึงมีความชัดเจนว่า เจ้าหน้าที่ทุกคนที่จะต้องดูแลสถานการณ์การ ชุมนุม เวลาที่มีความตึงเครียดจะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความอดทน อดกลั้น ด้วยความพยายามอย่างสูง สุดที่จะไม่ให้เกิดเหตุการณ์บานปลาย กลายเป็นความรุนแรงใดๆ ทั้งสิ้น

อย่างไรก็ตาม เมื่อมีการข่าว มีแนวโน้มว่ามีคนบางกลุ่มที่ไม่ใช่ผู้ชุมนุมส่วนใหญ่ มีความ คิดที่จะทำให้เกิดความวุ่นวายต่อบ้านเมือง เจ้าหน้าที่ก็ต้องมีความพร้อมในทุกๆ ด้าน ทั้งในแง่ของ การป้องกันเหตุ และการที่จะเข้าไปแก้ไข หากมีเหตุต่างๆ เกิดขึ้น

สำหรับในการระงับเหตุนั้น ได้มีการซักซ้อมว่า การดำเนินการตามกฎหมายไม่ว่าจะเป็น กฎหมายปกติ กฎหมายการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กฎหมายความมั่นคง ในกรณีที่ครม.เห็น ชอบให้มีการประกาศใช้ การประสานงานในการบังคับบัญชา เป็นอย่างไร ได้มีการซักซ้อมในที่ประชุม แล้วเช่นกัน

นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า ทางกทม.ก็จะเข้ามาทำหน้าที่ในการประชาสัมพันธ์ และทำความ เข้าใจกับประชาชนในแต่ละเขต ในเรื่องสถานการณ์ในปัจจุบัน และหน้าที่ที่เจ้าหน้าที่ในส่วนของ รัฐบาล และกทม.จะต้องปฎิบัติ และขอความร่วมมือกับประชาชนใน 3 เรื่องหลัก คือ

1. ขอความร่วมมือในการที่จะปฏิบัติตาม และให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ เพราะว่าใน สถานการณ์จากนี้ไป บางครั้งการทำงานของเจ้าหน้าที่ในการป้องกันเหตุ เพราะอาจจะไปทำให้เกิด ความรู้สึกว่าไม่สะดวกบ้าง มีความรำคาญบ้าง ก็ต้องบอกประชาชนว่า ต้องการให้ทุกอย่างเป็นไป ด้วยความเรียบร้อย

2. ประชาชนที่พบเห็นหรือมีอะไรที่ผิดสังเกตให้รีบแจ้งข้อมูล และเบาะแสต่างๆ ไปยังเจ้า หน้าที่ เพื่อให้สามารถป้องกันเหตุการณ์ต่างๆได้

3. ทำความเข้าใจกับประชาชนว่า ไม่ว่าจะมีความคิดเห็นทางการเมือง หรือมีอารมณ์ ความรู้สึกชอบ ไม่ชอบ หงุดหงิดอะไรอย่างไรก็อย่าได้นำตัวเองเข้าไปสู่ความขัดแย้งที่อาจนำไปสู่ความ รุนแรง เพราะในที่สุดเมื่อมีความรุนแรงแล้ว ก็อาจจะนำไปสู่ความสูญเสียได้ และอาจจะนำมาสู่ความ เดือดร้อนของประชาชนทั้งประเทศ

นายอภิสิทธิ์ ยืนยันว่าการเตรียมความพร้อมของรัฐบาล ไม่ได้ต้องการให้ประชาชนตื่น ตระหนก แต่ก็ไม่ประมาท ซึ่งรัฐบาลและ กทม.จะช่วยกันดูแลให้ทุกอย่างผ่านพ้นไปได้

"ทางออกที่ดีที่สุดคือ ทางออกให้คนไทยทั้งประเทศ และชาวโลกเห็นว่าเรามีความคิดเห็น ที่แตกต่าง ใช้สิทธิทางการเมืองได้ โดยไม่ละเมิดกรอบของกฎหมาย และเคารพกฎหมาย ต้องย้ำ อย่างนี้ เพราะมันไม่มีทางออกอื่น เราไม่สามารถบังคับให้คนเห็นตรงกันได้ ความเห็นที่แตกต่าง หลากหลายเป็นเรื่องปกติ ขณะเดียวกันก็ไม่ปล่อยให้ใครก็ตามใช้เรื่องความรุนแรง ข่มขู่ กำหนด อนาคตประเทศ เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นปัญหาก็ไม่จบ เป็นวงจรที่ทำให้บ้านเมืองถอยหลัง ทางออกคือ เราต้องช่วยให้ผ่านพ้นสถานการณ์การชุมนุมทางการเมืองไปได้ ไม่ว่าจะมีคนมากน้อยแค่ไหนก็ตาม ต้องพิสูจน์ให้เห็นว่าไทยรักสงบ เคารพสิทธิ ยึดตามรัฐธรรมนูญ คือ การชุมนุมโดยสงบโดยปราศจาก อาวุธสามารถทำได้ ขณะเดียวกันต้องไม่สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชน" นายอภิสิทธิ์กล่าว

สำหรับกฎหมายป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จะช่วยเรื่องการบูรณาการ เพราะเป็น กฎหมายที่เปิดโอกาสให้ผู้ว่าฯ ผู้อำนวยการเขต ในการป้องกันระงับภัยที่เกิดขึ้น สามารถขอให้หน่วย งานของรัฐเข้ามาช่วยปฏิบัติภารกิจได้ มีการคุ้มครองเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติตามกฎหมายด้วย

เลื่อนเดินทางไปออสเตรเลีย

สำหรับกำหนดการเดินทางเยือนประเทศออสเตรเลีย ในวันที่ 14-16 มี.ค.นี้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เมื่อ คตม. จำเป็นต้องประกาศกฎหมายความมั่นคง คิดว่าภารกิจของตนเองต้องดูแลให้ สถานการณ์มีความเรียบร้อย ให้งานต่างๆ เดินหน้าได้ตามปกติ จึงต้องเลื่อนการเดินทางออกไป ทั้งที่ รู้สึกเสียดาย เนื่องจากออสเตรเลียเป็นคู่ค้าที่มีความสำคัญที่กำลังเจริญเติบโตอยู่ แต่เมื่อคณะ กรรมการ คตม.เห็นว่าจำเป็นต้องใช้กฎหมายพิเศษ ในฐานะผู้บังคับบัญชาสูงสุด ต้องมีอำนาจหน้าที่ โดยตรงเกี่ยวกับกฎหมายดังกล่าวนี้ด้วย ส่วนการประกาศกฎหมายเติ่มหรือไม่นั้น ขณะนี้ยังไม่มี ความจำเป็น

รักษาระบบคือทางออกของปัญหา

เมื่อถามว่า เมื่อไม่มีทางออกรัฐบาลประเมินฝ่ายตรงข้ามอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวย้ำว่า "รัฐบาลไม่มีทางออก รัฐบาลรักษากฎหมาย คิดว่ารัฐบาล ประชาชนทั่วไป และกลุ่มผู้ชุมนุม ควรอยู่ ข้างเดียวกัน สิ่งที่ต้องต่อสู้ด้วยคือ คนกลุ่มเล็กๆ ต้องการอาศัยเงื่อนไขความรุนแรงสร้างความ โกลาหลในบ้านเมือง ผมยังเชื่อว่าประชาชน และกลุ่มผู้ชุมนุมไม่ต้องการให้เกิดความรุนแรง เพราะ ฉะนั้นเราอยู่ข้างเดียวกัน ส่วนทางออก เราไม่สามารถทำให้ทุกคนเห็นตรงกันได้ และไม่สามารถทำให้ คนบางกลุ่มเอาผลประโยชน์ส่วนตัวหยุดการกระทำบางอย่างได้ เราต้องผ่านพ้นสถานการณ์นี้ไปได้ โดยให้คนส่วนใหญ่เคารพกฎหมายต้องการรักษาระบบ" นายอภิสิทธิ์กล่าว

สั่งผู้ว่าฯรับมือเหตุโกลาหล

เมื่อถามว่าเจ้าหน้าที่ ทหาร-ตำรวจ จะต้องทำอย่างไรบ้าง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ดำเนิน การทำหน้าที่ตามปกติ ตามกฎหมายความมั่นคง ส่วนในระดับจังหวัดก็ให้เตรียมความพร้อมทั้งหมด แต่ที่เน้น กทม. และปริมณฑล เป็นเพราะมีการเชิญชวนให้คนมาชุมนุมที่นี่ และปัญหาที่คนจำนวน มากเข้ามา เกี่ยวกับการสัญจรทางบก ทางน้ำ ก็มีความจำเป็นต้องดูแลสถานการณ์เป็นพิเศษ ส่วนที่ อื่นก็ต้องดูแลให้เกิดความเรียบร้อย

เมื่อถามว่า มาตรการดูแลสถานการณ์ มีขั้นตอนอย่างไร จนถึงขั้นเลวร้าย นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า การปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ความมั่นคง ต้องยึดหลักกฎหมายและหลักสากล เช่น จะดำเนิน การอะไรต่างๆ จะแจ้งให้ทราบล่วงหน้า เพื่อให้ความมั่นใจได้ว่าจะไม่มีเจ้าหน้าที่ฝ่ายรัฐไปใช้ความ รุนแรงกับประชาชน เข้าปราบปรามโดยไม่มีเหตุให้ต้องเข้าไประงับ ที่ต้องย้ำเพราะมีความต้องการ ของคนบางกลุ่ม ซึ่งต้องการให้เกิดความวุ่นวาย โดยอ้างว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐไปเป็นปฏิปักษ์กับประชาชน จึงย้ำหลายครั้งว่า ไม่เป็นปฏิปักษ์ หรือศัตรูของใคร

"เราหลีกเลี่ยงถึงที่สุด ไม่ให้เจ้าหน้าที่พกพาอาวุธ แต่จะมีอุปกรณ์ป้องกันตัว"

ส่วนสถานการณ์ครั้งนี้จะรุนแรงกว่าเหตุการณ์เดือนเม.ย. ปี 52 หรือไม่นั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เราไม่ได้บอกอย่างนั้น แต่บอกไปว่า มีคนบางกลุ่มต้องการให้เกิดความวุ่นวายจากการอ้างว่า เจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติเป็นปรปักษ์ กับกลุ่มผู้ชุมนุม

ไม่กลัว"แบล็กลิสต์"หมายหัว
เมื่อถามว่า นายกฯ กลัวหรือไม่ที่วันนี้มีรายชื่อถูกหมายหัวในบัญชีดำของคนเสื้อแดง นาย อภิสิทธิ์ กล่าวว่า อยู่มานานแล้วไม่กลัว ต่อข้อถามว่าโรงเรียนที่อยู่ในจุดเสี่ยงต่อการชุมนุมจะมีการ หยุดเรียนหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ปิดเทอมอยู่แล้ว ส่วนการสมัครสอบนั้นกระทรวงศึกษาธิการ แจ้งว่าจะเลื่อนออกไปเพื่อไม่ให้เป็นปัญหา สำหรับสถานที่สำรองทำเนียบรัฐบาล ยังไม่มีการพูดถึง เรื่องนี้ มีเพียงเรื่องการประกาศพ.ร.บ.ความมั่นคงเท่านั้น

เมื่อถามถึง การสกัดกั้นตามจุดต่างๆ จะทำอย่างไรไม่ให้ถูกโจมตีเรื่องการละเมิดสิทธิ นาย อภิสิทธิ์ กล่าวว่า สิทธิในการชุมนุมบัญญัติไว้ในเงื่อนไขรัฐธรรมนูญ เพราะฉะนั้นการตั้งด่านตรวจ อาวุธ ถ้าไม่มีอาวุธ ก็สามารถเข้าร่วมการชุมนุมได้ แต่ถ้ามีอาวุธก็ไม่ใช่การใช้สิทธิตามระบอบ ประชาธิปไตย ประการที่สอง หากจะมาขีดขวางการจราจร ทำให้ประชาชนไม่สามารถใช้ชีวิตตามขอบ เขตได้ ก็ถือว่าไม่ได้อยู่ในขอบเขตกฎหมายรัฐธรรมนูญ

สำหรับปัญหาการก่อวินาศกรรม หน่วยงานที่ดูแลป้องกันการวินาศกรรมทางกระทรวง มหาดไทยได้สั่งการไว้แล้ว มีการสั่งการให้มีสายตรวจ จุดตรวจ ขอความร่วมมือประชาชน และภายใน 1-2 วันที่ผ่านมา จะเห็นว่าได้ติดตามจับกุมผู้ที่ก่อเหตุต่างๆ

คาดคนมาชุมนุมเรือนแสน

เมื่อถามว่า การประเมินสถานการณ์การชุมนุมมีผลขับไล่รัฐบาลเพียงอย่างเดียวหรือหวัง ผลอย่างอื่นด้วย นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คนที่จะเข้ามา กทม. นับแสนคน มีวัตถุประสงค์ต่างๆ ซึ่งไม่ สามารถประเมินได้ คิดว่ามีข้อเรียกร้องเรื่องความเป็นธรรม ประชาธิไตย หลายท่าน แต่หลายคนก็ได้ รับข้อมูลที่คลาดเคลื่อนว่า ตนจะสั่งการให้ปราบปรามประชาชน โดยใช้ความรุนแรง เขาก็ไม่พอใจ และมีบางคนเข้ามามีวัตถุระสงค์อื่น เปลี่ยนแปลงรัฐบาล เพื่อล้มกระดาน หรือเพื่อวัตถุประสงค์ หลากหลาย

เมื่อถามถึงการประเมินจำนวนกลุ่มผู้ชุมนุม นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เอาตัวเลขหลักแสน จะ ได้ไม่มีความขัดแย้งอะไรกับใคร คนกทม.ก็สามารถอยู่ในกทม.ได้ ด้วยเหตุผลนี้จึงมีการประชุมรับ มือสถานการณ์

ส่วนการประเมินว่า กลุ่มคนเสื้อแดงจะชุมนุมยืดเยื้อหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า

"ผมไม่ทราบจริงๆ ผมจะไม่ขอตอบคำถามที่เป็นประเด็นนำไปสู่ความขัดแย้งได้ รัฐบาล และสถานที่ราชการก็ยังไม่หยุดทำงาน เอาเป็นว่ารัฐบาลจะตัดสินใจอะไรตามสถานการณ์ความ เหมาะสม ไม่ตั้งธงล่วงหน้าว่า ต้องเป็นอย่างนั้น อย่างนี้ เพราะเราต้องการรักษาความสงบ ส่วนการ ชี้แจงทำความเข้าใจกับต่างชาติ ให้เป็นหน้าที่ของกระทรวงการต่างประเทศดำเนินการ" 

หวั่นเกิดความสูญเสีย
เมื่อถามว่านายกฯกลัวอะไรที่สุดในการชุมนุมครั้งนี้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า กลัวเกิดความ สูญเสีย เพราะถือว่าชีวิตของคนหนึ่งคนมีค่า และไม่ควรมีใครจะต้องมาเสียชีวิต เพราะสามารถ บริหารจัดการได้ ถือเป็นสิ่งที่ไม่อยากให้เกิดขึ้น เวลาที่คนเข้ามาชุมนุมจำนวนมากแล้วมีคนมีเจตนา แอบแฝงต้องการให้เกิดเหตุการณ์ มีความเสี่ยง เราพยายามไม่ให้เกิดขึ้น

" ผมเชื่อมั่นว่าคนส่วนใหญ่ของประเทศไม่ต้องการให้เกิดความสูญเสียทั้งสิ้น เพราะ ฉะนั้นคิดว่าเราให้ความร่วมมือกัน จะรักษาความสงบได้ ส่วนที่ทาง ส.ส. -สก.- สข. กรุงเทพ เขามา ขอเข้าพบ และถือโอกาสมาพบ ผมว่า ผู้แทนราษฎรในพื้นที่มีความเป็นห่วงได้รับแรงกดดันจาก ประชาชนในพื้นที่ว่า เรื่องเหตุการณ์จะเป็นอย่างไร"

"เทือก"ได้กลิ่นก่อวินาศกรรม

แหล่งข่าวจากที่ประชุมเปิดเผยว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบถึง กระแสข่าวการก่อวินาศกรรมการชุมนุม โดยระบุว่า การข่าวรายงานการชุมนุมครั้งนี้สิ่งน่าห่วงคือ การ ก่อวินาศกรรม ซึ่งมีด้วยกัน 2 จุด สำคัญในพื้นที่ กทม. แต่ไม่แจ้งว่าเป็นสถานที่ใด เพียงแต่บอกให้ หน่วยราชการทุกแห่งเฝ้าระวังหน่วยงานของตังเอง เพื่อช่วยเจ้าหน้าที่อีกแรง

นอกจากนี้ยังมีการเน้นย้ำให้ กทม.ดูแลด้านการจรจรอย่างเข้มงวด เพื่อไม่ให้ประชาชนที่ ใช้เส้นทางจราจรในพื้นที่ กทม.และปริมณฑลได้รับผลกระทบการการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง
ขณะที่เจ้าหน้าที่ กทม.แจ้งว่า หากเกิดเหตุเพลิงไหม้เจ้าหน้าที่ อาจไม่สามารถเข้าไประงับ เหตุได้อย่างสะดวก เพราะอาจเกิดการต่อต้านจากกลุ่มผู้ชุมนุม จึงขอว่า หากจะให้เจ้าหน้าที่ กทม. เข้าไปดูแลระงับเหตุดังกล่าว ต้องขอกำลังสนับสนุนจากฝ่ายความมั่นคง เพื่อความสะดวก เพราะ ลำพังเจ้าหน้าที่คงไม่สามารถปฏิบัติการได้
สำหรับสถานที่สำคัญที่เป็นห่วงอย่างมากหลายแห่ง โดยแห่งหนึ่งนั้นคือ ศาลฎีกา จึงได้มี มาตรการให้เพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ที่ดูแลเพิ่มขึ้นอีก 1 เท่าตัว และจัดเจ้าหน้าที่ดูแลเป็นพิเศษ ส่วน สถานที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งนั้น ก็เช่นกัน

**จี้ "มาร์ค"จัดการ 5 ข้อสกัด"แดงป่วน"

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันเดียวกัน ส.ส.กทม. ส.ก. และ ส.ข.พรรคประชาธิปัตย์ ได้ออก แถลงการณ์ ถึงนายกรัฐมนตรี เรื่องการชุมนุมใหญ่กับผลกระทบต่อประชาชนในกทม. ตามที่กลุ่ม นปช. จะจัดชุมนุมใหญ่ในกทม. โดยแกนนำและผู้อยู่เบื้องหลังการชุมนุมได้แสดงออกถึงความ พยายามใช้การชุมนุมเป็นเครื่องมือในไปสู่ความรุนแรง ย่อมส่งผลกระทบต่อประชาชนในกทม.

ดังนั้น ส.ส. ส.ก. และส.ข. ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนจำนวนมาก จึงขอเรียกร้องให้ รัฐบาลดำเนินการ 5 ข้อ คือ

1. ใช้มาตรการทางกฎหมาย เพื่อไม่ให้สถานการณ์การชุมนุมบานปลายไปสู่ความรุนแรง จนยากต่อการควบคุมได้ 2. เพิ่มความสามารถในการดูแลการชุมนุม 3. ดูแลคนที่อยู่ในกทม. และ ปริมณฑลให้ใช้ชีวิตตามปกติ 4. สร้างความเข้าใจกับประชาชน โดยเฉพาะในพื้นที่เสี่ยงเพื่อให้พร้อม รับมือกับความรุนแรงที่เกิดขึ้น และ 5. ขอให้สื่อสารข้อมูลที่เกี่ยวกับการชุมนุมอย่างรวมเร็ว รอบด้าน และเป็นจริง เพื่อที่ประชาชนจะไม่ตกเป็นเหยื่อผู้ที่ไม่หวังดี

จวกปล่อยข่าวตุนเงินสด-สินค้า

นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง กล่าวถึงกระแสข่าวการเตือนให้ประชาชนกักตุนสินค้า เงินสด และน้ำมัน เพราะกังวลความปลอดภัยจากสถานการณ์ความรุนแรงที่อาจเกิดขึ้น ว่า คงเป็น เรื่องที่ห้ามได้ยาก เพราะเป็นเจตนาที่จะให้เกิดความวุ่นวายของคนกลุ่มหนึ่ง จึงอยากสื่อออกไปให้ทุก ฝ่ายอย่าปลุกปั่นสังคม ขนาดยังไม่มีเหตุการณ์อะไร ก็ยังมีผลกระทบแล้ว

“อยากเตือนสติว่าจะทำหรือหวังผลอะไรควรคำนึงความเสียหายด้วย โดยทุกอย่างมีกฎ กติกาทางการเมือง การเรียกร้องให้ยุบสภาก็มีกฎเกณฑ์อยู่แล้ว ยังไงอีกไม่เกิน 2 ปี ก็ต้องมีการเลือก ตั้งใหม่ เมื่อถึงเวลานั้น หากพรรคของท่านชนะการเลือกตั้ง จะมีความชอบธรรมในการบริหารประเทศ ได้อย่างไร หากจะแย่งชิงเอาอำนาจต่อไป จึงอยากให้คิดถึงประชาชน และประเทศชาติบ้าง” นายกรณ์ กล่าว

อย่างไรก็ตามในการประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจ (ครม.เศรษฐกิจ) นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานเตรียมพร้อมรับมือและดูแลตามอำนาจ หน้าที่ของตัวเองจึง ขอให้ประชาชน อย่าหวาดกลัวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เนื่องจากรัฐบาลนอกจากจะมีสิทธิ แล้วยังมีหน้าที่ใช้อำนาจตาม กฎหมายเพื่อดูแลความสงบและรักษาความ ปลอดภัยของทรัพย์สินของทางราชการ โดยในช่วงบ่าย จะหารือกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)เพื่อซักซ้อมกรณีเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้น แต่ขณะนี้ยืนยันว่าคลัง ธปท. และระบบธนาคารมีความพร้อมรับมืออยู่แล้ว

**ชี้สถานการณ์ฉุกเฉินปิดตู้ATMทันที
นายเกริก วณิกกุล รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย ( ธปท.) กล่าวถึงกระแสข่าวว่ากลุ่มคนเสื้อแดงอาจจะมีการทุบตู้เอทีเอ็ม เพื่อสร้างสถานการณ์ให้ดู เหมือนวินาศกรรมเกิดขึ้นว่า ขณะนี้ ฝ่ายระบบชำระเงินของธปท.ได้รับแจ้งจากสมาคมธนาคารไทย เช่นกัน โดยปกติการใช้ตู้เอทีเอ็ม เปรียบเสมือนสาขาธนาคารพาณิชย์ หากต้องการปิดตู้เอทีเอ็ม ก็ ต้องแจ้งมายังธปท.ล่วงหน้า เนื่องจาก ธปท.จะต้องตรวจสอบว่าการดำเนินการดังกล่าวสมควรหรือไม่ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหากับประชาชนที่ต้องการใช้บริการ โดยเฉพาะในพื้นที่ห่างไกลแหล่งชุมชน แต่ถ้า เกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินก็สามารถปิดได้ทันทีและค่อยแจ้งมายังธปท.รับทราบภายหลังได้

ออสเตรเลียเข้าใจนายกฯ

นายเกียรติ สิทธีอมร ประธานผู้แทนการค้าไทย (ทีทีอาร์) กล่าวภายหลังหารือกับนายพอล กริกสัน เอกอัครราชทูตออสเตรเลียประจำประเทศไทยว่า เป็นการนัดมาหารือกันจากที่นายกรัฐมนตรี จะเดินทางไปประเทศออสเตรเลีย เพื่อหารือเป็นการทางกับนายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย

"เมื่อนายกรัฐมนตรียกเลิกเดินทางไปแล้ว ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องหารือเรื่องที่สองผู้นำจะไป คุยกัน และทางเอกอัครราชทูตฯ ก็ได้แจ้งเป็นทางการไปยังรัฐบาลออสเตรเลียแล้ว ซึ่งทางออสเตรเลีย ได้แจ้งว่า มีความเข้าใจต่อสถานการณ์ของประเทศไทย และความจำเป็นที่นายกรัฐมนตรีไทยจะต้อง ดูแลสถานการณ์ และทางออสเตรเลีย ก็ยืนยันกลับมาว่า หากจะเดินทางไปอีกครั้ง ก็จะให้การต้อนรับ ในโอกาสหน้า" นายเกียรติ กล่าว

อีแต๋นเข้ามา จับ ปรับ ยึด

นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย กล่าวว่า วันที่ 9 มี.ค. นี้ กระทรวงมหาดไทยจะเสนอ พ.ร.บ.ป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน ต่อที่ประชุมครม. เพื่อเป็นการรับมือการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง ตั้งแต่วันที่ 12 มี.ค.ให้อยู่ในความเรียบร้อย

ส่วนการที่กลุ่มคนเสื้อแดงจะนำรถอีแต๋นมาวิ่งใน กทม.นั้น ได้มีการประกาศไปแล้วว่า รถ อีแต๋นห้ามวิ่งบนถนนหลวง เพราะผิดกฎหมาย เนื่องจากไม่ได้มีการจดทะเบียนให้วิ่งบนถนนหลวง แต่ ให้วิ่งตามชนบทหรือท้องนาเท่านั้น อีกทั้งยังก่อให้เกิดอันตราย และจะไปชนรถคันอื่น สร้างความเสีย หายได้ ซึ่งเรื่องนี้ตนได้กำชับผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดให้ทราบเรื่องหมดแล้ว ส่วนบทลงโทษนั้น เบื้องต้นหากพบมีนำรถอีแต๋นมาขับบนถนนหลวง ก็ให้มีการจับปรับ และสั่งไม่ให้มีการขับเคลื่อน จน กระทั่งเหตุการณ์ผ่านไปแล้วจึงนำส่งคืน

บิ๊กมท. สั่งขรก.เก็บเอกสารด่วน

มีรายงานจากกระทรวงมหาดไทย ว่าในช่วงเช้าวันที่ 8 มี.ค. นายขวัญชัย วงศ์นิติกร รอง ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวในที่ประชุมผู้บริหารกระทรวงมหาดไทย ที่มีนายมานิต วัฒนเสน ปลัด กระทรวงมหาดไทยเป็นประธาน ว่า ขอให้มีการแจ้งเตือนข้าราชการของกระทรวง ให้เตรียมเก็บ เอกสารทางราชการที่สำคัญให้ดี เนื่องจากเกรงว่ากลุ่มเสื้อแดง จะมีการบุกยึดกระทรวงมหาดไทยใน ช่วงสุดสัปดาห์หน้านี้ และอาจจะมีการเอกสารสูญหาย หรือถูทำลายได้

ทั้งนี้ กระทรวงมหาดไทย ได้รับแจ้งเตือนจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายการข่าวให้เฝ้าระวังการดูแล พื้นที่ เนื่องจากกระทรวงมหาดไทย เป็นเป้าหมายหนึ่งที่จะดาวกระจายมาปิดล้อมเช่นเดียวกับพรรค ภูมิใจไทย ของนายเนวิน ชิดชอบ

กทม.ไม่ให้ใช้ สนามหลวงชุมนุม

นายพงศ์ศักติฐ์ เสมสันต์ ปลัดกทม. กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับการประสานงานจากผู้ ชุมนุมว่าจะขอใช้สถานที่ใดเป็นพื้นที่ชุมนุมบ้าง โดยทราบแต่เพียงข่าวว่ามี 8-9 จุด คาดว่าจะมีพื้นที่ ถ.ราชดำเนิน แต่ยืนยันว่าจะไม่มีการชุมนุมในพื้นที่สนามหลวง

ขณะที่พ.ร.บ.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ.2550 ฝ่ายพลเรือนของ กทม. จะมีการ ยกระดับเป็นกฎหมายที่ขึ้นตรงกับ กอ.รมน.จังหวัด โดยมีแม่ทัพภาค 1 เป็นประธาน ตามพ.ร.บ.การ รักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. 2551

"กทม.จะร่วมตั้งจุดควบคุมสถานการณ์ โดยเน้นที่เขตรังสิต บางเขต และอนุสาวรีย์ชัย สมรภูมิ ซึ่งคาดว่า ประชาชนที่จะเข้ามาร่วมชุมนุมจากพื้นที่อีสาน และภาคเหนือมากที่สุด" ปลัดกทม. กล่าว

หวั่นเสื้อแดงป่วนจนมีปฏิวัติ

นายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการพรรคการเมืองใหม่ กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลเตรียม ประกาศใช้ พ.ร.บ. ความมั่นคง ว่า ถ้าจำเป็น รัฐบาลก็ต้องแจกแจงออกมาให้เป็นรูปธรรมพร้อมกับส่ง สัญญาณ และกลไก ว่าพบอะไรบ้าง โดยควรทำผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ เพื่อให้ประชาชนเข้าใจ เพราะการ ประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคง ถือว่าเป็นการลิดรอนสิทธิของประชาชน

"วันนี้รัฐบาลควรออกมาพูดความจริงบ้าง ทั้งนายกฯ และนายสุเทพ บอกกับประชาชน เสมอว่า ไม่มีปัญหาอะไร แต่หน่วยข่าวกรองกลับบอกว่า การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง อาจก่อให้เกิด วินาศกรรม ดังนั้นเพื่อไม่ให้ประชาชนสับสน รัฐบาลควรอธิบายด้วยว่า ตรงไหนเป็นจุดสุ่มเสี่ยง มาตรการรักษาความปลอดภัยเป็นอย่างไร จุดไหนล่อแหลม เพื่อเป็นการให้ประชาชนได้รับรู้ความจริง และระมัดระวังตัว" นายสุริยะใส กล่าว และว่าการที่นายกฯ งดเดินทางไปประชุมที่ออสเตรเลีย ถือว่า ตัดสินใจถูกต้องแล้ว เพราะเป็นผู้นำก็ต้องนำพาประเทศให้ผ่านช่วงวิกฤติไปก่อน

นายสุริยะใส ยังเป็นห่วงว่าการชุมนุมของคนเสื้อแดงอาจนำไปสู่การปฏิวัติ เพราะมีการ ออกแบบที่ส่อให้เกิดความรุนแรง โดยใช้วิธี การปลุกระดม ยั่วยุ ที่ทำให้เกิดความรุนแรง อีกทั้งการ ชุมนุมไม่เป็นเอกภาพ มีการหลายกลุ่มก้อน จึงมีโอกาสที่จะทำให้เกิดการรัฐประหาร ซึ่งทั้งหมดขึ้นอยู่ กับจิตสำนึกของแกนนำเสื้อแดง หากเกิดรัฐประหาร ก็ไม่เป็นผลดีกับประเทศและประชาชน

"จิ๋ว"อัดทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่
พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี คตม. เตรียมเสนอให้มีการ ประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง ระหว่างวันที่ 11-23 มี.ค. ว่า ยังไม่มีอะไรที่น่าเป็นห่วงเลย แต่การ ประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงนั้น รัฐบาลคงต้องการหามาตรการทางกฎหมายมารองรับ

"มันจะให้ดูรุนแรงขึ้น คือทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ วิธีการแก้ปัญหาที่ง่ายที่สุดคือ เชิญทุกฝ่ายมา พูดคุย แลกเปลี่ยนความคิดเห็น ซึ่งที่ผ่านมาผมพยายามอธิบายว่าให้มีการพบ พูดคุย ให้แสดงความ คิดเห็นกัน และชี้แจงให้ประชาชนได้รับทราบ ทุกอย่างก็จะง่าย เพราะในอดีต ก็มีตัวอย่างให้เห็นอยู่ แล้ว" พล.อ.ชวลิตกล่าว

เมื่อถามว่า การประกาศดังกล่าว จะเป็นชนวนให้เกิดความรุนแรงขึ้นหรือไม่ พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า " นั่นสิ ควรจะสงบยุติ และอยู่ในกรอบได้ ซึ่งอย่างนี้จะเป็นการสร้างความมั่นใจซึ่งกันและกัน" เมื่อถามย้ำว่า รัฐบาลบอกว่า ไม่ต้องการให้การชุมนุมบานปลายออกไป พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า ยังไม่มี อะไรเกิดขึ้นเลย

แฉสั่งกองทัพแตงโมสกัดเสื้อแดง

นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำกลุ่มเสื้อแดง กล่าวถึงการเตรียมรับมือการชุมนุมคนเสื้อแดงว่า เมื่อวันที่ 7 มี.ค.ที่ผ่านมา ที่กองทัพบก พล.ท.ดาวพงษ์ รัตนสุวรรณ ผู้ช่วยเสนาธิการทหารบกฝ่าย ยุทธการ ได้เรียกประชุมนายทหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยที่ประชุมให้ตั้งจุดสกัดพี่น้องจากภาค เหนือ และภาคกลาง ที่วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา โดยระดมกำลังเจ้าหน้าที่ทหาร พร้อมทั้งตั้ง เครื่องกีดขวาง อย่างเต็มกำลัง

ที่ประชุมยังระบุอีกว่า ทำอย่างไรก็ได้ ไม่ให้ผ่านมาได้ หรือถ้าผ่านได้ก็ให้ช้าหน่อย เพื่อเป็น การสกัดกั้น ตัดกำลังผู้จะมาร่วมชุมนุม อีกทั้งยังจะประสานไปถึงผู้ประกอบการค้าน้ำมันให้ลด บริการน้ำมันที่จะจำหน่ายต่อวัน เพื่อให้เกิดปัญหาต่อคนเสื้อแดง ข้อมูลที่ได้รับมาจากการประสาน ความร่วมมือกับ กรมยุทธการกองทัพบก และจะตั้งกองบัญชาการทหารแตงโม คือ ททหารลูกหลาน ชาวบ้านที่ข้างนอกเขียว ข้างในแดง ซึ่งจะทำหน้าที่รับใช้ประชาชนและปลดแอกชนชั้นกับประชาชน จนกว่าได้รับชัยชนะ ขณะที่ศูนย์ปฏิบัติการ สตช.เตรียมประสานแผนกับกองทัพ ใช้กำลังตำรวจทาง หลวงตัดขบวน เพื่อตัดตอนกำลังคนเสื้อแดง เพื่อง่ายต่อการสกัดคนเสื้อแดง

ปูดส่ง sms.ป่วนให้ตุนเสบียง ถอนเงิน

"อยากบอกมหาอำมาตย์ ที่คิดว่ากลไกรัฐที่คิดว่าคุมได้ แต่วันนี้นายตำรวจ ทหาร ที่เป็นลูก หลานชนชั้นล่าง ตกลงร่วมกันจะปลดแอกอำมาตย์ และร่วมกันต่อสู้สงครามแห่งชนชั้นครั้งนี้ แม้ กระทั่งการส่งข้อความผ่านโทรศัพท์มือถือไปถึงประชาชนว่า การชุมนุมคนเสื้อแดงจะเกิดความวุ่นวาย จราจรติดขัด และก่อวินาศกรรม พร้อมทั้งอ้างว่าลูกหลานที่อยู่ในวังขอให้ตุนอาหารเอาไว้ และยังบอก ให้เตรียมถอนเงินจากธนาคารกรุงเทพฯ มาด้วย ถือเป็นวิชามารของรัฐบาล ขอบอกประชาชนว่า ไม่ ต้องวิตก เราไม่ได้มาสร้างสงคราม แต่มาสร้างสันติภาพ ต้องการให้การต่อสู้ครั้งสุดท้ายของชนชั้นล่าง โค่นชนชั้นสูงที่กดขี่มาโดยตลอด หากเราชนะ ก็จะชนะด้วยกัน" นายณัฐวุฒิ กล่าว

แดงเมินรัฐบาลใช้พ.ร.บ.มั่นคง

นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า การที่ คตม.เตรียมเสนอครม.ให้ประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคง เท่าที่ ทราบ ไม่ใช่เป้าหมายแท้จริง เป็นเพียงไพ่ใบแรก แต่ไพ่ใบสุดท้ายคือ ต้องการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ให้ตรงกับช่วงการชุมนุม เพื่อเป็นข้ออ้างคนเสื้อแดงจะปฏิเสธปฏิบัติตาม พ.ร.บ.มั่นคง เมื่อถูกปฏิเสธ รัฐบาลจะใช้เป็นเหตุอ้างในการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และยังได้ยินข่าวว่า จะมีสถานการณ์เกิดขึ้นอีก เพื่อรองรับ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน รัฐบาลชุดนี้ที่มาจากประชาชน กลับเห็นเราเป็นศัตรู ที่ต้องขจัด รัฐบาลอย่า อาย เมื่อเตรียม พ.ร.ก.ไว้แล้ว ก็ควรประกาศเลย 

"ไอ้ตู่"ปูดเอกสารลับเฝ้าระวัง 361 จุด

ด้านนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคนเสื้อแดง กล่าวว่าได้เอกสารลับมาก จำนวน 17 หน้า จากกองบัญชาการตำรวจนครบาล กำหนดพื้นที่เฝ้าระวังพิเศษ 361 จุด มีทั้งพระบรมมหาราชวัง สถานทูต และบุคคลสำคัญ อาทิ นายอภิสิทธิ์ นายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ เชาววิศิษฐ์ อดีต รมช.คลัง ทั้งที่เสียชีวิตไปแล้ว ยังได้รับการดูแล ตนจึงรู้สึกหมดอาลัยตายอยาก กับ เจ้าหน้าที่ตำรวจ

นายจตุพร กล่าวอีกว่า ขอตั้งเป็นข้อสังเกตุว่า หลังจากพล.ต.อ.สัณฐาน ชยนนท์ ผบช.น. กลับจากเข้าพบ พล.อ.เปรม จากนั้นมีข้อมูลออกมาว่าจะต้องจับตา 3 แกนนำนปช. เป็นพิเศษ พยายามควบคุมตัวให้ได้ และเร่งรัดคดี อีกทั้ง สน.บางรัก ยังส่งหนังสือมาถึงเลขาธิการพรรคเพื่อไทย เพื่อถามข้อมูล เช่น ตนมีภูมิลำเนาอยู่ที่ใด เกี่ยวพันและมีหน้าที่ในพรรคอย่างไร รวมทั้งถามถึงราย ละเอียดการแถลงข่าว กรณีเอกสารลับด้วย

นายจตุพร ยังกล่าวถึงกรณี นายอภิสิทธิ์ จะไปเข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ว่ า ควรกราบบังคมทูลตามข้อเท็จจริง อย่ากล่าวถวายรายงานด้วยถ้อยคำอันเป็นเท็จ เหมือนกับกรณีใช้ หลักฐานเท็จสมัครโรงเรียนนายร้อย และการที่นายอภิสิทธิ์ ออกมาจุดกระแสชุมชนต่างๆ ให้ออกมา ต่อต้านคนเสื้อแดง อยากบอกว่า บางชุมนุมยังไม่ได้รับการพิสูจน์ใครนำรถแก๊ส รถเมล์ที่ถูกเผา เข้าไป จอดในจุดดังกล่าว กรณีนางเลิ้ง ก็ยังจับคนร้ายไม่ได้ ทั้งนี้คนในชุมชนอย่าตกเป็นเหยื่อ ตกเป็นเครื่อง มือรัฐบาล คนเสื้อแดงยืนยัน สันติวิธีมาโดยตลอด 

ท้าปฎิวัติจะไล่ตะเพิดคราวเดียว

นายจตุพร กล่าวอีกว่า การประกาศ พ.ร.บ.มั่นคง หรือ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ไม่มีปัญหาต่อคน เสื้อแดง เพราะสภาพใน กทม.วันนี้ ทหารออกมาตามจุดต่างๆ หมือนประกาศอยู่แล้ว ยืนยันว่า ต่อสู้ ครั้งนี้เราจะมามือเปล่า รัฐบาลหากคิดจะสร้างสถานการณ์ มือที่สามจะถูกกลืนด้วยพี่น้องประชาชน การชุมนุมครั้งนี้จะเป็นโดยสงบ โรคแทรกซ้อนอื่นๆ จะเป็นโดยรัฐบาล อยากเตือนรัฐบาลว่า สถานการณ์ที่สร้าง จะย้อนเข้าหาตัวคุณ กระแสข่าวจะปฏิวัติก่อนวันที่ 10 มี.ค. ขอเชิญชวนให้ปฏิวัติ คนเสื้อแดงจะได้ปิดฉากรัฐบาล และคณะปฏิวัติในคราวเดียวกัน เท่าที่ทราบกำลังอยู่ใน กทม.ครบ ถ้วนแล้ว ที่รัฐบาลส่งมาสามารถแปรให้ยึดอำนาจได้ทันที ครั้งนี้ ใช้มือเปล่า ไม่มีอาวุธ ที่จะโค่นรัฐบาล

นายจตุพร กล่าวอีกว่าการที่ พล.ต.ขัตติยะ ไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็เป็นเหมือนวัด ใครจะ ไปพบก็ได้ ท่านก็ไม่ปฏิเสธ ใครจะไปจะมา ก็ได้หมด ส่วนข่าวที่ออกมา 3 วัน เผด็จศึกรัฐบาล คนเสื้อ แดง เติบโตมากพอที่จะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร พวกตนก็ยังอยู่ บางทีอาจเผด็จศึกเร็วกว่า 3 วันก็ได้ และ ครั้งนี้ใครเป็นฝ่ายยิงประชาชนก่อน คนนั้นจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้

พท.ตั้ง"วอร์รูม"เกาะติดการชุมนุม

นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ในวันนี้พรรคเพื่อไทยได้มีการ ประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์และการเมือง และได้ตั้ง ”วอร์รูม” เพื่อติดตามสถานการณ์ การ ชุมนุมในครั้งนี้ โดยมีศูนย์บัญชาการ อยู่ที่พรรคเพื่อไทย ถนนพระรามสี่ มีนายยงุยุทธ วิชัยดิษฐ หัว หน้าพรรค เป็นหัวหน้าทีม ซึ่งจะมีคณะกรรมการบริหารพรรค ส.ส. และสมาชิกพรรค ร่วมวิเคราะห์ ประเมินสถานการณ์ เพื่อติดตามตรวจสอบการบังคับใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง ของรัฐบาลว่า เป็นไป ตามกฎหมาย และละเมิดสิทธิของประชาชน ตามมาตรา 68 ของรัฐธรรมนูญหรือไม่ รวมทั้งจะให้ การช่วยเหลือกรณีที่ประชาชน อาจถูกละเมิดสิทธิเสรีภาพ ความปลอดภัย สาธารณูปโภค

ส่วนจะมี ส.ส.ของพรรค เข้าร่วมชุมนุมในพื้นที่ต่างๆ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับกลุ่มผู้ ชุมนุม พรรคก็ได้ให้เป็นเรื่องสิทธิของ ส.ส.แต่ละคน

สั่งรพ.รอบที่ชุมนุมดูแล 18 จุด

ที่กระทรวงสาธารณสุข นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รมว.สาธารณสุข(สธ.) กล่าวภายหลัง การประชุมผู้บริหารระดับสูง สธ.ว่า ที่ประชุมได้หารือเกี่ยวกับมาตรการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับ การชุมนุมใหญ่ของกลุ่มคนเสื้อแดงหากเกิดเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ขึ้น โดยมีการตั้งศูนย์อำนวยการ เตรียมความพร้อมด้านการแพทย์และสาธารณสุขในสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีรมว.สธ.เป็นประธาน มี ศูนย์บัญชาการที่สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ(สพฉ.)เพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น

นายจุรินทร์ กล่าวต่อว่า สำหรับแผนการเตรียมการแก้ปัญหาจะขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรง ซึ่งแบ่งเป็น 3 ระดับ ได้แก่ 1.ไม่มีความรุนแรง สถานพยาบาลในเขต กทม.และสังกัดกรมการแพทย์จะ เป็นผู้รับผิดชอบ 2.มีความรุนแรงระดับ 2 สถานพยาบาลในเขตปริมณฑลและสพฉ.จะรับผิดชอบใน การให้ความช่วยเหลือ และ3.รุนแรงระดับ 3 สถานพยาบาลในทุกจังหวัดต้องเตรียมความพร้อมใน การแก้ปัญหา โดยจะเริ่มดำเนินการตามแผนตั้งแต่วันที่ 12 มี.ค.นี้ มีรองปลัดสธ.ทำหน้าที่เป็น ประธานคณะทำงานติดตามสถานการณ์ ร่วมกับหัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข สาธารณสุขนิเทศก์ ตัวแทนกรมต่างๆ และสพฉ. และรายงานให้รมว.สธ.รับทราบตลอดเวลา ส่วนใน พื้นที่ต่างจังหวัดมีผู้ตรวจราชการเขตเป็นหัวหน้าในการทำงาน

ด้าน นพ.ชาตรี เจริญชีวกุล เลขาธิการ สพฉ. กล่าวว่า สำหรับมาตรการรองรับ สถานการณ์ฉุกเฉินที่อาจเกิดขึ้นยังคงใช้แผนเอราวัณ โดยจะมีการปรับแผนให้สอดคล้องกับข้อมูลที่ ได้รับ ซึ่งแผนการรับมือจะแบ่งเป็น 3 ระดับ คือ ระดับ 1. ให้ทุกโรงพยาบาลอยู่ในที่ตั้งเตรียมรับ สถานการณ์ 2. แบ่งพื้นที่รับผิดชอบ รอบบริเวณที่คาดว่าจะมีการชุมนุม โดยขอความร่วมมือจากโรง พยาบาลในเขตกทม.และปริมณฑล ประจำจุดจุดละ 2-3 โรงพยาบาล ซึ่งบริเวณสนามหลวงถึง ลานพระบรมรูปทรงม้าจะจัดกำลังดูแลพื้นที่ประกบ 8 จุด และบริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิอีก 10 จุด 3. ประสานกำลังเสริมจากโรงพยาบาลเอกชน และจากโรงพยาบาลส่วนภูมิภาค เพื่อเสริมเจ้าหน้าที่ แพทย์ พยาบาล และเตียงสำรองเพื่อรับผู้ป่วยกรณีเกิดเหตุฉุกเฉินหลายจุด อย่างไรก็ตาม จะมีการ เรียกประชุมฝ่ายที่เกี่ยวข้องเพื่อเตรียมความพร้อมอีกครั้ง ทั้งนี้ได้เตรียมงบประมาณสำรองฉุกเฉินของ สพฉ.ไว้ 5 ล้านบาท รองรับสถานการณ์ด้วย

ศธ.เร่งหาทางแก้รับนักเรียน

นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) กล่าวถึงมาตรการ ด้านความมั่นคงในการรับมือการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง ว่า ตนได้กำหนดมาตรการ และให้ถือ เป็นหลักปฏิบัติอย่างเข้มข้น โดยสั่งให้ตั้งคณะทำงานติดตามเรื่องนี้ในระดับกระทรวงอย่างใกล้ชิด โดยตนเป็นประธานอำนวยการ มี รมช.ศธ. 2 ท่าน เป็นรองประธานอำนวยการ พร้อมทั้งมีตัวแทนจาก องค์กรหลักเป็นคณะอำนวยการในการร่วมตัดสินใจ ติดตามสถานการณ์ อำนวยความสะดวกให้กับ เพื่อนข้าราชการ
ทั้งนี้ ได้กำชับไปยังส่วนราชการ โดยเฉพาะสถานศึกษาที่อยู่ในจุดเสี่ยงที่มีการชุมนุม ให้มีการเตรียมมาตรการรองรับ โดยมอบอำนาจให้แก่ผู้อำนวยการสถานศึกษาใช้ดุลพินิจสั่งปิดสถาน ศึกษาได้หากเห็นว่าไม่ปลอดภัย สถานการณ์รุนแรง และส่งผลต่อนักเรียน นักศึกษา หรือสถานที่ ราชการ และเร่งให้จัดทำแนวทางปฏิบัติอย่างชัดเจน เป็นหนังสือเวียนไปยังสถานศึกษาต่างๆ ที่ สำคัญได้มอบหมายไปยังสถานศึกษาให้สร้างความตระหนักรู้ และชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจ ถึง สถานการณ์ที่เกิดขึ้นด้วย อย่างไรก็หาก ครม. ประกาศใช้ พ.ร.บ.รักษาความมั่นคงภายในราช อาณาจักร ซึ่งหากพื้นที่ใดจัดกิจกรรม สัมมนา อาจจะไม่สะดวก ก็ให้ทบทวนความเหมาะสมเพื่อไม่ให้ เกิดปัญหาแก่ผู้ที่จะเข้าร่วม

ส่วนผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อการรับสมัครนักเรียนที่จะมีขึ้นในวันที่ 13-17 มี.ค.นี้นั้น นายชินวรณ์ กล่าวว่า มอบให้ดร.ชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(กพฐ.) เร่งประชุมหาข้อสรุปกับผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษากรุงเทพมหานคร(ผอ.สพท.กทม.) ทั้ง 3 เขต เพื่อประเมินสถานการณ์ พร้อมรายงานให้ตนทราบ อย่างไรก็ตามตนอยากเรียกร้องไปถึงแกน นำผู้ชุมนุมให้คำนึงถึงความสะดวกของนักเรียน เพื่อให้นักเรียนเดินทางมาสมัครด้วยความปลอดภัย ด้วย นอกจากนี้หากมีข้าราชการร่วมการชุมนุมดังกล่าวก็ถือว่าเป็นสิทธที่กระทำได้ แต่ขอให้อยู่นอก เวลาราชการ

กทม.เลื่อนสอบโรงเรียนในสังกัด

ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.) เปิดเผยภายหลังการ ประชุมคณะผู้บริหารกทม. เกี่ยวกับการเตรียมความพร้อมรับการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงว่า ได้สั่ง การให้ทุกหน่วยงานเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์ต่างๆ อย่างใกล้ชิด โดยทำหน้าที่ด้านการ สนับสนุนให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเฝ้าระวังร้านค้าอาวุธปืน ร้านแก๊ส และปั้มน้ำมัน โดยจัดทำ บัญชีรายชื่อร้านค้าดังกล่าวในพื้นที่ เพื่อความสะดวกในการดูแลความปลอดภัยเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่ สงบ พร้อมสั่งการให้หน่วยสนับสนุนต่างๆ ทั้งหน่วย BEST รถพยาบาลเคลื่อนที่ รถสุขาเคลื่อนที่ สาย ด่วน กทม.1555 เตรียมความพร้อมตลอด 24 ชม.

สำหรับโรงเรียนสังกัดกทม.ที่จะมีการสอบปลายภาคในวันศุกร์ที่ 12 มี.ค. นี้ นั้น ให้เลื่อน การสอบปลายภาคในโรงเรียนสังกัดกทม.ที่อยู่ในพื้นที่ของสำนักงานเขตดุสิต พระนคร ป้อมปราบ ศัตรูพ่าย และราชเทวี ให้เร็วขึ้น โดยจะมีการสอบในระหว่างวันที่ 9-11 มี.ค. นี้ และเปิดทำการเรียน การสอนต่อไปจนถึงวันที่ 31 มี.ค. 2553 แต่หากมีสถานการณ์ความไม่สงบเกิดขึ้นจะมีการพิจารณา ปิดทำการเรียนการสอนตามความเหมาะสมต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น