xs
xsm
sm
md
lg

“มาร์ค” เชิญม็อบแดงยืนข้างรัฐบาลต้านพวกใช้ความรุนแรง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
“มาร์ค” ถก ผู้ว่าฯ กทม.พร้อม ผอ.เขต รับมือม็อบเสื้อแดง สั่งประชาสัมพันธ์ประชาชนในกรุงเทพฯ ไม่ให้ก่อเหตุปะทะกับม็อบ ลั่นแม้มานับแสนก็ไม่หวั่น ขอให้ทำตามกฎหมาย จะไม่ปิดกั้น ยันรัฐบาลไม่เป็นปฏิปักษ์กับใคร เรียกร้องผู้ชุมนุมอยู่ข้างรัฐบาลต่อต้านคนกลุ่มเล็กๆ ที่จ้องใช้ความรุนแรงสร้างความวุ่้นวายให้บ้านเมือง ระบุใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง-พ.ร.บ.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เพื่อคุมเหตุวินาศกรรม


นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์หลังการประชุมเตรียมการรับสถานการณ์การชุมนุมทางการเมืองในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และปริมณฑล มี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง, ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม., นายอนุชา โมกขะเวส อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) และ ผอ.เขต ทุกเขตของ กทม.เข้าร่วมประชุม ว่า ที่ประชุมประเมินสถานการณ์ แลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อซักซ้อมทำความเข้าใจและแนวปฏิบัติที่จะรีบมือกับสถานการณ์การชุมนุม เพื่อดูแลรักษาความสงบตามกฎหมาย อย่างไรก็ตาม เมื่อมีการข่าว มีแนวโน้มว่ามีคนบางกลุ่มที่ไม่ใช่ผู้ชุมนุมส่วนใหญ่ แต่เป็นคนบางกลุ่มที่มีความคิดที่จะทำให้เกิดความวุ่นวายต่อบ้านเมือง เจ้าหน้าที่ก็ต้องมีความพร้อมในทุกๆ ด้าน ทั้งในแง่ของการป้องกันเหตุ และในแง่ของการที่จะเข้าไปแก้ไข หากมีเหตุต่างๆ เกิดขึ้น รวมไปถึง ว่า บางครั้งในช่วงของการชุมนุม ก็อาจจะเกิดปัญหาต่อระบบการจราจร การให้บริการประชาชน หน่วยงานที่มีหน้าที่ในทางปฏิบัติและบริการประชาชนต้องช่วยกันอำนวยความ สะดวก ให้ทุกฝ่ายสามารถที่จะดำเนินชีวิตของตัวเองได้

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า กทม.จะเข้ามาทำหน้าที่ประชาสัมพันธ์และทำความเข้าใจกับประชาชนในแต่ละเขต ในเรื่องสถานการณ์ในปัจจุบัน และหน้าที่ที่เจ้าหน้าที่ในส่วนของรัฐบาล และ กทม.จะต้องปฏิบัติและขอความร่วมมือกับประชาชนใน 3 เรื่องหลัก คือ 1.ขอความร่วมมือในการที่จะปฏิบัติตามและให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ เพราะว่าในสถานการณ์จากนี้ไปบางครั้งการทำงานของเจ้าหน้าที่ในการป้องกันเหตุ เพราะอาจจะไปทำให้เกิดความรู้สึกว่าไม่สะดวกบ้าง มีความรำคาญบ้าง ก็ต้องบอกประชาชน ว่า ต้องการให้ทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อย 2.ประชาชนที่พบเห็น หรือมีอะไรที่ผิดสังเกตให้รีบแจ้งข้อมูลและเบาะแสต่างๆ ไปยังเจ้าหน้าที่ เพื่อให้สามารถป้องกันเหตุการณ์ต่างๆ ได้ เพราะจำนวนเจ้าหน้าที่เองก็มีไม่เพียงพอที่จะไปดุแลทุกอย่างได้ และ 3.ทำความเข้าใจกับประชาชน ว่า ไม่ว่าจะมีความคิดเห็นทางการเมือง หรือมีอารมณ์ความรู้สึกชอบไม่ชอบ หงุดหงิดอะไรอย่างไรก็อย่าได้นำตัวเองเข้าไปสู่ความขัดแย้งที่อาจนำไปสู่ความรุนแรง เพราะในที่สุดเมื่อมีความรุนแรงแล้วก็อาจจะนำไปสู่ความสูญเสียได้ และอาจจะนำมาสู่ความเดือดร้อนของประชาชนทั้งประเทศ

ผูัสื่อข่าวถามว่า พ.ร.บ.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ที่กระทรวงมหาดไทยจะเสนอ ครม.ให้ประกาศใช้จะช่วยสถานการณ์อย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ช่วยเรื่องการบูรณาการ เพราะเป็นกฎหมายที่เปิดโอกาสให้ผู้ว่าฯ ผู้อำนวยการเขตในการป้องกันระงับภัยที่เกิดขึ้น สามารถขอให้หน่วยงานของรัฐเข้ามาช่วยปฏิบัติภารกิจได้มีการคุ้มครองเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติตามกฎหมายด้วย

สำหรับเหตุผลที่ต้องเลื่อนการเดินทางไปเยือนออสเตรเลียนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เมื่อคณะกรรมการติดตามสถานการณ์ความมั่นคง (คตม.) จำเป็นต้องประกาศกฎหมายความมั่นคง คิดว่า ภารกิจของตนเองต้องดูแลให้สถานการณ์มีความเรียบร้อย ให้งานต่างๆ เดินหน้าได้ตามปกติ ทั้งนี้ รู้สึกเสียดายเนื่องจากออสเตรเลียเป็นคู่ค้าที่มีความสำคัญที่กำลังเจริญเติบโตอยู่ แต่เมื่อคณะกรรมการ คตม.เห็นว่า จำเป็นต้องใช้กฎหมายพิเศษ ในฐานะผู้บังคับบัญชาสูงสุด ต้องมีอำนาจหน้าที่โดยตรงเกี่ยวกับกฎหมายดังกล่าวนี้ด้วย ส่วนการประกาศกฎหมายเติ่มหรือไม่นั้น ขณะนี้ยังไม่มีความจำเป็น

“รัฐบาลไม่มีทางออก รัฐบาลรักษากฎหมาย คิดว่า รัฐบาล ประชาชนทั่วไป และกลุ่มผู้ชุมนุม ควรอยู่ข้างเดียวกัน สิ่งที่ต้องต่อสู้ด้วย คือ คนกลุ่มเล็กๆ ต้องการอาศัยเงื่อนไขความรุนแรงสร้างความโกลาหลในบ้านเมือง ผมยังเชื่อว่า ประชาชนและกลุ่มผู้ชุมนุมไม่ต้องการให้เกิดความรุนแรง เพราะฉะนั้นเราอยู่ข้างเดียวกัน ส่วนทางออก เราไม่สามารถทำให้ทุกคนเห็นตรงกันได้ และไม่สามารถทำให้คนบางกลุ่มเอาผลประโยชน์ส่วนตัวหยุดการกระทำบางอย่างได้ เราต้องผ่านพ้นสถานการณ์นี้ไปได้โดยให้คนส่วนใหญ่เคารพกฎหมายต้องการรักษาระบบ” นายอภิสิทธิ์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการเจรจากับแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เขาเคลื่อนไหวตามปกติของเขา ส่วนที่คนเมืองหลายคนกังวลต่อสถานการณ์นั้นก็เป็นหนึ่งในประเด็นที่ต้องประชาสัมพันธ์ ให้เจ้าหน้าที่ กทม.ทำความเข้าใจให้อดทนอดกลั้น ละเว้นจากการเข้าไปสู่ความขัดแย้ง ความรุนแรง เพราะไม่แก้ปัญหาอะไร ขอความร่วมมือสื่อมวลชนด้วย

ส่วนแผนรองรับสถานการณ์ในภูมิภาคอื่นๆ นั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ในจังหวัดอื่นๆ ให้เตรียมความพร้อมทั้งหมด แต่ที่เน้น กทม.และปริมณฑล เป็นเพราะมีการเชิญชวนให้คนมาชุมนุมที่นี่ และปัญหาที่คนจำนวนมากเข้ามาเกี่ยวกับการสัญจรทางบก ทางน้ำก็มีความจำเป็นต้องดูแลสถานการณ์เป็นพิเศษ ส่วนที่อื่นก็ต้องดูแลให้เกิดความเรียบร้อย

ผู้สื่อข่าวถามว่า มาตรการดูแลสถานการณ์มีขั้นตอนอย่างไรจนถึงขั้นเลวร้าย นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เป็นขั้นตอนตามหลักกฎหมายและหลักสากล เช่น จะดำเนินการอะไรต่างๆ จะแจ้งให้ทราบล่วงหน้า เพื่อให้ความมั่นใจได้ว่า จะไม่มีเจ้าหน้าที่ฝ่ายรัฐไปใช้ความรุนแรงกับประชาชนเข้าปราบปราม โดยไม่มีเหตุให้ต้องเข้าไประงับ ที่ต้องย้ำ เพราะมีความต้องการของคนบางกลุ่มซึ่งต้องการให้เกิดความวุ่นวาย โดยอ้างว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐไปเป็นปฏิปักษ์กับประชาชน จึงย้ำหลายครั้งว่าไม่เป็นปฏิปักษ์หรือศัตรูของใคร ส่วนเรื่องอาวุธนั้นเจ้าหน้าที่ต้องหลีกเลี่ยงการพกพาอาวุธ แต่มีอุปกรณ์ปัองกันตัว

ส่วนที่ คตม.ระบุว่า จะมีการใช้กำลังมากที่สุดเท่าที่เคยมีมา นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า การใช้กำลังป้องกันไม่ให้เกิดเหตุ ไม่ใช่เป็นเพราะจะให้เกิดความรุนแรง แต่ถ้ากฎหมายประกาศสภาวะฉุกเฉินก็ต้องเป็นไปตามเงื่อนไขของกฎหมาย ณ วันนี้ยังประกาศไม่ได้ยังไม่มีเหตุอะไร เป็นเพียงเข้าเงื่อนไขกฎหมายความมั่นคง จะบริหารไม่ให้เกิดเหตุเช่นนั้น

ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่ระบุว่า มีบุคคลกลุ่มหนึ่งพยายามให้เกิดเหตุรุนแรง คือ กลุ่มไหน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คนถามก็ทราบดีอยู่แล้ว ส่วนการยุบสภาแล้วเหตุการณ์สงบเป็นประโยชน์แก่บ้านเมืองก็ไม่มีปัญหา ถ้าทดสอบด้วยเงื่อนไขว่า ถ้ามีการยุบสภาแล้วทดสอบให้เห็นได้หรือไม่ว่าจะไม่มีเหตุการณ์นำไปสู่ความรุนแรง เช่น ไม่มีการขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ ขัดขวาง ข่มขู่ คุกคามก็ไม่มีปัญหา แต่ปัจจุบันไม่มีสัญญาณเลย

นายอภิสิทธิ์ ยืนยันว่า ไม่กลัวที่ถูกขึ้นบัญชีดำจากกลุ่มคนเสื้อแดง ส่วนการตั้งจุดสกัดนั้นเป็นการตรวจอาวุธ ถ้าไม่มีอาวุธก็สามารถเข้าร่วมชุมนุมได้ และหากกีดขวางการจราจร ทำให้ประชาชนเดือดร้อน ก็ถือว่าไม่ได้อยู่ในขอบเขตกฎหมายรัฐธรรมนูญ

ผู้สื่อข่าวถามว่า การประเมินสถานการณ์การชุมนุมมีผลขับไล่รัฐบาลเพียงอย่างเดียวหรือหวังผลอย่างอื่นด้วย นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คนที่จะเข้ามา กทม.สัปดาห์หน้านับแสนคน มีวัตถุประสงค์ต่างๆ ซึ่งไม่สามารถประเมินได้ คิดว่า มีข้อเรียกร้องเรื่องความเป็นธรรม ประชาธิปไตย หลายท่าน แต่หลายคนก็ได้รับข้อมูลที่คลาดเคลื่อน ว่า ตนจะสั่งการให้ปราบปรามประชาชนโดยใช้ความรุนแรง เขาก็ไม่พอใจ และมีบางคนเข้ามามีวัตถุระสงค์อื่นเปลี่ยนแปลงรัฐบาล เพื่อล้มกระดาน หรือเพื่อวัตถุประสงค์หลากหลาย ส่วนจะเพิ่มด่านตรวจหรือไม่นั้น จะดูตามสภาพและความจำเป็น ตามการประเมินของ คตม.และจะมีการประเมินอีกครั้งหนึ่ง

ส่วนผู้ร่วมชุมนุมประเมินว่าจะมีจำนวนเท่าไหร่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เอาตัวเลขหลักแสนจะได้ไม่มีความขัดแย้งอะไรกับใคร คน กทม.ก็สามารถอยู่ใน กทม.ได้ ด้วยเหตุผลนี้จึงมีการประชุมรับมือสถานการณ์

ผู้สื่อข่าวถามว่า จำเป็นต้องทำหลุมหลบภัยให้ประชาชนหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ ย้อนถามว่า แล้วผู้สื่อข่าวมีหลุมหลบภัยหรือไม่ คนอื่นก็เหมือนกัน คิดว่า เราต้องยอมรับว่า มีคนจำนวนมากต่อว่ารัฐบาลว่าดูจะไม่ค่อยรู้ร้อนรู้หนาว เพราะมีคนออกมาระบุว่าจะมีเหตุรุนแรง มีคนที่เขาพูดเองว่าจะต้องเกิดเหตุอย่างนั้นอย่างนี้ ซึ่งเราไม่ตื่นตระหนกและไม่ต้องการให้ประชาชนตื่นตระหนก และไม่ประมาท

ต่อข้อถามว่า คิดว่า กลุ่มผู้ชุมนุมคนเสื้อแดงจะชุมนุมยืดเยื้อหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า “ผมไม่ทราบจริงๆ ผมจะไม่ขอตอบคำถามที่เป็นประเด็นนำไปสู่ความขัดแย้งได้ รัฐบาลและสถานที่ราชการก็ยังไม่หยุดทำงาน เอาเป็นว่ารัฐบาลจะตัดสินใจอะไรตามสถานการณ์ความเหมาะสม ไม่ตัดสินใจไม่ตั้งธงล่วงหน้าว่าต้องเป็นอย่างนั้น อย่างนี้ เพราะเราต้องการรักษาความสงบ ส่วนการชี้แจงทำความเข้าใจกับต่างชาติให้เป็นหน้าที่ของกระทรวงการต่างประเทศดำเนินการ”

ผู้สื่อข่าวถามว่ากลัวอะไรที่สุดในการชุมนุมครั้งนี้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า กลัวเกิดความสูญเสีย เพราะถือว่าชีวิตของคนหนึ่งคนมีค่า และไม่ควรมีใครจะต้องมาเสียชีวิต เพราะสามารถบริหารจัดการได้ ถือเป็นสิ่งที่ไม่อยากให้เกิดขึ้น เวลาที่คนเข้ามาชุมนุมจำนวนมากแล้วมีคนมีเจตนาแอบแฝงต้องการให้เกิดเหตุการณ์ มีความเสี่ยง เราพยายามไม่ให้เกิดขึ้น

“ผมเชื่อมั่นว่า คนส่วนใหญ่ของประเทศไม่ต้องการให้เกิดความสูญเสียทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นคิดว่าเราให้ความร่วมมือกันจะรักษาความสงบได้ ส่วนที่ทาง ส.ส. -ส.ก.- ส.ข.กรุงเทพ เขามาขอเข้าพบ และถือโอกาสมาพบ ผมว่าผู้แทนราษฎรในพื้นที่มีความเป็นห่วงได้รับแรงกดดันจากประชาชนในพื้นที่ว่าเรื่องเหตุการณ์จะเป็นอย่างไร”
กำลังโหลดความคิดเห็น