xs
xsm
sm
md
lg

“เทพเทือก” ยันพบเสื้อแดงขู่จับลูกเมีย รมต. เย้ยชุมนุมเป็นหมื่นคงพอได้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง
“สุเทพ” ยันรายงาน ครม.ให้ทราบทุกแง่มุม ปัดขึ้นบัญชีดำ 212 แก๊งแม้ว แต่รับมีบางคนต้องติดตามเพราะมีพฤติกรรมป่วนชาติ ลั่นมีหลักฐานเสื้อแดงขู่จับลูกเมียรัฐมนตรีเป็นตัวประกัน ขู่ 3 เกลอ ทำผิดกฏหมายเจอเล่นงานจะมาโกรธกันไม่ได้ ชี้สุดโม้มาชุมนุมเป็นล้าน เย้ยจ้างมาเป็นหมื่นคงพอได้ รับมี ส.ส.เพื่อไทยหลายคนไม่อยากทำ

คลิกที่นี่ เพื่อฟังนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ให้สัมภาษณ์

วันนี้ (3 มี.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่าหาก ครม.คนไหนที่รู้สึกว่าครอบครัว ไม่ปลอดภัยให้แจ้งทางฝ่ายความมั่นคงไปอารักขาว่า เมื่อวานนี้นายกฯ ให้ตนรายงานถึงสถานการณ์ภายหลังศาลตัดสินคดียึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งตนรายงานให้ ครม.รับทราบข้อเท็จจริงทุกแง่มุม เรื่องที่เกิดขึ้นเราได้คาดการณ์ไว้ก่อนแล้วและสั่งการให้ระมัดระวังอยู่แล้ว เพียงแต่พื้นที่กว้างขวาง ผู้ก่อการสามารถหาช่องโหว่กระทำการในสาขาธนาคารที่อยู่นอก กทม. และจ.สมุทรปราการ และใน กทม. เป็นสาขาเล็กๆ 2แห่ง อีกทั้งเจ้าหน้าที่ไม่มีกำลังเพียงพอในการดูแล แต่หลังเกิดเหตุได้เพิ่มกำลังเจ้าหน้าที และเพิ่มมาตรการในการดูแลตลอดจนลาดตระเวนและตั้งด่านตรวจ นอกจากนั้นได้เรียน ครม.ว่า รัฐบาลพยามทำงานเชิงรุก เช่นการเปิดโทรศัพท์หมายเลขด่วน 1555 ที่ศาลาว่าการกทม.เพื่อให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมเป็นหูเป็นตาในการเข้าแจ้งเหตุ หรือทาง ผบช.น. เชิญชวนให้ผู้ขับขี่รถมอเตอร์ไซค์รับจ้างมาอบรมเพื่อขอความร่วมมือช่วยเป็นหูเป็นตาให้ นอกจากนั้นยังมีโครงการต่างๆ เพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมทำหน้าปกปักรักษาบ้านเมือง ดูว่ามีใครบ้างที่อยู่ในข่ายที่จะมีศักยภาพในการก่อเหตุลักษณะแบบนี้บ้าง

ส่วนที่มีข่าวว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจไปติดตามแกนนำในบัญชีดำ 212 คนตามที่นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทย และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำคนเสื้อแดง ออกมาพูดนั้นไม่เป็นความจริง ได้แจ้งให้ ครม.ทราบว่าความจริงคือ มีคนบางคนที่เราเคยไปตรวจค้นอาวุธ หรืออาจจะเป็นกลุ่มคนที่มาทำร้ายบ้านเมืองได้ อย่างนี้ก็ต้องติดตาม คอยสอดส่องพฤติกรรมเอาไว้ ทั้งนี้เพื่อปกป้องบ้านเมือง นอกจากนั้นยังเรียนด้วยว่า

“เราไม่ประมาทในทุกข่าว และเมื่อมากรองดูแล้วหากมีแนวโน้มเกิดขึ้นได้ก็ระมัดระวังทุกอย่าง ขอให้ ครม.ระมัดระวังในสถานที่ทำงานทุกหน่วย กระทรวง ทบวง กรมทั้งหลายต้องเพิ่มขีดความสามารถให้มากขึ้น จะได้ช่วยเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกทางหนึ่ง ส่วนครอบครัวและลูกเมียเวลาไปไหนต้องระมัดระวังตัวมากขึ้น ถ้ารู้สึกว่าไม่ปลอดภัยก็ให้บอกมาจะดูแลให้เป็นพิเศษ ไม่ใช่เรื่องที่ต้องไปตื่นตระหนกอะไรมากมายเป็นพิเศษ”

เมื่อถามว่า มีการวิเคราะห์ว่าจะมีการทำร้ายลูกเมียรัฐมนตรี นายสุเทพกล่าวว่า มีกลุ่มคนที่เคลื่อนไหวที่พูดจาปลุกระดมประชาชนในที่ต่างๆ แล้วฝ่ายข่าวบันทึกเทปมาดู มีการพูดจาระบุเรื่องการจับลูกเมียของ ครม. หรือผู้บัญชาการเหล่าทัพเป็นตัวประกัน มันมีพฤติกรรมอยู่ ตนต้องเตือนให้ระมัดระวังเท่านั้นเอง ไม่ใช่ว่าต้องเป็นเหตุอย่างที่พูด เอาเป็นว่าเราทำทุกอย่างเพื่อความไม่ประมาท ส่วนกรณีที่นายณัฐวุฒิ ออกมาระบุว่าการไปติดตามเป็นการละเมิดสิทธิ แล้วจะกลับมาติดตามตนเองบ้าง นายสุเทพกล่าวว่า ที่ต้องให้เจ้าหน้าที่ติดตามให้ดูแลพฤติกรรมของคนบางคนเป้าหมาย คือ ต้องการดูแลป้องกันบ้านเมืองป้องกันเหตุร้ายไม่ให้ภัยมาถึงตัวประชาชน ถือเป็นการทำหน้าที่โดยสุจริต เพราะคนที่ต้องติดตามมีพฤติกรรมน่าสงสัย อยู่ในข่ายที่อาจทำร้ายประเทศชาติและประชาชน ไม่ใช่ติดตามสุจริตชน ส่วนที่เขาจะติดตามตนเองไม่ว่าอะไร เป็นเรื่องของนายณัฐวุฒิ และนายจตุพร เพียงแต่บอกให้ทราบว่า ท่านเหล่านั้นและตนเองมีวัตถุประสงค์ต่างกัน ตนเอง มีวัตถุประสงค์ดูแลบ้านเมือง อีกฝ่ายมีวัตถุประสงค์ป่วนบ้านเมืองก็ว่าไป แต่ถ้าผิดกฎหมายเมื่อไหร่ก็ต้องดำเนินการจะมาโกรธกันไม่ได้

เมื่อถามประเมินว่าในการชุมนุมวันที่ 14 มี.ค.นี้ กลุ่มเสื้อแดงประกาศจะมาชุมนุมนับล้านคนเตรียมรับมืออย่างไร นายสุเทพกล่าวว่า เป็นเรื่องที่คาดไว้อยู่แล้ว เพราะเขาพูดมานานแล้ว สื่อมวลชนก็ได้ยินว่าต้องมาให้เป็นล้านคน ทำทีเดียว ม้วนเดียวจบ เอารถปิกอัพมาเป็นแสนคน ปิดล้อม กทม.ให้เป็นอัมพาต ก็เป็นสิ่งที่เขาพูดมาเยอะแล้ว

“โดยความเชื่อของผมเองเชื่อว่าคนไทยทั้งประเทศไม่ต้องการให้บ้านเมืองเกิดความวุ่นวายใดๆ ขึ้น คนไทยส่วนใหญ่ต้องการเห็นบ้านเมืองสงบ ผมไม่เชื่อว่าจะมีคนมาเป็นล้านคนไม่เชื่อแน่นอน แล้วจะได้เห็นกันในเวลาไม่ช้านี้ว่าที่ผมเชื่อเป็นจริงหรือเปล่า เพราะผมเชื่อในหัวใจของคนไทย ส่วนกรณีคนที่จะมาชุมนุมอาจจะหลายหมื่นคนเป็นไปได้ เนื่องจากมีข่าวว่า มีคนจ้างวาน หรือไปชักชวนกันมา เชื่อว่าประชาชนที่มาไม่ใช่จะมาก่อเหตุร้าย อยู่ในกรอบของกฎหมายและไม่หลงเชื่อใครที่ชักชวนไปสร้างความวุ่นวายในบ้าน เมือง เราจะค่อยๆพูดค่อยจากัน ค่อยๆแก้ไขกันไป เรียนว่ารัฐบาลนี้และเจ้าหน้าที่รัฐทุกคนไม่ใช่ศัตรูประชาชนเพียงแต่ทำหน้าที่ดูแล ประชาชนให้เกิดความเรียบร้อยเท่านั้น วันนี้มีกลุ่มคนที่ไม่หวังดีต่อประเทศชาติบ้านเมืองจริงๆ ผมก็ได้เรียน ครม.ไป เราต้องยอมรับว่า ในกลุ่มคนเหล่านี้เขามีวิธีปฏิบัติหลายอย่าง บางส่วนธรรมดา บางส่วนก็มีความรุนแรงปนอยู่ด้วย ผมเชื่อว่าทั้งหมดมีการสั่งการมาจากคนๆเดียวกันแต่แยกกันทำหลายสายหลายฝ่าย ขอให้ประชาชนจับตาดูเห็นอะไรที่สามารถแนะนำพวกผมได้ก็ช่วยแนะนำแก้ไขสถานการณ์ไป บ้านเมืองวันนี้เผชิญความวุ่นวาย เป็นเรื่องร้าย แต่หน้าที่พวกเราคนไทยต้องร่วมใจเผชิญปัญหาด้วยกันแก้ปัญหาปกป้องบ้านเมือง” นายสุเทพกล่าว

เมื่อถามว่า ประเมินสถานการณ์ว่าจะมีผู้เข้าร่วมชุมนุมเท่าไหร่ นายสุเทพ กล่าวว่า ตนคงประเมินให้มันชัดเจนไม่ได้ คิดว่าคงมีจำนวนไม่มากมายอย่างที่เขาประกาศ เมื่อถามอีกว่า ส.ส.เพื่อไทยให้เกณฑ์คนขนใส่รถปิกอัพเข้า กทม.จะสำเร็จหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า ส.ส.หลายท่านเป็นนักการเมืองอาชีพ บางท่านก็ไม่อยากทำ มาเล่าให้ฟัง เมื่อถามว่าการใช้กฎหมายพิเศษ จำเป็นต้องใช้หรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า ยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้ ถ้าจำเป็นจะแจ้งให้ประชาชนทราบ และประชาชนจะเข้าใจว่ามีความจำเป็นอย่างไร

เมื่อถามว่า หลายคนกังวลวันที่ 14 มี.ค.จะเกิดเหตุรุนแรงยิ่งกว่าเดือน เม.ย. ปีที่แล้ว นายสุเทพกล่าวว่า คิดว่าทุกคนอย่าตื่นตระหนกตกใจเกินเหตุ แต่ตนจำเป็นต้องรายงานข้อเท็จจริงให้รับทราบ เพื่อให้รับรู้รับทราบพร้อมกัน แต่ยืนยันและมั่นใจว่า ด้วยพลังของคนส่วนใหญ่ในประเทศนี้เราสามารถดูแลบ้านเมืองได้ เพราะนี่เป็นเพียงพายุ มรสุม 1-2 วันก็พัดผ่านไป เราก็จะอยู่กันได้ต่อไป

เมื่อถามว่า ขณะนี้คนเป็นห่วงหลังตัดสินคดียึดทรัพย์ ทุกอย่างน่าจะดีขึ้นแต่กลับแย่ลง นายสุเทพกล่าวว่า ตนไม่คิดว่ามันทรุดหนักลง ถามใจประชาชนคนไทยที่ฟังคำพิพากษาของศาลวันที่ 26 ก.พ.มีความเข้าใจอะไรแจ่มแจ้งขึ้นไม่มีความเคลือบคลุมอะไรอีกต่อไป ส่วนคนที่คิดก่อเหตุก็เดินหน้าก่อเหตุ แต่เชื่อว่าประชาชนส่วนใหญ่ตั้งหลักได้ “ผมไม่คิดว่าจะมีใครเป็นศัตรูของแผ่นดินได้”

เมื่อถามว่า โพลสำรวจยังมีความไม่พอใจรัฐบาล เนื่องจากไม่สามารถแก้ปัญหาได้ นายสุเทพ กล่าวว่า เป็นเรื่องปกติ มีมุมมองที่แตกต่างกันอยู่บ้างก็ต้องยอมรับ ถือเป็นเรื่องปกติในประชาธิปไตย คิดว่าประชาชนเห็นว่าตลอดปีเศษที่รัฐบาลได้พาประเทศฟันฝ่าอุปสรรคมาได้ดีพอสมควร และมีแนวโน้มดียิ่งขึ้นเรื่อยๆ ถ้าเราสามารถดูแลบ้านเมืองให้สงบเรียบร้อยให้ประชาชน ส่วนวิธีการแก้ไขไม่ชอบรัฐบาลนี้เลือกตั้งใหม่ลงคะแนนเสียงเลือกใหม่ ก็ไม่เป็นไร ชอบรัฐบาลนี้ก็ลงคะแนนให้รัฐบาลนี้อยู่ต่อไป มันมีวิธีการอยู่
กำลังโหลดความคิดเห็น