นายพิชิต อัคราทิตย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า สำหรับการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 14 กุมภาพันธ์นั้น เราได้เตรียมการปรับพอร์ตเพื่อรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าวไปบ้างแล้ว โดยก่อนหน้านี้ เราได้เพิ่มสัดส่วนการถือเงินสดมากขึ้น เนื่องจากเราเองมองเห็นความผันผวนอยู่อยู่ข้างหน้าแล้ว เพราะความไม่แน่นอนทางการเมืองเอง มีผลกระทบต่อราคาหุ้นอยู่แล้ว ในขณะเดียวกัน ที่ผ่านมาเรามีประสบการณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้มาพอสมควร ซึ่งปัจจัยทางการเมื่องเป็นปัจจัยระยะสั้น แต่เรื่องของเศรษฐกิจมากกว่าที่จะเป็นปัจจัยระยะยาว
อย่างไรก็ตาม จังหวะการลงทุนที่ค่อนข่างผันผวนแบบนี้ ไม่เป็นอุปสรรคต่อการสร้างผลตอบแทนของกองทุนมากนัก เนื่องจากการลงทุนของเราค่อนข้างแอกทีฟ ด้วยการจัดสรรพอร์ตระหว่างหุ้นกับตราสารที่มีความมั่นคงสูงหรือเงินสด ซึ่งความผันผวนดังกล่าว อยู่ในทิศทางที่เห็นได้ชัด ขณะเดียวกัน ยังเป็นประโยชน์ต่อการลงทุนของเราด้วย จากราคาที่ปรับลดลงต่ำกว่าที่ควร ซึ่งที่ผ่านมา กลยุทธ์ในการหาประโยชน์จากความผันผวนดังกล่าว ส่งผลต่อผลตอบแทนของกองทุนเราดีขึ้นอย่างชัดเจน
"ความผันผวน ใช่ว่าจะไม่ดีเสมอไป เพราะเราเองได้ประโยชน์จากความผันผวนดังกล่าว หากมาสารถจัดพอร์ตการลงทุนได้ถูกต้อง"นายพิชิตกล่าว
นายประภาส ตันพิบูลย์ศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) อยุธยา จำกัด กล่าวว่า การชุมนุมที่จะเกิดขึ้น แน่นอนว่าคงส่งผลต่อบรรยากาศการลงทุนแน่นอน แต่ทุกครั้งที่มีความกังวลด้านการเมือง ตลาดจะฟื้นตัวได้เร็ว ดังนั้น หากดัชนีมีการปรับตัวลงไปบ้างก็เป็นโอกาสดีที่เราจะเข้าไปซื้อ ซึ่งเราเองมีการเตรียมเงินสดไว้ส่วนหนึ่ง เพื่อเข้าไปเก็บหุ้นหากราคาปรับลงไปเยอะ โดยในขณะนี้พอร์ตกองทุนหุ้นของเรามีสัดส่วนการถือเงินสดอยู่ประมาณ 3-6% ซึ่งสูงกว่าช่วงปกติ แต่ก็ยังต่ำกว่าช่วงวิกฤตการเงินก่อนหน้านี้
อย่างไรก็ตาม การลงทุนของเราเน้นการลงทุนระยะยาวเป็นหลัก ดังนั้น การปรับพอร์ตการลงทุนคงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมาก ในส่วนของการชุมนุมเอง เรามองว่าเป็นเรื่องปกติไปแล้ว ซึ่งการชุมนุมครั้งนี้เองคงไม่มีความรุนแรง แต่อาจจะยืดเยื้อนานเหมือนที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วก่อนหน้านี้
นายธีรพันธ์ จิตตาลาน กรรมการผู้จัดการ บลจ.นครหลวงไทย จำกัด กล่าวว่า ตอนนี้เราได้มีการประเมินและติดตามสถานการณ์ในการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 12 มีนาคม 2553 เพื่อเตรียมรับมือหากเกิดเหตุการณ์รุนแรง และหากมีการชุมนุมยืดเยื้อในวันเสาร์ อาทิตย์ และจันทร์ ซึ่งหากรัฐบาลมีการประกาศให้วันจันทร์เป็นวันหยุด ทางเราก็มีการเตรียมความพร้อมในการรักษาความปลอดภัยอีกด้วย
สำหรับพอร์ตกองทุนหุ้นของบลจ.ตอนนี้ได้มีถือครองเงินสดประมาณ 10% เนื่องจากเรามองว่าตลาดหลักทรัพย์ฯยังมีความผันผวนอยู่ ซึ่งหากดัชนี SET ปรับตัวลดลงก็อาจจะมีการช้อนซื้อ โดยก่อนหน้านี้ทางผู้จัดการกองทุนหุ้นได้มีการทยอยเก็บหุ้นเข้ามาในพอร์ตและได้มีการขายทำกำไรไปก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตามการชุมนุนของคนเสื้อแดงและการพิจารณาคดีตัดสินยึดทรัพย์ของอดีตนายกนั้น ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อนักลงทุนของบลจ.นครหลวงไทยแต่อย่างใด เนื่องจากนักลงทุนมีความเชื่อมั่นและเข้าใจสถานการณ์การเมืองที่เกิดขึ้นเป็นอย่างดี
"ในส่วนของกองทุนหุ้นของบลจ.นครหลวงไทย จะเป็นการลงทุนระยะยาว ซึ่งการปรับพอร์ตลงทุนนั้นก็คงจะเป็นไปตามที่นโยบายกองทุนกำหนดไว้ โดยอาจจะจับจังหวะเข้าลงทุนในช่วงที่ตลาดปรับตัวลดลง และอาจจะมีขายทำกำไรบ้างหากตลาดปรับตัวขึ้น" นายธีรพันธ์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม จังหวะการลงทุนที่ค่อนข่างผันผวนแบบนี้ ไม่เป็นอุปสรรคต่อการสร้างผลตอบแทนของกองทุนมากนัก เนื่องจากการลงทุนของเราค่อนข้างแอกทีฟ ด้วยการจัดสรรพอร์ตระหว่างหุ้นกับตราสารที่มีความมั่นคงสูงหรือเงินสด ซึ่งความผันผวนดังกล่าว อยู่ในทิศทางที่เห็นได้ชัด ขณะเดียวกัน ยังเป็นประโยชน์ต่อการลงทุนของเราด้วย จากราคาที่ปรับลดลงต่ำกว่าที่ควร ซึ่งที่ผ่านมา กลยุทธ์ในการหาประโยชน์จากความผันผวนดังกล่าว ส่งผลต่อผลตอบแทนของกองทุนเราดีขึ้นอย่างชัดเจน
"ความผันผวน ใช่ว่าจะไม่ดีเสมอไป เพราะเราเองได้ประโยชน์จากความผันผวนดังกล่าว หากมาสารถจัดพอร์ตการลงทุนได้ถูกต้อง"นายพิชิตกล่าว
นายประภาส ตันพิบูลย์ศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) อยุธยา จำกัด กล่าวว่า การชุมนุมที่จะเกิดขึ้น แน่นอนว่าคงส่งผลต่อบรรยากาศการลงทุนแน่นอน แต่ทุกครั้งที่มีความกังวลด้านการเมือง ตลาดจะฟื้นตัวได้เร็ว ดังนั้น หากดัชนีมีการปรับตัวลงไปบ้างก็เป็นโอกาสดีที่เราจะเข้าไปซื้อ ซึ่งเราเองมีการเตรียมเงินสดไว้ส่วนหนึ่ง เพื่อเข้าไปเก็บหุ้นหากราคาปรับลงไปเยอะ โดยในขณะนี้พอร์ตกองทุนหุ้นของเรามีสัดส่วนการถือเงินสดอยู่ประมาณ 3-6% ซึ่งสูงกว่าช่วงปกติ แต่ก็ยังต่ำกว่าช่วงวิกฤตการเงินก่อนหน้านี้
อย่างไรก็ตาม การลงทุนของเราเน้นการลงทุนระยะยาวเป็นหลัก ดังนั้น การปรับพอร์ตการลงทุนคงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมาก ในส่วนของการชุมนุมเอง เรามองว่าเป็นเรื่องปกติไปแล้ว ซึ่งการชุมนุมครั้งนี้เองคงไม่มีความรุนแรง แต่อาจจะยืดเยื้อนานเหมือนที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วก่อนหน้านี้
นายธีรพันธ์ จิตตาลาน กรรมการผู้จัดการ บลจ.นครหลวงไทย จำกัด กล่าวว่า ตอนนี้เราได้มีการประเมินและติดตามสถานการณ์ในการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 12 มีนาคม 2553 เพื่อเตรียมรับมือหากเกิดเหตุการณ์รุนแรง และหากมีการชุมนุมยืดเยื้อในวันเสาร์ อาทิตย์ และจันทร์ ซึ่งหากรัฐบาลมีการประกาศให้วันจันทร์เป็นวันหยุด ทางเราก็มีการเตรียมความพร้อมในการรักษาความปลอดภัยอีกด้วย
สำหรับพอร์ตกองทุนหุ้นของบลจ.ตอนนี้ได้มีถือครองเงินสดประมาณ 10% เนื่องจากเรามองว่าตลาดหลักทรัพย์ฯยังมีความผันผวนอยู่ ซึ่งหากดัชนี SET ปรับตัวลดลงก็อาจจะมีการช้อนซื้อ โดยก่อนหน้านี้ทางผู้จัดการกองทุนหุ้นได้มีการทยอยเก็บหุ้นเข้ามาในพอร์ตและได้มีการขายทำกำไรไปก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตามการชุมนุนของคนเสื้อแดงและการพิจารณาคดีตัดสินยึดทรัพย์ของอดีตนายกนั้น ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อนักลงทุนของบลจ.นครหลวงไทยแต่อย่างใด เนื่องจากนักลงทุนมีความเชื่อมั่นและเข้าใจสถานการณ์การเมืองที่เกิดขึ้นเป็นอย่างดี
"ในส่วนของกองทุนหุ้นของบลจ.นครหลวงไทย จะเป็นการลงทุนระยะยาว ซึ่งการปรับพอร์ตลงทุนนั้นก็คงจะเป็นไปตามที่นโยบายกองทุนกำหนดไว้ โดยอาจจะจับจังหวะเข้าลงทุนในช่วงที่ตลาดปรับตัวลดลง และอาจจะมีขายทำกำไรบ้างหากตลาดปรับตัวขึ้น" นายธีรพันธ์ กล่าว