บลจ.แมนูไลฟ์ปรับพอร์ตรับจังหวะหุ้นผันผวน ลดสัดส่วนลงทุนกองทุนหุ้นเหลือ 95% หันถือเงินสดเพิ่ม ขณะที่ปรับมุมมองเป้าดัชนีปลายปีเหลือ 900 จุด จากเคยตั้งเป้าไว้ที่ 940 จุด แต่ยังเชื่อผลกำไรบริษัทจดทะเบียนปีนี้ยังสวยโตเกิน 10% ขึ้นไปแม้ครึ่งหลังของปีกำไรอาจโตไม่เท่าครึ่งปีแรก เหตุกลุ่มพลังงาน-แบงก์แนวโน้มยังสดใส
นายพนุกร จันทรประภาพ ผู้อำนวยการฝ่ายตราสารทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) แมนูไลฟ์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบันจากสถานการณ์ความผันผวนในตลาดหุ้นของไทยทำให้บริษัทได้มีการปรับลดพอร์ตการลงทุนในหุ้นของกองทุนตราสารทุนของบริษัทให้คงเหลือประมาณ 95% จากปกติที่กองทุนส่วนใหญ่มักจะมีการลงทุนในหุ้นเกือบ 100% และเพิ่มสัดส่วนการถือเงินสดมากขึ้นเป็นประมาณ 5%
ทั้งนี้ความผันผวนที่เกิดขึ้นทำให้บริษัทเลือกบริหารกองทุนหุ้นด้วยวิธีการพิจารณาดูหลักทรัพย์เป็นรายตัวและเลือกตัวที่ยังมีราคาที่เหมาะสมขายทำกำไรออกมา และเพิ่มการถือเงินสดเพิ่มมากขึ้นแทน นอกจากนี้ยังมีการปรับเป้าหมายดัชนีปลายปี 2551 ลงจากเดิมที่คาดการณ์ว่าปลายปีนี้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยน่าจะอยู่ที่ระดับประมาณ 940 จุด เหลือประมาณ 900 จุด
"การปรับพอร์ตกองทุนหุ้นของบลจ.เป็นผลมาจากปัญหาเงินเฟ้อที่สูงเกินคาดการณ์ประกอบกับนักลงทุนต่างชาติได้มีการเทขายหุ้นออกมาอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งปีที่แล้วนักลงทุนต่างชาติ Net buy แต่ช่วงทีผ่านมานักลงทุนต่างชาติ Net sell และตอนนี้ขายเทียบเท่ากับ Net buy ปีที่ผ่านมาแล้ว แต่หลังจากนี้คาดว่านักลงทุนต่างชาติน่าจะชะลอการขายบ้าง"นายพนุกรกล่าว
ขณะเดียวกันแม้ว่าช่วงที่ผ่านมาหุ้นไทยจะมีการปรับตัวลงตามตลาดหุ้นทั่วโลก แต่ยังเป็นปริมาณที่น้อยกว่าตลาดหุ้นของต่างประเทศ ซึ่งเป็นผลมาจากที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทยมีการปรับตัวขึ้นน้อยกว่าประเทศอื่น ประกอบกับการคาดการณ์เกี่ยวกับผลกำไรของบริษัทจดทะเบียนปีนี้ที่น่าจะสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยไตรมาสแรกที่ผ่านมา กำไรของบริษัทจดทะเบียนเติบโตขึ้นค่อนข้างมาก แต่ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ผลกำไรของบริษัทจดทะเบียนอาจจะไม่เติบโตเท่าในช่วงครึ่งแรก
อย่างไรก็ตามเชื่อว่าโดยรวมปีนี้ผลกำไรของบริษัทจดทะเบียนจะสามารถเติบโตได้ไม่ต่ำกว่า 10% ขึ้นไป เนื่องมาจากสัดส่วนของบริษัทจดทะเบียนส่วนใหญ่กว่า 40% เป็นบริษัทที่ประกอบธุรกิจพลังงาน ซึ่งผลประกอบการน่าจะได้รับผลดีจากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับตัวขึ้น ขณะที่ผลกำไรของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ก็น่าจะอยู่ในทิศทางดีเช่นเดียวกัน
"อย่างไรก็ตามสำหรับนักลงทุนต่างชาตินั้นไม่มองเรื่องของกำไรของบริษัทจดทะเบียนมากนัก แต่เขาจะมองภาพรวมทั่วโลกมากกว่า โดยตอนนี้เขามองว่าปัญหาราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องน่าจะเข้ามากดดันปัญหาเงินเฟ้อ และส่งผลกระทบไปยังเศรษฐกิจทั่วโลกให้อยู่ในระดับที่แย่ จึงลดความเสี่ยงด้วยการขายหุ้นทั่วโลกออกมา ซึ่งเขาจะกลับมาซื้ออีกครั้งเมื่อไรนั้น คงจะต้องขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยด้วยกัน" นายพนุกร กล่าว
สำหรับบลจ.แมนูไลฟ์ มีกองทุนหุ้นในการบริหารจัดการจำนวน 2 กองทุนได้แก่ กองทุนเปิด แมนูไลฟ์ สเตร็งค์ คอร์ อิควิตี้ , กองทุนเปิด แมนูไลฟ์สเตร็งค์ อิควิตี้ แวลู และกองทุนเปิด แมนูไลฟ์สเตร็งค์ คอร์ หุ้นระยะยาว โดยกองทุนเปิด แมนูไลฟ์ สเตร็งค์ คอร์ อิควิตี้ มีนโยบายเน้นลงทุนในหุ้นสามัญของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่อยู่ในดัชนี set 50 และอาจลงทุนในหุ้นสามัญของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่อยู่นอกดัชนี set 50 ซึ่งมีสัดส่วนการลงทุนโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 65% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน
ส่วนกองทุนเปิด แมนูไลฟ์สเตร็งค์ อิควิตี้ แวลู ซึ่งมีนโยบายลงทุนระยะปานกลางและระยะยาวของหุ้นสามัญในบริาทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ โดยคำนึงถึงราคาและมูลค่าที่เหมาะสม ปัจจัยพื้นฐาน แนวโน้มการเติบดตทางธุรกิจ ประวัติการจ่ายปันผลรวมถึงแนวดน้มการจ่ายเงินปันผลของหลักทรัพย์นั้นๆ กองทุนจะมีการกระจายการลงทุนเพื่อกระจาบยความเสี่ยงซึ่งมัาสัดส่วนการลงทุนโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 65% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน
ด้านกองทุนเปิด แมนูไลฟ์สเตร็งค์ คอร์ หุ้นระยะยาว มีนโยบายลงทุนในเน้นลงทุนในหุ้นสามัญของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่อยู่ในดัชนี set 50 และอาจลงทุนในหุ้นสามัญของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่อยู่นอกดัชนี set 50 ซึ่งมีสัดส่วนการลงทุนโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 65% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน
นายพนุกร จันทรประภาพ ผู้อำนวยการฝ่ายตราสารทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) แมนูไลฟ์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบันจากสถานการณ์ความผันผวนในตลาดหุ้นของไทยทำให้บริษัทได้มีการปรับลดพอร์ตการลงทุนในหุ้นของกองทุนตราสารทุนของบริษัทให้คงเหลือประมาณ 95% จากปกติที่กองทุนส่วนใหญ่มักจะมีการลงทุนในหุ้นเกือบ 100% และเพิ่มสัดส่วนการถือเงินสดมากขึ้นเป็นประมาณ 5%
ทั้งนี้ความผันผวนที่เกิดขึ้นทำให้บริษัทเลือกบริหารกองทุนหุ้นด้วยวิธีการพิจารณาดูหลักทรัพย์เป็นรายตัวและเลือกตัวที่ยังมีราคาที่เหมาะสมขายทำกำไรออกมา และเพิ่มการถือเงินสดเพิ่มมากขึ้นแทน นอกจากนี้ยังมีการปรับเป้าหมายดัชนีปลายปี 2551 ลงจากเดิมที่คาดการณ์ว่าปลายปีนี้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยน่าจะอยู่ที่ระดับประมาณ 940 จุด เหลือประมาณ 900 จุด
"การปรับพอร์ตกองทุนหุ้นของบลจ.เป็นผลมาจากปัญหาเงินเฟ้อที่สูงเกินคาดการณ์ประกอบกับนักลงทุนต่างชาติได้มีการเทขายหุ้นออกมาอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งปีที่แล้วนักลงทุนต่างชาติ Net buy แต่ช่วงทีผ่านมานักลงทุนต่างชาติ Net sell และตอนนี้ขายเทียบเท่ากับ Net buy ปีที่ผ่านมาแล้ว แต่หลังจากนี้คาดว่านักลงทุนต่างชาติน่าจะชะลอการขายบ้าง"นายพนุกรกล่าว
ขณะเดียวกันแม้ว่าช่วงที่ผ่านมาหุ้นไทยจะมีการปรับตัวลงตามตลาดหุ้นทั่วโลก แต่ยังเป็นปริมาณที่น้อยกว่าตลาดหุ้นของต่างประเทศ ซึ่งเป็นผลมาจากที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทยมีการปรับตัวขึ้นน้อยกว่าประเทศอื่น ประกอบกับการคาดการณ์เกี่ยวกับผลกำไรของบริษัทจดทะเบียนปีนี้ที่น่าจะสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยไตรมาสแรกที่ผ่านมา กำไรของบริษัทจดทะเบียนเติบโตขึ้นค่อนข้างมาก แต่ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ผลกำไรของบริษัทจดทะเบียนอาจจะไม่เติบโตเท่าในช่วงครึ่งแรก
อย่างไรก็ตามเชื่อว่าโดยรวมปีนี้ผลกำไรของบริษัทจดทะเบียนจะสามารถเติบโตได้ไม่ต่ำกว่า 10% ขึ้นไป เนื่องมาจากสัดส่วนของบริษัทจดทะเบียนส่วนใหญ่กว่า 40% เป็นบริษัทที่ประกอบธุรกิจพลังงาน ซึ่งผลประกอบการน่าจะได้รับผลดีจากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับตัวขึ้น ขณะที่ผลกำไรของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ก็น่าจะอยู่ในทิศทางดีเช่นเดียวกัน
"อย่างไรก็ตามสำหรับนักลงทุนต่างชาตินั้นไม่มองเรื่องของกำไรของบริษัทจดทะเบียนมากนัก แต่เขาจะมองภาพรวมทั่วโลกมากกว่า โดยตอนนี้เขามองว่าปัญหาราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องน่าจะเข้ามากดดันปัญหาเงินเฟ้อ และส่งผลกระทบไปยังเศรษฐกิจทั่วโลกให้อยู่ในระดับที่แย่ จึงลดความเสี่ยงด้วยการขายหุ้นทั่วโลกออกมา ซึ่งเขาจะกลับมาซื้ออีกครั้งเมื่อไรนั้น คงจะต้องขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยด้วยกัน" นายพนุกร กล่าว
สำหรับบลจ.แมนูไลฟ์ มีกองทุนหุ้นในการบริหารจัดการจำนวน 2 กองทุนได้แก่ กองทุนเปิด แมนูไลฟ์ สเตร็งค์ คอร์ อิควิตี้ , กองทุนเปิด แมนูไลฟ์สเตร็งค์ อิควิตี้ แวลู และกองทุนเปิด แมนูไลฟ์สเตร็งค์ คอร์ หุ้นระยะยาว โดยกองทุนเปิด แมนูไลฟ์ สเตร็งค์ คอร์ อิควิตี้ มีนโยบายเน้นลงทุนในหุ้นสามัญของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่อยู่ในดัชนี set 50 และอาจลงทุนในหุ้นสามัญของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่อยู่นอกดัชนี set 50 ซึ่งมีสัดส่วนการลงทุนโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 65% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน
ส่วนกองทุนเปิด แมนูไลฟ์สเตร็งค์ อิควิตี้ แวลู ซึ่งมีนโยบายลงทุนระยะปานกลางและระยะยาวของหุ้นสามัญในบริาทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ โดยคำนึงถึงราคาและมูลค่าที่เหมาะสม ปัจจัยพื้นฐาน แนวโน้มการเติบดตทางธุรกิจ ประวัติการจ่ายปันผลรวมถึงแนวดน้มการจ่ายเงินปันผลของหลักทรัพย์นั้นๆ กองทุนจะมีการกระจายการลงทุนเพื่อกระจาบยความเสี่ยงซึ่งมัาสัดส่วนการลงทุนโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 65% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน
ด้านกองทุนเปิด แมนูไลฟ์สเตร็งค์ คอร์ หุ้นระยะยาว มีนโยบายลงทุนในเน้นลงทุนในหุ้นสามัญของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่อยู่ในดัชนี set 50 และอาจลงทุนในหุ้นสามัญของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่อยู่นอกดัชนี set 50 ซึ่งมีสัดส่วนการลงทุนโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 65% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน