บลจ.บีทีลดพอร์ตการลงทุนในหุ้น - ถือเงินสดเพิ่ม สู้วิกฤตดัชนีผันผวน เตรียมกระสุนรอเก็บของถูกหลังปัญหาคลี่คลาย ระบุมองการเมืองเป็นเพียงปัจจัยระยะสั้น แนะนักลงทุนจับจังหวะซื้อ "LTF - RMF"
นายอนุสรณ์ บูรณกานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) บีที จำกัด เปิดเผยว่าในระยะสั้นตลาดหุ้นไทยน่าจะเกิดความผันผวนอย่างต่อเนื่อง และมีแนวโน้มที่อาจจะปรับตัวลดลง เนื่องมาจากปัจจัยกดดันทั้งภายในประเทศและภายนอกประเทศ ซึ่งทำให้ตอนนี้การลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ควรต้องใช้ความระมัดระวังในการลงทุน
ขณะเดียวกันจากความผันผวนที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ทำให้กองทุนที่มีนโยบายลงทุนในตราสารทุนของบลจ.บีทีได้มีการปรับลดน้ำหนักการลงทุนในหุ้นลง และเพิ่มสัดส่วนการถือเงินสดขึ้น ซึ่งเมื่อบริษัทเห็นว่าความผันผวนที่เกิดขึ้นคลี่คลายในระดับที่น่าพึงพอใจเมื่อไร บลจ.ก็พร้อมที่จะมีการเพิ่มน้ำหนักในการลงทุนในหุ้นอีกครั้ง
"เรียกได้ว่าตอนนี้เรามีกระสุนเตรียมพร้อมไว้ในมือแล้ว ถ้าคิดว่าสถานการณ์คลี่คลายเมื่อไร ก็จะเพิ่มการลงทุนอีกครั้ง ซึ่งเรามีความเชื่อมั่นในพื้นฐานทางเศรษฐกิจไทย และคิดว่าปัญหาทางการเมืองที่เกิดขึ้นจะเป็นเพียงระยะสั้นเท่านั้น ซึ่งปัจจุบันทุกฝ่ายก็กำลังพยายามแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นอยู่ และปัญหาในลักษณะนี้ไม่ใช่เพิ่งเกิดเป็นครั้งแรก ซึ่งสังคมไทยมีศักยภาพในการแก้ไขปัญหาแบบนี้อยู่แล้ว" นายอนุสรณ์ กล่าว
นายอนุสรณ์ กล่าวต่อว่า ในขณะที่ตลาดหุ้นไทยเกิดความผันผวนและปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง นักลงทุนควรอาศัยจังหวะดังกล่าวเข้ามาลงทุนในกองทุนหุ้นระยะยาว (LTF) และกองทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ที่มีนโยบายลงทุนในตราสารทุนเป็นหลัก เพื่อเป็นการจับจังหวะลงทุนในขณะที่ราคาหุ้นบางตัวปรับตัวลดลงเช่นปัจจุบัน
ทั้งนี้ ปัจจุบันบลจ.บีที มีกองทุนภายใต้การบริหารจัดการซึ่งมีนโยบายลงทุนในตราสารทุน ประกอบไปด้วย กองทุนเปิดบีที หุ้น ทาร์เก็ต 15/1 , กองทุนเปิดบีที ไลฟ์ 70 หุ้นระยะยาวปันผล ซึ่งมีนโยบายลงทุนในหุ้นสามัญของบริษัทจดทะเบียนโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 65% และไม่เกิน 70% โดยจากรายงานของ LIPPER ระบุว่ากองทุนสามารถให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่จัดตั้งกองทุน 5.30%, ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือน 2.93% , ผลตอบแทนย้อนหลัง 6 เดือน 7.31% , ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี 17.51%
ขณะที่กองทุนเปิดบีที ไลฟ์ หุ้นระยะยาว ซึ่งมีนโยบายลงทุนในหุ้นสามัญของบริษัทจดทะเบียนโดยเฉลี่ยรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 65% โดยกองทุนจะเน้นลงทุนในหุ้นสามัญของบริษัทจดทะเบียนที่มีปัจจัยฟื้นฐานดี หรือเกี่ยวข้องกับธุรกิจหรืออุตสาหกรรมที่มีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ ให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่จัดตั้งกองทุน 5.08% , ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือน 3.53% , ผลตอบแทนย้อนหลัง 6 เดือน 7.78% , ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี 14.76%
ด้านกองทุนเปิดบีที ไลฟ์ หุ้นทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ ที่มีนโยบายลงทุนในตราสารทุนโดยเฉลี่ยรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 65% โดยกองทุนจะเน้นลงทุนในตราสารทุนที่มีปัจจัยฟื้นฐานดี หรือเกี่ยวข้องกับธุรกิจหรืออุตสาหกรรมที่มีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ สามารถให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่จัดตั้งกองทุน 5.54% , ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือน 3.14% , ผลตอบแทนย้อนหลัง 6 เดือน 7.83% , ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี 14.25%
นายอนุสรณ์ บูรณกานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) บีที จำกัด เปิดเผยว่าในระยะสั้นตลาดหุ้นไทยน่าจะเกิดความผันผวนอย่างต่อเนื่อง และมีแนวโน้มที่อาจจะปรับตัวลดลง เนื่องมาจากปัจจัยกดดันทั้งภายในประเทศและภายนอกประเทศ ซึ่งทำให้ตอนนี้การลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ควรต้องใช้ความระมัดระวังในการลงทุน
ขณะเดียวกันจากความผันผวนที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ทำให้กองทุนที่มีนโยบายลงทุนในตราสารทุนของบลจ.บีทีได้มีการปรับลดน้ำหนักการลงทุนในหุ้นลง และเพิ่มสัดส่วนการถือเงินสดขึ้น ซึ่งเมื่อบริษัทเห็นว่าความผันผวนที่เกิดขึ้นคลี่คลายในระดับที่น่าพึงพอใจเมื่อไร บลจ.ก็พร้อมที่จะมีการเพิ่มน้ำหนักในการลงทุนในหุ้นอีกครั้ง
"เรียกได้ว่าตอนนี้เรามีกระสุนเตรียมพร้อมไว้ในมือแล้ว ถ้าคิดว่าสถานการณ์คลี่คลายเมื่อไร ก็จะเพิ่มการลงทุนอีกครั้ง ซึ่งเรามีความเชื่อมั่นในพื้นฐานทางเศรษฐกิจไทย และคิดว่าปัญหาทางการเมืองที่เกิดขึ้นจะเป็นเพียงระยะสั้นเท่านั้น ซึ่งปัจจุบันทุกฝ่ายก็กำลังพยายามแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นอยู่ และปัญหาในลักษณะนี้ไม่ใช่เพิ่งเกิดเป็นครั้งแรก ซึ่งสังคมไทยมีศักยภาพในการแก้ไขปัญหาแบบนี้อยู่แล้ว" นายอนุสรณ์ กล่าว
นายอนุสรณ์ กล่าวต่อว่า ในขณะที่ตลาดหุ้นไทยเกิดความผันผวนและปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง นักลงทุนควรอาศัยจังหวะดังกล่าวเข้ามาลงทุนในกองทุนหุ้นระยะยาว (LTF) และกองทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ที่มีนโยบายลงทุนในตราสารทุนเป็นหลัก เพื่อเป็นการจับจังหวะลงทุนในขณะที่ราคาหุ้นบางตัวปรับตัวลดลงเช่นปัจจุบัน
ทั้งนี้ ปัจจุบันบลจ.บีที มีกองทุนภายใต้การบริหารจัดการซึ่งมีนโยบายลงทุนในตราสารทุน ประกอบไปด้วย กองทุนเปิดบีที หุ้น ทาร์เก็ต 15/1 , กองทุนเปิดบีที ไลฟ์ 70 หุ้นระยะยาวปันผล ซึ่งมีนโยบายลงทุนในหุ้นสามัญของบริษัทจดทะเบียนโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 65% และไม่เกิน 70% โดยจากรายงานของ LIPPER ระบุว่ากองทุนสามารถให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่จัดตั้งกองทุน 5.30%, ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือน 2.93% , ผลตอบแทนย้อนหลัง 6 เดือน 7.31% , ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี 17.51%
ขณะที่กองทุนเปิดบีที ไลฟ์ หุ้นระยะยาว ซึ่งมีนโยบายลงทุนในหุ้นสามัญของบริษัทจดทะเบียนโดยเฉลี่ยรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 65% โดยกองทุนจะเน้นลงทุนในหุ้นสามัญของบริษัทจดทะเบียนที่มีปัจจัยฟื้นฐานดี หรือเกี่ยวข้องกับธุรกิจหรืออุตสาหกรรมที่มีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ ให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่จัดตั้งกองทุน 5.08% , ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือน 3.53% , ผลตอบแทนย้อนหลัง 6 เดือน 7.78% , ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี 14.76%
ด้านกองทุนเปิดบีที ไลฟ์ หุ้นทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ ที่มีนโยบายลงทุนในตราสารทุนโดยเฉลี่ยรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 65% โดยกองทุนจะเน้นลงทุนในตราสารทุนที่มีปัจจัยฟื้นฐานดี หรือเกี่ยวข้องกับธุรกิจหรืออุตสาหกรรมที่มีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ สามารถให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่จัดตั้งกองทุน 5.54% , ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือน 3.14% , ผลตอบแทนย้อนหลัง 6 เดือน 7.83% , ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี 14.25%