อินไซด์กองทุนหุ้นค่าย "เอวายเอฟ-อเบอร์ดีน" โชว์ผลงานครึ่งปีแรกโดยรวม ชนะดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ผู้จัดการกองทุนอเบอร์ดีนเผยกลยุทธ์ ไม่เน้นหุ้นพลังงานขนาดใหญ่ แถมได้อานิสงส์กลุ่มพาณิชย์ช่วยประคอง แจงแผนครึ่งปีหลัง จับตาหุ้นหนี้ต่ำ มาร์จิ้นสูงและบริหารจัดการต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้นได้ ส่วนเอวายเอฟ ชูกลยุทธ์ลงทุนหุ้นขนาดใหญ่ถึงขนาดกลาง ที่มีการเติบโตและสภาพคล่องสูง มั่นใจสิ้นปีได้เห็นดัชนี 900 จุด หากราคาน้ำมันไม่เกิน 140 เหรีญสหรัฐต่อบาร์เรล
นายออเสน การบริสุทธิ์ ผู้ช่วยผู้จัดการกองทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) อเบอร์ดีน จำกัด เปิดเผยว่า ถ้าดูผลการดำเนินงานของกองทุนหุ้นของอเบอร์ดีน จะเห็นว่า ในช่วง 3 เดือนย้อนหลังยังสามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ ในขณะที่ผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี หรือประมาณ 6 เดือนบางกองยังเหนือกว่าและบางกองก็อยู่ในระดับใกล้เคียง ทั้งนี้ การลงทุนดังกล่าว เป็นการลงทุนในหุ้นของบริษัทที่เราเข้าใจ และที่ช่วยได้เยอะคือ เราไม่มีสัดส่วนการลงทุนในหุ้นกลุ่มพลังงานที่สูงมากนัก หรือประมาณ 15-20% เท่านั้น ในขณะที่หุ้นพลังงานในตลาดมีสัดส่วนกว่า 35%
อย่างไรก็ตาม การลงทุนในหุ้นรายตัวของพอร์ตการลงทุนดังกล่าว บริษัทไม่ได้ลงทุนในโรงกลั่น หุ้นปตท. เองก็ไม่ได้ลงทุนเช่นกัน เพราะค่อนข้างผันผวน แต่ตัวที่ดีสำหรับการลงทุนของเราคือ หุ้นกลุ่มพาณิชย์ โดยได้ประโยชน์จากการขยายสาขา เช่น บิ้กซี แมคโคร ซึ่งนอกจากราคาหุ้นและยังได้ประโยชน์จากเงินปันผลด้วย
นายออเสนกล่าวว่า หากดูพอร์ตการลงทุนกองทุนหุ้นของบริษัท จะเห็นว่าไม่ค่อยเปลี่ยนแปลงมากนัก โดยเฉพาะตัวหุ้นที่เข้าไปลงทุน มีเพียงการเปลี่ยนแปลงของสัดส่วนการลงทุนเท่านั้น เนื่องจากหุ้นที่ไหนที่แพงก็ลดสัดส่วนการลงทุนออกไป อย่างไรก็ตาม โดยรวมแล้วทั้งพอร์ตไม่ได้เปลี่ยนแปลงมากนัก ส่วนการลงทุนในครึ่งปีหลัง ภายใต้ภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ กำลังมองหุ้นที่มีหนี้ต่ำ และมีมาร์จิ้นสูง ขณะเดียวกันสามารถบริหารจัดการต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้นได้ ซึ่งให้ในพอร์ตปัจจุบันเองก็เข้าข่ายด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นหุ้นกลุ่มพาณิชย์และธนาคารพาณิชย์บางตัว แต่ต้องพิจารณาราคาหุ้นตัวนั้นด้วย นอกจากนี้ หุ้นกลุ่มผลิตไฟฟ้าก็น่าสนใจเช่นกัน เนื่องจากหุ้นกลุ่มดังกล่าวสามารถคุมค่าใช้จ่ายได้เป็นอย่างดี ทั้งราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น และค่าเงินบาทที่อ่อนลง
ส่วนปัจจัยลบทั้งเรื่องของการเมืองและปัญหาการเมืองในประเทศนั้น เราไม่ได้เป็นห่วงหรือคาดการณ์ว่าจะเป็นอย่างไร เพราะเราจะให้ความสำคัญกับหุ้นตัวที่เราลงทุนมากกว่าว่าสามารถจัดการกับปัญหาดังกล่าวได้อย่างไร ถ้าดูพื้นฐานแล้วน่าลงทุนประกอบกับราคาน่าสนใจก็จะลงทุนเพิ่ม ซึ่งปัจจุบันหุ้นมีคุณภาพดีในตลาดเองมีค่อนข้างเยอะ ซึ่งเราจะมองว่ามีโอกาสการลงทุนที่ดีในอีก 3 ปีข้างหน้าหรือเปล่า
สำหรับการเทขายต่อเนื่องของนักลงทุนต่างชาติ นายออเสนกล่าวว่า การที่นักลงทุนเหล่านี้จะกลับเข้ามาลงทุนอีกครั้ง การเมืองในประเทศต้องมีความชัดเจนมากกว่านี้ เพราะการประท้วงที่เกิดขึ้นเป็นผลลบ แต่ภาพใหญ่แล้วมองว่าหุ้นไทยยังไปได้ ซึ่งหากสามารถควบคุมปัจจัยดังกล่าวได้ ต่างชาติก็จะกลับเข้ามาลงทุนอีกครั้ง ซึ่งปัจจุบันสัดส่วนการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติในตลาดหุ้นไทยถือว่าน้อยมากเพียง 2-3% ของพอร์ตเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ในแง่ของตัวหุ้นที่เราลงทุนเองอาจจะได้รับผลกระทบบ้างจากความเชื่อมั่นที่ลดลงไป เพราะอาจจะส่งผลต่อการสั่งออเดอร์สินค้าในช่วง 3-6 เดือน ข้างหน้า ซึ่งพูดยากว่าจะเป็นอย่างไร นอกเหนือจากการใช้จ่ายในประเทศที่ลดลง และสินเชื่อชะลอตัว ซึ่งปัจจัยนี้เป็นปัจจัยที่เราเป็นห่วงในระยะยาวที่อาจจะกระทบกับหุ้นที่เราลงทุนอยู่
นายประภาส ตันพิบูลย์ศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) อยุธยา จำกัด กล่าวว่า ผลตอบเเทนของกองหุ้นของบลจ.ให้ผลตอบเเทนเหนือเกณฑ์มาตรฐานเกือบทั้งหมด โดยเฉพาะกองทุนอยุธยาอนุรักษ์ก้าวหน้า ที่ให้ผลตอบเเทนดีที่สุดในกองทุนหุ้น เนื่องจากกองทุนดังกล่าวเป็นกองทุนที่ลงทุนในหุ้น 100% เเละเน้นลงทุนในกลุ่มหุ้นเติบโตสูง ที่สำคัญกองทุนอนุรักษ์ก้าวหน้า จะมีการปรับพอร์ตการลงทุนเกือบทุกเดือนจึงเเตกต่างกับกองทุนอื่นซึ่งตามปกติเเล้วบลจ.จะเน้นปรับพอร์ตการลงทุนทุกไตรมาส เเละประจำปีเท่านั้น
ทั้งนี้ บลจ.เรามีกลยุทธ์ลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ถึงขนาดกลางทีมีการเติบโตสูง ขณะเดียวกันต้องมีสภาพคล่องสูงด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะถ้าเวลาขายหุ้นออกจากพอร์ตก็ต้องขายได้เร็ว หรือเมื่อเวลาหุ้นลงก็ต้องติดลบน้อยที่สุด ส่วนกลุ่มหุ้นที่น่าสนใจหลังจากนี้คือ หุ้นกลุ่มพลังงานที่ยังสามารถให้ผลตอบเเทนที่ดีอยู่ในช่วงเวลา 3-5 ปีต่อไป โดยเฉพาะปตท.สผที่มีการวางเเผนงานในอนาคตที่น่าสนใจ ซึ่งถ้าผ่านเรื่องความไม่เเน่นอนทางการเมืองไปได้กลุ่มพลังงานก็ยังได้รับผลตอบเเทนดีอยู่
ขณะที่กลุ่มสื่อสารเป็นกลุ่มที่น่าสนใจรองลงมาเนื่องจาก การสื่อสารเป็นสิ่งที่จำเป็น โดยเฉพาะช่วงนี้กลุ่มโฆษณาขายสินค้าเริ่มหาช่องทางการสื่อสารกับลูกค้าในรูปแบบใหม่ขึ้น เช่น การส่ง SMS MMS เป็นต้น เพื่อให้เข้าถึงเป้าหมายได้ตรงจุด ซึ่งกลุ่มที่ได้รับประโยชน์โดยตรงก็คือ บริษัทผู้ให้บริการเครือข่าย นอกจากนี้หุ้นกลุ่มที่เกี่ยวกับสุขภาพ เเละโรงพยาบาล ก็น่าสนใจเช่นกัน
" ผมมองว่า ตลาดหุ้นไทยครึ่งปีหลังนี้ ถ้าราคาน้ำมันอยู่ในระดับ 120-140 เหรีญสหรัฐต่อบาร์เรลเราอาจได้เห็นหุ้นขึ้นไปเเตะที่ระดับ 900 จุด เเต่ถ้าราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นถึง 170 เหรีญสหรัฐเเบบที่นักวิเคราะห์มอง หุ้นก็น่าจะอยู่ที่ 700-800 จุด ซึ่งปัจจัยภายในก็ยังเป็นเรื่องของเงินเฟ้อเเละเรื่องการเมืองที่ทำให้ตลาดหุ้นยังคงผันผวนอยู่" นายประภาสกล่าว
อินไซด์ผลงานกองหุ้นครึ่งปีแรก
สำหรับกองทุนหุ้นภายใต้การบริหารจัดการของบลจ.อยุธยา นั้นสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานตลาดหลักทรัพย์เเห่งประเทศไทย โดยผลตอบเเทนของตลาดหลักทรัพย์ในรอบ 3 เดือนอยู่ที่ -5.93% ส่วนผลตอบเเทนย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ -10.43% โดยกองทุนเปิดอยุธยาหุ้นปันผล 70/30 มีผลตอบเเทนในรอบ 6 เดือนที่ผ่านมาอยู่ที่ -8.22% กองทุนเปิดอยุธยาหุ้นปันผล ให้ผลตอบเเทนย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ -10.00% กองทุนเปิดอยุธยาทวีปันผล 70/30 ให้ผลตอบเเทนย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ -2.85%
ด้านกองทุนเปิดอยุธยาทวีปันผล มีผลตอบเเทนย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ -4.22% กองทุนเปิดอยุธยาอิควิตี้ ให้ผลตอบเเทนย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ -4.42% กองทุนเปิดอยุธยารักษ์ก้าวหน้า ให้ผลตอบเเทนย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ -2.04% กองทุนเปิดอยุธยาทุนทวี 5 ให้ผลตอบเเทนย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ -4.62% เละกองทุนเปิดอยุธยาเอ็นเเฮนซ์เซ็ท 50 ให้ผลตอบเเทนย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ -8.99%
สำหรับกองทุนหุ้นภายใต้การบริหารจัดการของบลจ.อเบอร์ดีนนั้นเทียบกับกณฑ์มาตรฐานตลาดหลักทรัพย์เเห่งประเทศไทยเช่นกัน โดยกองทุนเปิดบเบอร์ดีน โกรท ให้ผลตอบเเทนย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ -7.64% ในส่วนของกองทุนเปิดอเบอร์ดีนสยามลีดเดอร์ส ให้ผลตอบเเทนย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ -8.72% กองทุนเปิดอเบอร์ดีนสมอลเเค็พ ให้ผลตอบเเทนย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ -7.69%
ทั้งนี้ กองทุนเปิดอเบอร์ดีนไทย เอคควิตี้ ดีวิเด็น ให้ผลตอบเเทนย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ -5.86% กองทุนเปิดอเบอร์ดีน สมาร์ทเเคปปิตอลเพื่อการเลี้ยงชีพ มีผลตอบเเทนย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ -7.75% เเละกองทุนเปิดอเบอร์ดีนหุ้นระยะยาว มีผลตอบเเทนย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ -8.80%
นายออเสน การบริสุทธิ์ ผู้ช่วยผู้จัดการกองทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) อเบอร์ดีน จำกัด เปิดเผยว่า ถ้าดูผลการดำเนินงานของกองทุนหุ้นของอเบอร์ดีน จะเห็นว่า ในช่วง 3 เดือนย้อนหลังยังสามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ ในขณะที่ผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี หรือประมาณ 6 เดือนบางกองยังเหนือกว่าและบางกองก็อยู่ในระดับใกล้เคียง ทั้งนี้ การลงทุนดังกล่าว เป็นการลงทุนในหุ้นของบริษัทที่เราเข้าใจ และที่ช่วยได้เยอะคือ เราไม่มีสัดส่วนการลงทุนในหุ้นกลุ่มพลังงานที่สูงมากนัก หรือประมาณ 15-20% เท่านั้น ในขณะที่หุ้นพลังงานในตลาดมีสัดส่วนกว่า 35%
อย่างไรก็ตาม การลงทุนในหุ้นรายตัวของพอร์ตการลงทุนดังกล่าว บริษัทไม่ได้ลงทุนในโรงกลั่น หุ้นปตท. เองก็ไม่ได้ลงทุนเช่นกัน เพราะค่อนข้างผันผวน แต่ตัวที่ดีสำหรับการลงทุนของเราคือ หุ้นกลุ่มพาณิชย์ โดยได้ประโยชน์จากการขยายสาขา เช่น บิ้กซี แมคโคร ซึ่งนอกจากราคาหุ้นและยังได้ประโยชน์จากเงินปันผลด้วย
นายออเสนกล่าวว่า หากดูพอร์ตการลงทุนกองทุนหุ้นของบริษัท จะเห็นว่าไม่ค่อยเปลี่ยนแปลงมากนัก โดยเฉพาะตัวหุ้นที่เข้าไปลงทุน มีเพียงการเปลี่ยนแปลงของสัดส่วนการลงทุนเท่านั้น เนื่องจากหุ้นที่ไหนที่แพงก็ลดสัดส่วนการลงทุนออกไป อย่างไรก็ตาม โดยรวมแล้วทั้งพอร์ตไม่ได้เปลี่ยนแปลงมากนัก ส่วนการลงทุนในครึ่งปีหลัง ภายใต้ภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ กำลังมองหุ้นที่มีหนี้ต่ำ และมีมาร์จิ้นสูง ขณะเดียวกันสามารถบริหารจัดการต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้นได้ ซึ่งให้ในพอร์ตปัจจุบันเองก็เข้าข่ายด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นหุ้นกลุ่มพาณิชย์และธนาคารพาณิชย์บางตัว แต่ต้องพิจารณาราคาหุ้นตัวนั้นด้วย นอกจากนี้ หุ้นกลุ่มผลิตไฟฟ้าก็น่าสนใจเช่นกัน เนื่องจากหุ้นกลุ่มดังกล่าวสามารถคุมค่าใช้จ่ายได้เป็นอย่างดี ทั้งราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น และค่าเงินบาทที่อ่อนลง
ส่วนปัจจัยลบทั้งเรื่องของการเมืองและปัญหาการเมืองในประเทศนั้น เราไม่ได้เป็นห่วงหรือคาดการณ์ว่าจะเป็นอย่างไร เพราะเราจะให้ความสำคัญกับหุ้นตัวที่เราลงทุนมากกว่าว่าสามารถจัดการกับปัญหาดังกล่าวได้อย่างไร ถ้าดูพื้นฐานแล้วน่าลงทุนประกอบกับราคาน่าสนใจก็จะลงทุนเพิ่ม ซึ่งปัจจุบันหุ้นมีคุณภาพดีในตลาดเองมีค่อนข้างเยอะ ซึ่งเราจะมองว่ามีโอกาสการลงทุนที่ดีในอีก 3 ปีข้างหน้าหรือเปล่า
สำหรับการเทขายต่อเนื่องของนักลงทุนต่างชาติ นายออเสนกล่าวว่า การที่นักลงทุนเหล่านี้จะกลับเข้ามาลงทุนอีกครั้ง การเมืองในประเทศต้องมีความชัดเจนมากกว่านี้ เพราะการประท้วงที่เกิดขึ้นเป็นผลลบ แต่ภาพใหญ่แล้วมองว่าหุ้นไทยยังไปได้ ซึ่งหากสามารถควบคุมปัจจัยดังกล่าวได้ ต่างชาติก็จะกลับเข้ามาลงทุนอีกครั้ง ซึ่งปัจจุบันสัดส่วนการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติในตลาดหุ้นไทยถือว่าน้อยมากเพียง 2-3% ของพอร์ตเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ในแง่ของตัวหุ้นที่เราลงทุนเองอาจจะได้รับผลกระทบบ้างจากความเชื่อมั่นที่ลดลงไป เพราะอาจจะส่งผลต่อการสั่งออเดอร์สินค้าในช่วง 3-6 เดือน ข้างหน้า ซึ่งพูดยากว่าจะเป็นอย่างไร นอกเหนือจากการใช้จ่ายในประเทศที่ลดลง และสินเชื่อชะลอตัว ซึ่งปัจจัยนี้เป็นปัจจัยที่เราเป็นห่วงในระยะยาวที่อาจจะกระทบกับหุ้นที่เราลงทุนอยู่
นายประภาส ตันพิบูลย์ศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) อยุธยา จำกัด กล่าวว่า ผลตอบเเทนของกองหุ้นของบลจ.ให้ผลตอบเเทนเหนือเกณฑ์มาตรฐานเกือบทั้งหมด โดยเฉพาะกองทุนอยุธยาอนุรักษ์ก้าวหน้า ที่ให้ผลตอบเเทนดีที่สุดในกองทุนหุ้น เนื่องจากกองทุนดังกล่าวเป็นกองทุนที่ลงทุนในหุ้น 100% เเละเน้นลงทุนในกลุ่มหุ้นเติบโตสูง ที่สำคัญกองทุนอนุรักษ์ก้าวหน้า จะมีการปรับพอร์ตการลงทุนเกือบทุกเดือนจึงเเตกต่างกับกองทุนอื่นซึ่งตามปกติเเล้วบลจ.จะเน้นปรับพอร์ตการลงทุนทุกไตรมาส เเละประจำปีเท่านั้น
ทั้งนี้ บลจ.เรามีกลยุทธ์ลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ถึงขนาดกลางทีมีการเติบโตสูง ขณะเดียวกันต้องมีสภาพคล่องสูงด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะถ้าเวลาขายหุ้นออกจากพอร์ตก็ต้องขายได้เร็ว หรือเมื่อเวลาหุ้นลงก็ต้องติดลบน้อยที่สุด ส่วนกลุ่มหุ้นที่น่าสนใจหลังจากนี้คือ หุ้นกลุ่มพลังงานที่ยังสามารถให้ผลตอบเเทนที่ดีอยู่ในช่วงเวลา 3-5 ปีต่อไป โดยเฉพาะปตท.สผที่มีการวางเเผนงานในอนาคตที่น่าสนใจ ซึ่งถ้าผ่านเรื่องความไม่เเน่นอนทางการเมืองไปได้กลุ่มพลังงานก็ยังได้รับผลตอบเเทนดีอยู่
ขณะที่กลุ่มสื่อสารเป็นกลุ่มที่น่าสนใจรองลงมาเนื่องจาก การสื่อสารเป็นสิ่งที่จำเป็น โดยเฉพาะช่วงนี้กลุ่มโฆษณาขายสินค้าเริ่มหาช่องทางการสื่อสารกับลูกค้าในรูปแบบใหม่ขึ้น เช่น การส่ง SMS MMS เป็นต้น เพื่อให้เข้าถึงเป้าหมายได้ตรงจุด ซึ่งกลุ่มที่ได้รับประโยชน์โดยตรงก็คือ บริษัทผู้ให้บริการเครือข่าย นอกจากนี้หุ้นกลุ่มที่เกี่ยวกับสุขภาพ เเละโรงพยาบาล ก็น่าสนใจเช่นกัน
" ผมมองว่า ตลาดหุ้นไทยครึ่งปีหลังนี้ ถ้าราคาน้ำมันอยู่ในระดับ 120-140 เหรีญสหรัฐต่อบาร์เรลเราอาจได้เห็นหุ้นขึ้นไปเเตะที่ระดับ 900 จุด เเต่ถ้าราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นถึง 170 เหรีญสหรัฐเเบบที่นักวิเคราะห์มอง หุ้นก็น่าจะอยู่ที่ 700-800 จุด ซึ่งปัจจัยภายในก็ยังเป็นเรื่องของเงินเฟ้อเเละเรื่องการเมืองที่ทำให้ตลาดหุ้นยังคงผันผวนอยู่" นายประภาสกล่าว
อินไซด์ผลงานกองหุ้นครึ่งปีแรก
สำหรับกองทุนหุ้นภายใต้การบริหารจัดการของบลจ.อยุธยา นั้นสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานตลาดหลักทรัพย์เเห่งประเทศไทย โดยผลตอบเเทนของตลาดหลักทรัพย์ในรอบ 3 เดือนอยู่ที่ -5.93% ส่วนผลตอบเเทนย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ -10.43% โดยกองทุนเปิดอยุธยาหุ้นปันผล 70/30 มีผลตอบเเทนในรอบ 6 เดือนที่ผ่านมาอยู่ที่ -8.22% กองทุนเปิดอยุธยาหุ้นปันผล ให้ผลตอบเเทนย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ -10.00% กองทุนเปิดอยุธยาทวีปันผล 70/30 ให้ผลตอบเเทนย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ -2.85%
ด้านกองทุนเปิดอยุธยาทวีปันผล มีผลตอบเเทนย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ -4.22% กองทุนเปิดอยุธยาอิควิตี้ ให้ผลตอบเเทนย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ -4.42% กองทุนเปิดอยุธยารักษ์ก้าวหน้า ให้ผลตอบเเทนย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ -2.04% กองทุนเปิดอยุธยาทุนทวี 5 ให้ผลตอบเเทนย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ -4.62% เละกองทุนเปิดอยุธยาเอ็นเเฮนซ์เซ็ท 50 ให้ผลตอบเเทนย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ -8.99%
สำหรับกองทุนหุ้นภายใต้การบริหารจัดการของบลจ.อเบอร์ดีนนั้นเทียบกับกณฑ์มาตรฐานตลาดหลักทรัพย์เเห่งประเทศไทยเช่นกัน โดยกองทุนเปิดบเบอร์ดีน โกรท ให้ผลตอบเเทนย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ -7.64% ในส่วนของกองทุนเปิดอเบอร์ดีนสยามลีดเดอร์ส ให้ผลตอบเเทนย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ -8.72% กองทุนเปิดอเบอร์ดีนสมอลเเค็พ ให้ผลตอบเเทนย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ -7.69%
ทั้งนี้ กองทุนเปิดอเบอร์ดีนไทย เอคควิตี้ ดีวิเด็น ให้ผลตอบเเทนย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ -5.86% กองทุนเปิดอเบอร์ดีน สมาร์ทเเคปปิตอลเพื่อการเลี้ยงชีพ มีผลตอบเเทนย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ -7.75% เเละกองทุนเปิดอเบอร์ดีนหุ้นระยะยาว มีผลตอบเเทนย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ -8.80%