เราลองมองย้อนกลับไปในอดีตที่ผ่านมาการลงทุนในกองทุนหุ้นยังคงได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายเดือนมานี้ อะไร..? เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผู้บริหารกองทุนสามารถที่จะพากองทุนหุ้นมาเป็นกองทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงสุดประจำเดือนได้
ขณะเดียวกัน จากสถานะการณ์ต่างๆในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลกระทบต่อภาวะตลาดหุ้นของไทยเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของราคาน้ำมัน เงินเฟ้อ และการเมืองภายในของเรา ซึ่งสร้างความลังเลให้กับนักลงทุนเป็นอย่างมาก ขณะเดียวกันในช่วงที่ผ่านมานั้น ตลาดหุ้นบ้านเรายังสร้างความผันผวนอย่างหนัก เพราะแกว่งขึ้นแกว่งลงจนทำให้นักลงทุนจับทิศทางการลงทุนได้อย่างอยากลำบาก
อย่างไรก็ตาม ภาวะการลงทุนในช่วงที่ผ่านมา ถือเป็นความท้าทายสำหรับผู้จัดการกองทุนพอสมควร ในการที่จะปรับพอร์ตกองทุนภายใต้การบริหารเพื่อให้ผลตอบแทนออกมาดีและเป็นที่น่าพอใจสำหรับผู้ลงทุน โดยเฉพาะกองทุนหุ้นด้วยแล้ว การจับจังหวะการลงทุนที่ถูกต้องและถูกเวลา ถือเป็นหัวใจสำคัญเลยที่เดียว
วันนี้ คอลัมน์ “Best of Fund” ขอพามาดูผลการดำเนินงานของกองทุนรวมหุ้นกัน ทั้งนี้ จากข้อมูลของบริษัทจัดการลงทุน สิ้นสุด ณ วันที่ 30 พฤษภาคม 2551 ว่ามีกองทุนใดน่าสนใจบ้าง เพื่อเป็นแนวทางเบื้องต้นในการลงทุนต่อไป พร้อมกับเปิดมุมมองและนโยบายในการเลือกลงทุนของผู้บริหารกองทุนที่สามารถให้ผลตอบแทนมาเป็นอันดับ 1 ด้วย
สำหรับกองทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงสุดมาเป็นอันดับ 1 คือ กองทุนเปิดทิสโก้หุ้นทุนปันผล ภายใต้การบริหารของ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทิสโก้ จำกัด โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 261.61 ล้านบาท มีผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 6.14 % และสามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ 8.99% อันดับ 2 กองทุนเปิดอยุธยารักษ์ก้าวหน้า ภายใต้การบริหารของ บลจ. เอวายเอฟโดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 93.76 ล้านบาท มีผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 4.12% และสามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯที่ 6.97%
อันดับ 3 กองทุนเปิดทิสโก้ ทวีทุน ภายใต้การบริหารของ บลจ.ทิสโก้ โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 368.07 ล้านบาท มีผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 2.90% และสามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ 5.75% อันดับ4 กองทุนเปิดอยุธยาทุนทวีปันผล ภายใต้การบริหารของ บลจ.เอวายเอฟ โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 1,333.84 ล้านบาท มีผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 2.67% และสามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ 5.52 %
อันดับ 5 กองทุนเปิดอยุธยาอิควิตี้ ภายใต้การบริหารของ บลจ.เอวายเอฟ โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 1,774.57 ล้านบาท มีผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 2.63% และสามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯที่ 5.48% อันดับ 6 กองทุนเปิดเพิ่มพูนทรัพย์ปันผล ภายใต้การบริหารของ บลจ.ธนชาต โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 730.73 ล้านบาท ให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 2.58% และสามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ 5.43%
อันดับ 7 กองทุนเปิดอยุธยาทุนทวีปันผล 70/30 ภายใต้การบริหารของ บลจ.เอวายเอฟ โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 1466.52 ล้านบาท มีผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 2.56% และสามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ 5.41% อันดับ 8 กองทุนเปิดทีซีเอ็ม หุ้นทุน ภายใต้การบริหารของ บลจ.ทิสโก้ โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 194.96 ล้านบาท มีผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 2.43% และสามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ 5.28%
อันดับ 9 กองทุนเปิดกำไรเพิ่มพูน 2 ภายใต้การบริหารของ บลจ.ยู โอ บี (ประเทศไทย) โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 203.38 ล้านบาทให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 2.23% และสามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ 5.08% และอันดับ 10 กองทุนเปิด กรุงไทย-ทรีนิตี้ปันผล ภายใต้การบริหารของ บลจ.กรุงไทย โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 118.62 ล้านบาท มีผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 2.15% และสามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ 5.00%
เปิดกลยุทธ์การลงทุน
สำหรับกองทุนเปิดทิสโก้หุ้นทุนปันผล เป็นกองทุนรวมตราสารแห่งทุน (Equity Fund) ประเภทรับซื้อคืนหน่วยลงทุน จดทะเบียนเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2537 ไม่กำหนดอายุโครงการ โดยจะเน้นลงทุนในหลักทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูงทั้งในแง่ของมูลค่าและปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์ ทั้งนี้ บริษัทจัดการมีนโยบายที่จะลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งตราสารแห่งทุนโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 65 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน
และส่วนที่เหลือจะลงทุนในตราสารแห่งหนี้ และหรือ เงินฝาก ตราสารกึ่งหนี้กึ่งทุน ตลอดจนหลักทรัพย์และทรัพย์สินอื่นหรือการหาดอกผลโดยวิธีอื่น ตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. หรือสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด อย่างไรก็ตาม อาจมีบางขณะที่บริษัทจัดการไม่สามารถลงทุนให้เป็นไปตามสัดส่วนการลงทุนที่กำหนดไว้ได้ด้วย
ส่วนกองทุนนี้มีนโยบายจ่ายเงินปันผลอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง ในอัตราร้อยละ 100 ของผลกำไรสุทธิในแต่ละงวด โดยกำไรสุทธิที่เหลือจากการคำนวณเงินปันผล (ถ้ามี) บริษัทจัดการจะนำไปรวมเป็นกำไรสะสมสำหรับรอบระยะเวลาบัญชีถัดไป
ขณะเดียวกัน จากสถานะการณ์ต่างๆในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลกระทบต่อภาวะตลาดหุ้นของไทยเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของราคาน้ำมัน เงินเฟ้อ และการเมืองภายในของเรา ซึ่งสร้างความลังเลให้กับนักลงทุนเป็นอย่างมาก ขณะเดียวกันในช่วงที่ผ่านมานั้น ตลาดหุ้นบ้านเรายังสร้างความผันผวนอย่างหนัก เพราะแกว่งขึ้นแกว่งลงจนทำให้นักลงทุนจับทิศทางการลงทุนได้อย่างอยากลำบาก
อย่างไรก็ตาม ภาวะการลงทุนในช่วงที่ผ่านมา ถือเป็นความท้าทายสำหรับผู้จัดการกองทุนพอสมควร ในการที่จะปรับพอร์ตกองทุนภายใต้การบริหารเพื่อให้ผลตอบแทนออกมาดีและเป็นที่น่าพอใจสำหรับผู้ลงทุน โดยเฉพาะกองทุนหุ้นด้วยแล้ว การจับจังหวะการลงทุนที่ถูกต้องและถูกเวลา ถือเป็นหัวใจสำคัญเลยที่เดียว
วันนี้ คอลัมน์ “Best of Fund” ขอพามาดูผลการดำเนินงานของกองทุนรวมหุ้นกัน ทั้งนี้ จากข้อมูลของบริษัทจัดการลงทุน สิ้นสุด ณ วันที่ 30 พฤษภาคม 2551 ว่ามีกองทุนใดน่าสนใจบ้าง เพื่อเป็นแนวทางเบื้องต้นในการลงทุนต่อไป พร้อมกับเปิดมุมมองและนโยบายในการเลือกลงทุนของผู้บริหารกองทุนที่สามารถให้ผลตอบแทนมาเป็นอันดับ 1 ด้วย
สำหรับกองทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงสุดมาเป็นอันดับ 1 คือ กองทุนเปิดทิสโก้หุ้นทุนปันผล ภายใต้การบริหารของ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทิสโก้ จำกัด โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 261.61 ล้านบาท มีผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 6.14 % และสามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ 8.99% อันดับ 2 กองทุนเปิดอยุธยารักษ์ก้าวหน้า ภายใต้การบริหารของ บลจ. เอวายเอฟโดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 93.76 ล้านบาท มีผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 4.12% และสามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯที่ 6.97%
อันดับ 3 กองทุนเปิดทิสโก้ ทวีทุน ภายใต้การบริหารของ บลจ.ทิสโก้ โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 368.07 ล้านบาท มีผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 2.90% และสามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ 5.75% อันดับ4 กองทุนเปิดอยุธยาทุนทวีปันผล ภายใต้การบริหารของ บลจ.เอวายเอฟ โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 1,333.84 ล้านบาท มีผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 2.67% และสามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ 5.52 %
อันดับ 5 กองทุนเปิดอยุธยาอิควิตี้ ภายใต้การบริหารของ บลจ.เอวายเอฟ โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 1,774.57 ล้านบาท มีผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 2.63% และสามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯที่ 5.48% อันดับ 6 กองทุนเปิดเพิ่มพูนทรัพย์ปันผล ภายใต้การบริหารของ บลจ.ธนชาต โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 730.73 ล้านบาท ให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 2.58% และสามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ 5.43%
อันดับ 7 กองทุนเปิดอยุธยาทุนทวีปันผล 70/30 ภายใต้การบริหารของ บลจ.เอวายเอฟ โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 1466.52 ล้านบาท มีผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 2.56% และสามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ 5.41% อันดับ 8 กองทุนเปิดทีซีเอ็ม หุ้นทุน ภายใต้การบริหารของ บลจ.ทิสโก้ โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 194.96 ล้านบาท มีผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 2.43% และสามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ 5.28%
อันดับ 9 กองทุนเปิดกำไรเพิ่มพูน 2 ภายใต้การบริหารของ บลจ.ยู โอ บี (ประเทศไทย) โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 203.38 ล้านบาทให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 2.23% และสามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ 5.08% และอันดับ 10 กองทุนเปิด กรุงไทย-ทรีนิตี้ปันผล ภายใต้การบริหารของ บลจ.กรุงไทย โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 118.62 ล้านบาท มีผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 2.15% และสามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ 5.00%
เปิดกลยุทธ์การลงทุน
สำหรับกองทุนเปิดทิสโก้หุ้นทุนปันผล เป็นกองทุนรวมตราสารแห่งทุน (Equity Fund) ประเภทรับซื้อคืนหน่วยลงทุน จดทะเบียนเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2537 ไม่กำหนดอายุโครงการ โดยจะเน้นลงทุนในหลักทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูงทั้งในแง่ของมูลค่าและปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์ ทั้งนี้ บริษัทจัดการมีนโยบายที่จะลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งตราสารแห่งทุนโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 65 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน
และส่วนที่เหลือจะลงทุนในตราสารแห่งหนี้ และหรือ เงินฝาก ตราสารกึ่งหนี้กึ่งทุน ตลอดจนหลักทรัพย์และทรัพย์สินอื่นหรือการหาดอกผลโดยวิธีอื่น ตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. หรือสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด อย่างไรก็ตาม อาจมีบางขณะที่บริษัทจัดการไม่สามารถลงทุนให้เป็นไปตามสัดส่วนการลงทุนที่กำหนดไว้ได้ด้วย
ส่วนกองทุนนี้มีนโยบายจ่ายเงินปันผลอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง ในอัตราร้อยละ 100 ของผลกำไรสุทธิในแต่ละงวด โดยกำไรสุทธิที่เหลือจากการคำนวณเงินปันผล (ถ้ามี) บริษัทจัดการจะนำไปรวมเป็นกำไรสะสมสำหรับรอบระยะเวลาบัญชีถัดไป
