เผลอแปบเดียวปี 2551 ก็ผ่านเข้าไปไตรมาส 2 ของปีเข้าให้แล้ว แต่ว่าปัญหาสินเชื่อด้อยคุณภาพในสหรัฐอเมริกา (ซับไพรม์) ยังคงเป็นปัญหาที่ยากจะหยั่งถึงว่าในท้ายที่สุดแล้วจะเข้าชอนไชเศรษฐกิจของพี่เบิ้มอย่างสหรัฐอเมริกาถึงขั้นใดกันแน่ แม้ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะพยายามให้ยามาหลายขนานแล้วก็ตาม โดยล่าสุดสกัดภาวะการชะลอตัวของเศรษฐกิจด้วยการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 0.25%
ทั้งนี้ ทำให้ช่องว่างระหว่างอัตราดอกเบี้ยไทยกับสหรัฐมีมากขึ้น แต่หลายฝ่ายกลับมองว่าช่องว่างของอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มมากขึ้นนี้จะไม่ส่งผลให้มีปัญหาเรื่องเงินไหลเข้าประเทศไทยมากนัก เนื่องจากปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยต่ำกว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายของประเทศอื่นในภูมิภาคเดียวกัน ยกเว้นสิงคโปร์ ซึ่งหากมีเงินทุนไหลเข้าเอเชียก็น่าจะไหลไปยังประเทศอื่นที่ให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายสูงกว่าไทย
นอกจากนี้ ยังมีราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องมาคอยกดดันอีกด้วย ทว่าอุตสาหกรรมกองทุนรวมกลับไม่ได้ประสบแต่อุปสรรคจากภายนอกเท่านั้น ปัจจัยภายในประเทศก็เจอปัญหาที่ไม่ยิ่งหย่อนกว่ากันเลย ไม่ว่าจะเป็นภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวตามเศรษฐกิจโลก และปัญหาที่ส่งผลกระทบโดยตรงอย่างการที่ธนาคารพาณิชย์ออกแคมเปญดึงเม็ดเงินไม่ให้ไหลออกจากระบบ
ขณะที่นักลงทุนบางส่วนก็หันไปลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลที่มีการออกมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อระดมทุนไปสนับสนุนโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ (เมกะโปรเจกต์) จนทำให้ไตรมาสแรกมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ (เอ็นเอวี) ของระบบกองทุนรวมหดหายไปถึง 3.4 หมื่นล้านบาทด้วยกัน จากที่มีอยู่ประมาณ 1.576 ล้านล้านบาท โดยลดลงจากต้นปี 2551 ที่มีอยู่ประมาณ 1.6 ล้านล้านบาท หรือปรับตัวลดลงประมาณ 2.15% เลยทีเดียว
อย่างไรก็ตาม ทุกฝ่ายยังคงเชื่อว่ามูลค่าสินทรัพย์สุทธิของอุตสาหกรรมกองทุนรวมจะเริ่มปรับตัวดีขึ้นในช่วงไตรมาส 3 ปีนี้ หลังจากพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) สถาบันประกันเงินฝากจะมีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการในเดือนสิงหาคมนี้
วันนี้ คอลัมน์ "Best of Fund" ขอพามาดูผลการดำเนินงานของกองทุนรวมหุ้นกัน ทั้งนี้ จากข้อมูลของบริษัทจัดการลงทุน สิ้นสุด ณ วันที่ 30 เมษายน 2551 ว่ามีกองทุน ใดน่าสนใจบ้าง เพื่อเป็นแนวทางเบื้องต้นในการลงทุนต่อไป พร้อมกับเปิดมุมมองและนโยบายในการเลือกลงทุนของผู้บริหารกองทุน ที่สามารถให้ผลตอบแทนมาเป็นอันดับ 1 ด้วย
ส่วนกองทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงสุดมาเป็นอันดับ 1 คือ กองทุนเปิดทิสโก้ หุ้นทุนปันผล ภายใต้การบริหารของ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทิสโก้ จำกัด โดยให้ผลตอบแทนย้อนลังตั้งแต่ต้นปี (Year to Date) อยู่ที่ 5.62% และสามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ 8.61%
อันดับ 2 กองทุนเปิดบัวหลวงธนคม ภายใต้การบริหารของ บลจ.บัวหลวง ให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 3.22% และสามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ 6.21% อันดับ 3 กองทุนเปิดอยุธยารักษ์ก้าวหน้า ภายใต้การบริหารของ บลจ.อยุธยาให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 3.21% และสามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ 6.20%
อันดับ 4 กองทุนเปิดไทยพาณิชย์เพิ่มผลมั่นคง ภายใต้การบริหารของ บลจ.ไทยพาณิชย์ ให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 2.07% และสามารถให้ ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ 5.06% อันดับ 5 กองทุนเปิดทิสโก้ทวีคูณ ภายใต้การบริหารของ บลจ.ทิสโก้ให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 1.99% และสามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ 4.98%
อันดับ 6 กองทุนเปิดทีซีเอ็มหุ้นทุน ภายใต้การบริหารของ บลจ.ทิสโก้ ให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 1.73% และสามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ 4.72% อันดับ 7 กองทุนเปิดอยุธยาทุนทวีปันผล 70/30 ภายใต้การบริหารของ บลจ.อยุธยา ให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 0.71% และสามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ 3.70%
อันดับ 8 กองทุนเปิดอยุธยาทุนทวี 5 ภายใต้การบริหารของ บลจ.อยุธยา ให้ผลตอบแทนย้อนหลังตังแต่ต้นปีอยู่ที่ 0.46% และสามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯที่ 3.45% อันดับ 9 กองทุนเปิดธีรทรัพย์ ภายใต้การบริหารของ บลจ.เอ็มเอฟซี ให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 0.39% และสามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่าดับนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ 3.38%
และอันดับ 10 กองทุนเปิดกำไรเพิ่มพูน 2 ภายใต้การบริหารของ บลจ.ยูโอบี (ไทย) ให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 0.32% และสามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่าดับนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ 3.31%
เปิดกลยุทธ์กองทุนอันดับ 1
ธีรนาถ รุจิเมธาภาส รองกรรมการผู้จัดการหัวหน้าธุรกิจกองทุนรวมและกองทุนส่วนบุคคล บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด เล่าให้ฟังว่า ในช่วงที่ผ่านมา กองทุนเปิดทิสโก้หุ้น ทุนปันผลจะเน้นลงทุนในกลุ่มธนาคารพาณิชย์และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์เป็นหลัก ส่วนหุ้นในกลุ่มพลังงานจะให้น้ำหนักการลงทุนน้อยกว่าตลาด
ทั้งนี้ สาเหตุที่กองทุนนี้สามารถได้รับผลตอบแทนดี ยังเป็นผลจากการที่สามารถเลือกลงทุนในหุ้นที่ถูกต้อง และลงทุนอย่างเต็มที่ในเซกเตอร์เพียง 2-3 เซกเตอร์เท่านั้น ซึ่งเมื่อราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้น ก็จะทำให้ได้รับผลดีจากการที่ราคาหุ้นปรับเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน แต่ก็จะเป็นไปตามสภาพของตลาดในแต่ละช่วงด้วยเช่นกัน
ธีรนาถ บอกว่า กองทุนนี้เป็นตัวแทนของลูกค้าที่ต้องการลงทุนในตลาดหุ้น ไม่ต้องคัดเลือกหุ้นเอง โดยสามารถลงทุนในหุ้นได้ถึง 20 ตัว ซึ่งดีกว่าการที่นักลงทุนกระจายมากเกินไป ก็จะไม่เกิดผลดีเช่นกัน แต่การให้ผู้จัดการกองทุนเลือกลงทุน หุ้นให้จะส่งผลดีกว่า โดยให้ผู้จัดการกองทุนติดตามสถานการณ์ของหุ้นแทน แทนที่นักลงทุนจะมาวิจัยด้วยตนเอง ซึ่งง่ายกว่า และมีการจ่ายปันผลอีกด้วย
สำหรับกองทุนเปิดทิสโก้หุ้นทุนปันผล เป็นกองทุนรวมตราสารแห่งทุน (Equity Fund) ประเภอรับซื้อคืนหน่วยลงทุนจดทะเบียน เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2537 ไม่กำหนดอายุโครงการ โดยจะเน้นลงทุนในหลักทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูงทั้งในแง่ของมูลค่าและปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์ ทั้งนี้บริษัทจัดการมีนโยบายที่จะลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งตราสารแห่งทุนโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 65% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน
และส่วนที่เหลือจะลงทุนในตราสารแห่งหนี้ และหรือเงินฝาก ตราสารกึ่งหนี้กึ่งทุน ตลอดจนหลักทรัพย์และทรัพย์สินอื่นหรือการหาดอกผลโดยวิธีอื่นตามที่คณะกรรมการก.ล.ต.หรือสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนดอย่างไรก็ตาม อาจมีบางขณะที่บริษัทจัดการไม่สามารถลงทุนให้เป็นไปตามสัดส่วนการลงทุนที่กำหนดไว้ได้ด้วย
ส่วนกองทุนนี้มีนโยบายจ่ายเงินปันผลอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง ในอัตรา 100% ของผลกำไรสุทธิในแต่ละงวด โดยกำไรสุทธิที่เหลือจากการคำนวณเงินปันผล (ถ้ามี) บริษัทจัดการจะนำไปรวมเป็นกำไรสะสมสำหรับรอบระยะเวลาบัญชีถัดไป
ทั้งนี้ ทำให้ช่องว่างระหว่างอัตราดอกเบี้ยไทยกับสหรัฐมีมากขึ้น แต่หลายฝ่ายกลับมองว่าช่องว่างของอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มมากขึ้นนี้จะไม่ส่งผลให้มีปัญหาเรื่องเงินไหลเข้าประเทศไทยมากนัก เนื่องจากปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยต่ำกว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายของประเทศอื่นในภูมิภาคเดียวกัน ยกเว้นสิงคโปร์ ซึ่งหากมีเงินทุนไหลเข้าเอเชียก็น่าจะไหลไปยังประเทศอื่นที่ให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายสูงกว่าไทย
นอกจากนี้ ยังมีราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องมาคอยกดดันอีกด้วย ทว่าอุตสาหกรรมกองทุนรวมกลับไม่ได้ประสบแต่อุปสรรคจากภายนอกเท่านั้น ปัจจัยภายในประเทศก็เจอปัญหาที่ไม่ยิ่งหย่อนกว่ากันเลย ไม่ว่าจะเป็นภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวตามเศรษฐกิจโลก และปัญหาที่ส่งผลกระทบโดยตรงอย่างการที่ธนาคารพาณิชย์ออกแคมเปญดึงเม็ดเงินไม่ให้ไหลออกจากระบบ
ขณะที่นักลงทุนบางส่วนก็หันไปลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลที่มีการออกมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อระดมทุนไปสนับสนุนโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ (เมกะโปรเจกต์) จนทำให้ไตรมาสแรกมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ (เอ็นเอวี) ของระบบกองทุนรวมหดหายไปถึง 3.4 หมื่นล้านบาทด้วยกัน จากที่มีอยู่ประมาณ 1.576 ล้านล้านบาท โดยลดลงจากต้นปี 2551 ที่มีอยู่ประมาณ 1.6 ล้านล้านบาท หรือปรับตัวลดลงประมาณ 2.15% เลยทีเดียว
อย่างไรก็ตาม ทุกฝ่ายยังคงเชื่อว่ามูลค่าสินทรัพย์สุทธิของอุตสาหกรรมกองทุนรวมจะเริ่มปรับตัวดีขึ้นในช่วงไตรมาส 3 ปีนี้ หลังจากพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) สถาบันประกันเงินฝากจะมีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการในเดือนสิงหาคมนี้
วันนี้ คอลัมน์ "Best of Fund" ขอพามาดูผลการดำเนินงานของกองทุนรวมหุ้นกัน ทั้งนี้ จากข้อมูลของบริษัทจัดการลงทุน สิ้นสุด ณ วันที่ 30 เมษายน 2551 ว่ามีกองทุน ใดน่าสนใจบ้าง เพื่อเป็นแนวทางเบื้องต้นในการลงทุนต่อไป พร้อมกับเปิดมุมมองและนโยบายในการเลือกลงทุนของผู้บริหารกองทุน ที่สามารถให้ผลตอบแทนมาเป็นอันดับ 1 ด้วย
ส่วนกองทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงสุดมาเป็นอันดับ 1 คือ กองทุนเปิดทิสโก้ หุ้นทุนปันผล ภายใต้การบริหารของ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทิสโก้ จำกัด โดยให้ผลตอบแทนย้อนลังตั้งแต่ต้นปี (Year to Date) อยู่ที่ 5.62% และสามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ 8.61%
อันดับ 2 กองทุนเปิดบัวหลวงธนคม ภายใต้การบริหารของ บลจ.บัวหลวง ให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 3.22% และสามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ 6.21% อันดับ 3 กองทุนเปิดอยุธยารักษ์ก้าวหน้า ภายใต้การบริหารของ บลจ.อยุธยาให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 3.21% และสามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ 6.20%
อันดับ 4 กองทุนเปิดไทยพาณิชย์เพิ่มผลมั่นคง ภายใต้การบริหารของ บลจ.ไทยพาณิชย์ ให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 2.07% และสามารถให้ ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ 5.06% อันดับ 5 กองทุนเปิดทิสโก้ทวีคูณ ภายใต้การบริหารของ บลจ.ทิสโก้ให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 1.99% และสามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ 4.98%
อันดับ 6 กองทุนเปิดทีซีเอ็มหุ้นทุน ภายใต้การบริหารของ บลจ.ทิสโก้ ให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 1.73% และสามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ 4.72% อันดับ 7 กองทุนเปิดอยุธยาทุนทวีปันผล 70/30 ภายใต้การบริหารของ บลจ.อยุธยา ให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 0.71% และสามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ 3.70%
อันดับ 8 กองทุนเปิดอยุธยาทุนทวี 5 ภายใต้การบริหารของ บลจ.อยุธยา ให้ผลตอบแทนย้อนหลังตังแต่ต้นปีอยู่ที่ 0.46% และสามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯที่ 3.45% อันดับ 9 กองทุนเปิดธีรทรัพย์ ภายใต้การบริหารของ บลจ.เอ็มเอฟซี ให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 0.39% และสามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่าดับนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ 3.38%
และอันดับ 10 กองทุนเปิดกำไรเพิ่มพูน 2 ภายใต้การบริหารของ บลจ.ยูโอบี (ไทย) ให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 0.32% และสามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่าดับนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ 3.31%
เปิดกลยุทธ์กองทุนอันดับ 1
ธีรนาถ รุจิเมธาภาส รองกรรมการผู้จัดการหัวหน้าธุรกิจกองทุนรวมและกองทุนส่วนบุคคล บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด เล่าให้ฟังว่า ในช่วงที่ผ่านมา กองทุนเปิดทิสโก้หุ้น ทุนปันผลจะเน้นลงทุนในกลุ่มธนาคารพาณิชย์และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์เป็นหลัก ส่วนหุ้นในกลุ่มพลังงานจะให้น้ำหนักการลงทุนน้อยกว่าตลาด
ทั้งนี้ สาเหตุที่กองทุนนี้สามารถได้รับผลตอบแทนดี ยังเป็นผลจากการที่สามารถเลือกลงทุนในหุ้นที่ถูกต้อง และลงทุนอย่างเต็มที่ในเซกเตอร์เพียง 2-3 เซกเตอร์เท่านั้น ซึ่งเมื่อราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้น ก็จะทำให้ได้รับผลดีจากการที่ราคาหุ้นปรับเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน แต่ก็จะเป็นไปตามสภาพของตลาดในแต่ละช่วงด้วยเช่นกัน
ธีรนาถ บอกว่า กองทุนนี้เป็นตัวแทนของลูกค้าที่ต้องการลงทุนในตลาดหุ้น ไม่ต้องคัดเลือกหุ้นเอง โดยสามารถลงทุนในหุ้นได้ถึง 20 ตัว ซึ่งดีกว่าการที่นักลงทุนกระจายมากเกินไป ก็จะไม่เกิดผลดีเช่นกัน แต่การให้ผู้จัดการกองทุนเลือกลงทุน หุ้นให้จะส่งผลดีกว่า โดยให้ผู้จัดการกองทุนติดตามสถานการณ์ของหุ้นแทน แทนที่นักลงทุนจะมาวิจัยด้วยตนเอง ซึ่งง่ายกว่า และมีการจ่ายปันผลอีกด้วย
สำหรับกองทุนเปิดทิสโก้หุ้นทุนปันผล เป็นกองทุนรวมตราสารแห่งทุน (Equity Fund) ประเภอรับซื้อคืนหน่วยลงทุนจดทะเบียน เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2537 ไม่กำหนดอายุโครงการ โดยจะเน้นลงทุนในหลักทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูงทั้งในแง่ของมูลค่าและปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์ ทั้งนี้บริษัทจัดการมีนโยบายที่จะลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งตราสารแห่งทุนโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 65% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน
และส่วนที่เหลือจะลงทุนในตราสารแห่งหนี้ และหรือเงินฝาก ตราสารกึ่งหนี้กึ่งทุน ตลอดจนหลักทรัพย์และทรัพย์สินอื่นหรือการหาดอกผลโดยวิธีอื่นตามที่คณะกรรมการก.ล.ต.หรือสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนดอย่างไรก็ตาม อาจมีบางขณะที่บริษัทจัดการไม่สามารถลงทุนให้เป็นไปตามสัดส่วนการลงทุนที่กำหนดไว้ได้ด้วย
ส่วนกองทุนนี้มีนโยบายจ่ายเงินปันผลอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง ในอัตรา 100% ของผลกำไรสุทธิในแต่ละงวด โดยกำไรสุทธิที่เหลือจากการคำนวณเงินปันผล (ถ้ามี) บริษัทจัดการจะนำไปรวมเป็นกำไรสะสมสำหรับรอบระยะเวลาบัญชีถัดไป