หลังจากรัฐบาลใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ด้วยการขยายวงเงินลดหย่อนภาษีสำหรับกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) จาก 300,000 บาท เป็น 500,000 บาท หลายคนมองว่า จะช่วยกระตุ้นการลงทุนในกองทุนประเภทนี้ได้พอสมควร ซึ่งเรื่องนี้ ถือว่าส่งผลดีในแง่ของการขยายตัวในระดับหนึ่ง...
แต่หากมองภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นที่ผันผวนช่วงนี้ กองทุน LTF ซึ่งมีนโยบายการลงทุนในหุ้นถือว่าได้รับผลกระทบตามไปด้วยพอสมควร คอลัมน์ "Best of Fund" ฉบับนี้จึงขอหยิบเอาผลการดำเนินงานของกองทุน LTF ที่ให้ผลตอบแทนสูงสุด 10 อันดับมานำเสนอ พร้อมเปิดกลยุทธ์การลงทุนของบริษัทที่ได้อันดับที่ 1 มานำเสนออีกด้วย ว่าอะไรเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้กองทุนมีผลตอบแทนสูงสุดในรอบเดือน
สำหรับกองทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงสุดมาเป็นอันดับ 1 คือ กองทุนเปิดบีที ไลฟ์ 70 หุ้นระยะยาวปันผล ภายใต้การบริหารของ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) บีที จำกัด โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 108.07 ล้านบาท มีผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 5.30% และสามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ 8.15% อันดับ 2 กองทุนเปิดบีที ไลฟ์ หุ้นระยะยาวภายใต้การบริหารของ บลจ.บีที โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 73.05 ล้านบาท มีผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 5.08% และสามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ 7.93%
อันดับ 3 กองทุนเปิดหุ้นระยะยาวอยุธยาอิควิตี้ ภายใต้การบริหารของ บลจ.เอวายเอฟ โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 327.47 ล้านบาท มีผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 3.34% และสามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯที่ 6.19%อันดับ 4 กองทุนเปิดทิสโก้ หุ้นระยะยาวปันผล ภายใต้การบริหารของ บลจ.ทิสโก้ โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 95.83 ล้านบาท มีผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 3.34% และสามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯที่ 6.04%
อันดับ 5 กองทุนเปิดกรุงไทยหุ้นระยะยาว70/30 ภายใต้การบริหารของ บลจ.กรุงไทย โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 75.51 ล้านบาท มีผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 2.96% และสามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ 5.81% อันดับ 6 กองทุนเปิดกรุงไทยหุ้นระยะยาว ภายใต้การบริหารของ บลจ.กรุงไทย โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 635.72 ล้านบาท มีผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 2.33% และสามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ 5.18%
อันดับ 7 กองทุนเปิดแอสเซทพลัสหุ้นระยะยาว ภายใต้การบริหารของ บลจ. แอสเซทพลัสโดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 302.31 ล้านบาท มีผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 2.23% และสามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ 5.08% อันดับ 8 กองทุนเปิดแอสเซทพลัสหุ้นระยะยาวทวีกำไร ภายใต้การบริหารของ บลจ. แอสเซทพลัส โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 90.56 ล้านบาท มีผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 1.99% และสามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ 4.84%
อันดับ 9 กองทุนเปิดทิสโก้หุ้นระยะยาว ภายใต้การบริหารของ บลจ.ทิสโก้ โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 1,243.67 ล้านบาทให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 1.74% และสามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ 4.59% และอันดับ 10 กองทุนเปิดกรุงไทยชาริอะฮ์หุ้นระยะยาว ภายใต้การบริหารของ บลจ.กรุงไทย โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 80.51ล้านบาท ให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 1.59% และสามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ 4.44%
เปิดกลยุทธิ์การลงทุน
เจิดพันธุ์ นิธยายน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ด้านการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) บีที จำกัด เล่าให้ฟังว่า บลจ.ได้มีการปรับนโยบายการลงทุนในกลุ่มหุ้นต่างๆ โดยการที่จะเลือกหุ้นตัวที่มีแนวโน้มและพื้นฐานดีมาพิจารณา 30 บริษัท ซึ่งบลจ.จะพิจารณาเลือกหุ้นที่มีอนาคตในการเติบโตมาถือไว้ในพอร์ทการลงทุนจำนวน 15 บริษัท แต่เมื่อหุ้นตัวใดมีมูลค่าเต็มราคาจะมีการสับเปลี่ยนกับหุ้นตัวที่บริษัทเห็นว่ามีอนาคตดี หรือหากพิจารณาเห็นว่าหุ้นตัวใดมีแนวโน้มที่จะลดลง บริษัทจะมีการพิจารณาปรับพอร์ต และพิจารณาลงทุนในหุ้นตัวใหม่ที่ศักภาพใกล้เคียงกันแทน
อีกทั้งบริษัทยังได้มีการนำเอาด้านเทคนิคเข้ามามีส่วนช่วยในการปรับพอร์ตการลงทุน โดยช่วยเพิ่มผลตอบแทนให้กับบริษัทได้อย่างมาก และในด้านการลงทุนบริษัทได้มีการให้น้ำหนักในการลงทุน โดยจะดูภาวะตลาดในช่วงนั้นๆ หากภาวะไม่ดีจะมีการปรับเปลี่ยนจากการถือหุ้นมาถือเงินสด แต่ถ้าหากสภาวะตลาดอยู่ในช่วงที่ดีก็จะกลับมาถือพอร์ตการลงทุนอีกครั้ง
"ช่วงที่ผ่านมาตลาดหุ้นมีความผันผวนสูง เราจึงมีการปรับพอร์ตการลงทุนโดยการขายหุ้นในกลุ่มพลังงานที่ถืออยู่ออกไปมากพอสมควร ทำให้บริษัทไม่ค่อยเจ็บตัวมากนัก โดยเราได้เปลี่ยนจากหุ้นกลุ่มพลังงานมาเป็นการถือหุ้นในกลุ่มแบงก์ หรือกลุ่มสื่อสารแทน แต่เมื่อมองว่าหุ้นในกลุ่มพลังงานมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น ก็จะมีการปรับพอร์ตการลงทุนไปเป็นหุ้นในกลุ่มพลังงานอีกครั้ง"
สำหรับ กองทุนเปิดบีที ไลฟ์ 70 หุ้นระยะยาวปันผล (BT-LIFE-70-LTFD) เป็นประเภทกองทุนรวมหุ้นระยะยาวที่มีการกระจายการลงทุนน้อยกว่าเกณฑ์มาตราฐาน โดยมีนโยบายการลงทุนในหุ้นสามัญบริษัทจดทะเบียนไม่เกิน 70 % (กฏหมายกำหนดให้ LTF ต้องลงทุนในหุ้นไม่น้อยกว่า 65%) ส่วนที่เหลืออาจพิจารณาลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐและเกอชนที่มีคุณภาพ ทั้งนี้ กองทุน BT-LIFE-70-LTFD มีมูลค่าโครงการ 5,000 ล้านบาท จดทะเบียนเมื่อวันที่ 18 กรกฏาคม 2548 โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ ณ วันที่ 3 มิถุนายน 2551 อยู่ที่ 107.13 ล้านบาท มีมูลค่าหน่วยลงทุนอยู่ที่ 11.9115 บาท
ส่วนผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือน ณ วันที่ 23 พฤษภาคม 2551 อยู่ที่ 7.76% ผลการดำเนินงานย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 10.21% ขณะที่ผลการดำเนินงานย้อนหลัง 12 เดือนอยู่ที่ 19.78% และมีผลการดำเนินงานตั้งแต่วันจดทะเบียนอยู่ที่ 26.99%
แต่หากมองภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นที่ผันผวนช่วงนี้ กองทุน LTF ซึ่งมีนโยบายการลงทุนในหุ้นถือว่าได้รับผลกระทบตามไปด้วยพอสมควร คอลัมน์ "Best of Fund" ฉบับนี้จึงขอหยิบเอาผลการดำเนินงานของกองทุน LTF ที่ให้ผลตอบแทนสูงสุด 10 อันดับมานำเสนอ พร้อมเปิดกลยุทธ์การลงทุนของบริษัทที่ได้อันดับที่ 1 มานำเสนออีกด้วย ว่าอะไรเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้กองทุนมีผลตอบแทนสูงสุดในรอบเดือน
สำหรับกองทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงสุดมาเป็นอันดับ 1 คือ กองทุนเปิดบีที ไลฟ์ 70 หุ้นระยะยาวปันผล ภายใต้การบริหารของ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) บีที จำกัด โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 108.07 ล้านบาท มีผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 5.30% และสามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ 8.15% อันดับ 2 กองทุนเปิดบีที ไลฟ์ หุ้นระยะยาวภายใต้การบริหารของ บลจ.บีที โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 73.05 ล้านบาท มีผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 5.08% และสามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ 7.93%
อันดับ 3 กองทุนเปิดหุ้นระยะยาวอยุธยาอิควิตี้ ภายใต้การบริหารของ บลจ.เอวายเอฟ โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 327.47 ล้านบาท มีผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 3.34% และสามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯที่ 6.19%อันดับ 4 กองทุนเปิดทิสโก้ หุ้นระยะยาวปันผล ภายใต้การบริหารของ บลจ.ทิสโก้ โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 95.83 ล้านบาท มีผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 3.34% และสามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯที่ 6.04%
อันดับ 5 กองทุนเปิดกรุงไทยหุ้นระยะยาว70/30 ภายใต้การบริหารของ บลจ.กรุงไทย โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 75.51 ล้านบาท มีผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 2.96% และสามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ 5.81% อันดับ 6 กองทุนเปิดกรุงไทยหุ้นระยะยาว ภายใต้การบริหารของ บลจ.กรุงไทย โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 635.72 ล้านบาท มีผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 2.33% และสามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ 5.18%
อันดับ 7 กองทุนเปิดแอสเซทพลัสหุ้นระยะยาว ภายใต้การบริหารของ บลจ. แอสเซทพลัสโดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 302.31 ล้านบาท มีผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 2.23% และสามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ 5.08% อันดับ 8 กองทุนเปิดแอสเซทพลัสหุ้นระยะยาวทวีกำไร ภายใต้การบริหารของ บลจ. แอสเซทพลัส โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 90.56 ล้านบาท มีผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 1.99% และสามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ 4.84%
อันดับ 9 กองทุนเปิดทิสโก้หุ้นระยะยาว ภายใต้การบริหารของ บลจ.ทิสโก้ โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 1,243.67 ล้านบาทให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 1.74% และสามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ 4.59% และอันดับ 10 กองทุนเปิดกรุงไทยชาริอะฮ์หุ้นระยะยาว ภายใต้การบริหารของ บลจ.กรุงไทย โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 80.51ล้านบาท ให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 1.59% และสามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ 4.44%
เปิดกลยุทธิ์การลงทุน
เจิดพันธุ์ นิธยายน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ด้านการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) บีที จำกัด เล่าให้ฟังว่า บลจ.ได้มีการปรับนโยบายการลงทุนในกลุ่มหุ้นต่างๆ โดยการที่จะเลือกหุ้นตัวที่มีแนวโน้มและพื้นฐานดีมาพิจารณา 30 บริษัท ซึ่งบลจ.จะพิจารณาเลือกหุ้นที่มีอนาคตในการเติบโตมาถือไว้ในพอร์ทการลงทุนจำนวน 15 บริษัท แต่เมื่อหุ้นตัวใดมีมูลค่าเต็มราคาจะมีการสับเปลี่ยนกับหุ้นตัวที่บริษัทเห็นว่ามีอนาคตดี หรือหากพิจารณาเห็นว่าหุ้นตัวใดมีแนวโน้มที่จะลดลง บริษัทจะมีการพิจารณาปรับพอร์ต และพิจารณาลงทุนในหุ้นตัวใหม่ที่ศักภาพใกล้เคียงกันแทน
อีกทั้งบริษัทยังได้มีการนำเอาด้านเทคนิคเข้ามามีส่วนช่วยในการปรับพอร์ตการลงทุน โดยช่วยเพิ่มผลตอบแทนให้กับบริษัทได้อย่างมาก และในด้านการลงทุนบริษัทได้มีการให้น้ำหนักในการลงทุน โดยจะดูภาวะตลาดในช่วงนั้นๆ หากภาวะไม่ดีจะมีการปรับเปลี่ยนจากการถือหุ้นมาถือเงินสด แต่ถ้าหากสภาวะตลาดอยู่ในช่วงที่ดีก็จะกลับมาถือพอร์ตการลงทุนอีกครั้ง
"ช่วงที่ผ่านมาตลาดหุ้นมีความผันผวนสูง เราจึงมีการปรับพอร์ตการลงทุนโดยการขายหุ้นในกลุ่มพลังงานที่ถืออยู่ออกไปมากพอสมควร ทำให้บริษัทไม่ค่อยเจ็บตัวมากนัก โดยเราได้เปลี่ยนจากหุ้นกลุ่มพลังงานมาเป็นการถือหุ้นในกลุ่มแบงก์ หรือกลุ่มสื่อสารแทน แต่เมื่อมองว่าหุ้นในกลุ่มพลังงานมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น ก็จะมีการปรับพอร์ตการลงทุนไปเป็นหุ้นในกลุ่มพลังงานอีกครั้ง"
สำหรับ กองทุนเปิดบีที ไลฟ์ 70 หุ้นระยะยาวปันผล (BT-LIFE-70-LTFD) เป็นประเภทกองทุนรวมหุ้นระยะยาวที่มีการกระจายการลงทุนน้อยกว่าเกณฑ์มาตราฐาน โดยมีนโยบายการลงทุนในหุ้นสามัญบริษัทจดทะเบียนไม่เกิน 70 % (กฏหมายกำหนดให้ LTF ต้องลงทุนในหุ้นไม่น้อยกว่า 65%) ส่วนที่เหลืออาจพิจารณาลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐและเกอชนที่มีคุณภาพ ทั้งนี้ กองทุน BT-LIFE-70-LTFD มีมูลค่าโครงการ 5,000 ล้านบาท จดทะเบียนเมื่อวันที่ 18 กรกฏาคม 2548 โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ ณ วันที่ 3 มิถุนายน 2551 อยู่ที่ 107.13 ล้านบาท มีมูลค่าหน่วยลงทุนอยู่ที่ 11.9115 บาท
ส่วนผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือน ณ วันที่ 23 พฤษภาคม 2551 อยู่ที่ 7.76% ผลการดำเนินงานย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 10.21% ขณะที่ผลการดำเนินงานย้อนหลัง 12 เดือนอยู่ที่ 19.78% และมีผลการดำเนินงานตั้งแต่วันจดทะเบียนอยู่ที่ 26.99%