ถึงแม้ช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา ภาวะการลงทุนโดยรวมในตลาดหุ้นจะไม่ผันผวนมากนัก เนื่องจากยังไม่มีปัจจัยอะไรใหม่ๆ เข้ามา แต่หากพูดถึงการลงทุนแล้ว ถึงแม้จะไม่มีปัจจัยอะไรที่เข้ามามีผลกระทบก็ตาม แต่ความสำคัญของการปรับพอร์ตการลงทุนก็เป็นเรื่องที่ทิ้งไม่ได้เช่นกัน
โดยการลงทุนของกองทุนผสมแบบยืดหยุ่นเอง ถือว่าเข้ากับสถานการณ์ดังที่กล่าวไปข้างต้นมากที่สุด เพราะกองทุนนี้ สามารถปรับพอร์ตการลงทุนระหว่างหุ้นและตราสารหนี้ได้ ดังนั้น คอลัมน์ "Best of Fund" สัปดาห์นี้ จึงพามาดูการดำเนินงานของกองทุนผสมแบบยืดหยุ่นที่ให้ผลตอบแทนสูงสุด 10 อันดับแรก ณ วันที่ 30 เมษายน 2551 ที่ผ่านมา ไปดูกันว่ากองทุนใดบ้างที่น่าสนใจ มีการปรับเปลี่ยนอันดับอย่างไรบ้าง พร้อมเผยกลยุทธ์การลงทุนที่ทำให้กองทุนสามารถคว้าแชมป์มาได้ในเดือนนี้
สำหรับกองทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงสุดมาเป็น อันดับ 1 คือ กองทุนเปิด วายุภักษ์1 ภายใต้บริหารงานของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.)เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน)โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 147185.7ล้านบาท มีผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 3.86% อันดับ 2 กองทุนเปิดทีซีเอ็มพลทรัพย์ ภายใต้บริหารงานของ บลจ.ทิสโก้ โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 231.03ล้านบาท มีผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 2.65%
อันดับ 3กองทุนเปิดทิสโก้ เฟล็กซิเบิ้ล ฟันด์ ภายใต้บริหารงานของ บลจ.ทิสโก้ โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 142.79 ล้านบาท มีผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 1.83% อันดับ 4 กองทุนเปิด แอสเซทพลัสสถาบันปันผล ภายใต้บริหารงานของ บลจ.แอสเซทพลัส โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 1150.22 ล้านบาท มีผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 1.18%
อันดับ 5 กองทุนเปิด อยุธยาทุนทวี 3 ภายใต้การบริหารของ บลจ.เอวายเอฟ โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 1684.95 ล้านบาท มีผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 1.17% อันดับ 6 กองทุนเปิด เอ็มเอฟซี แฮปปี้ ดี ไฟฟ์ ฟันด์ ภายใต้การบริหารของ บลจ.เอ็มเอฟซี โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 120.27 ล้านบาท มีผลตอบแทนย้อนหลัง
ตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 1.16%
อันดับ 7 กองทุนเปิดพรีมาเวสท์ สเปซิฟิก เฟล็กซิเบิ้ลฟันด์ ภายใต้การบริหารของ บลจ.พรีมาเวสท์ โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 1569.66 ล้านบาท มีผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 1.14% อันดับ 8 กองทุนเปิด ทิสโก้ เพิ่มผล 6 ภายใต้การบริหารของ บลจ.ทิสโก้ โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 59.16 ล้านบาท มีผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 1.13%
อันดับ 9 กองทุนเปิด ตราสารมั่นคง ภายใต้การบริหารของ บลจ.กสิกรไทย โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 125.77 ล้านบาท มีผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 1.04% และอันดับสุดท้ายได้แก่กองทุนเปิด ทิสโก้ทรัพย์สมบูรณ์ ภายใต้การบริหารของ บลจ.ทิสโก้ โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 117.32 ล้านบาท มีผลตอบแทนย้อนหลัง
ตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 1.03%
เปิดกลยุทธ์กองทุนอันดับ 1
ก่อนหน้านี้ ได้รับการเปิดเผยข้อมูลจาก บลจ.กรุงไทย ที่เป็นหนึ่งในผู้จัดการกองทุนเปิดวายุภักษ์ 1 ว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ของกองทุนวายุภักษ์มีผลกำไรสูงถึงกว่า 4 พันล้านบาท โดยที่ส่วนหนึ่งมาจากเงินปันผลของ ปตท.ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าในพอร์ตการลงทุนของกองทุนวายุภักษ์จะมีการลงทุนในหุ้นพลังงานเป็นส่วนใหญ่อยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม การที่กองทุนมีกำไรถีบตัวสูงขึ้นกว่าปกติ จะเป็นแค่ในช่วงระยะสั้นหากดูเป็นรายไตรมาส แต่ในความเป็นจริงผลการดำเนินงานของกองทุนจะไม่ผันผวนขนาดนี้ หากวัดเป็นระยะในช่วง 6 เดือนถึง 1 ปี เนื่องจากที่ผ่านมาการเติบโตของกำไรจะคงที่อยู่ในช่วง 6-7% มาตลอด ทั้งนี้ การที่ราคาหุ้นของกองทุนวายุภักษ์ที่อยู่ในตลาดมีราคาต่ำกว่าเอ็นเอวี เนื่องจากนักลงทุนยังไม่นิยมลงทุนเท่าไร แต่ในความเป็นจริงแล้วจะไม่เกี่ยวข้องกับ เอ็นเอวี ซึ่งมีการปรับตัวขึ้นมากกว่า 10 บาทต่อหน่วย
“ความจริงเอ็นเอวีเราสูงกว่า 10 บาทแล้ว แต่ราคาที่ซื้อขายในตลาดหุ้นที่ 9 บาทกว่า นั้นก็เป็นอีกราคาหนึ่งจะขึ้นอยู่กับนักลงทุน แต่หากไม่ดูในราคาแล้วเรามีการจ่ายปันผลไปเยอะ อีกทั้งยังมีการการันตีผลตอบแทนที่ 3% ต่อปีอีกด้วย”
อย่างไรก็ตาม การลงทุนของกองทุนวายุภักษ์ ได้มีการปรับพอร์ตไปแล้วเมื่อช่วงต้นปี ซึ่งแนวทางในการลงทุนจะมีการกำหนดในการประชุมคณะกรรมการลงทุนทุกๆ เดือน แต่จะไม่ปรับอะไรมาก หรือถี่ไปนัก ซึ่งทางคณะกรรมการจะมีแนวทางการลงทุนให้เหมาะตามสถานการณ์เศรษฐกิจในขณะนั้นมากกว่า
ยกตัวอย่างเช่น หากคณะกรรมการมองแนวโน้มเศรษฐกิจจะไปได้ดี และมีการบริโภคเพิ่มขึ้น ก็จะเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหุ้นประเภทนี้มากขึ้น ซึ่งในช่วงต้นปีที่ผ่านมาได้มีการปรับสัดส่วนในหุ้นนี้ไปแล้วครั้งหนึ่งเช่นกัน
“คณะกรรมการจะประชุมกันทุกเดือนแต่การปรับพอร์ตคงไม่ถี่นัก เราจะมองว่าราคาหุ้นมันสูงเกินไปตามเกณฑ์ของเราหรือไม่ ก็อาจมีการขายทำกำไรบ้าง อย่างในช่วงต้นปีเราก็เพียงปรับไป โดยมองว่าการบริโภคน่าจะมา เศรษฐกิจเราคงจะโตได้อีก ก็จะหันไปลงทุนตัวนี้ด้วยส่วนหนึ่ง” รายงานข่าวกล่าว
โดยการลงทุนของกองทุนผสมแบบยืดหยุ่นเอง ถือว่าเข้ากับสถานการณ์ดังที่กล่าวไปข้างต้นมากที่สุด เพราะกองทุนนี้ สามารถปรับพอร์ตการลงทุนระหว่างหุ้นและตราสารหนี้ได้ ดังนั้น คอลัมน์ "Best of Fund" สัปดาห์นี้ จึงพามาดูการดำเนินงานของกองทุนผสมแบบยืดหยุ่นที่ให้ผลตอบแทนสูงสุด 10 อันดับแรก ณ วันที่ 30 เมษายน 2551 ที่ผ่านมา ไปดูกันว่ากองทุนใดบ้างที่น่าสนใจ มีการปรับเปลี่ยนอันดับอย่างไรบ้าง พร้อมเผยกลยุทธ์การลงทุนที่ทำให้กองทุนสามารถคว้าแชมป์มาได้ในเดือนนี้
สำหรับกองทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงสุดมาเป็น อันดับ 1 คือ กองทุนเปิด วายุภักษ์1 ภายใต้บริหารงานของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.)เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน)โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 147185.7ล้านบาท มีผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 3.86% อันดับ 2 กองทุนเปิดทีซีเอ็มพลทรัพย์ ภายใต้บริหารงานของ บลจ.ทิสโก้ โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 231.03ล้านบาท มีผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 2.65%
อันดับ 3กองทุนเปิดทิสโก้ เฟล็กซิเบิ้ล ฟันด์ ภายใต้บริหารงานของ บลจ.ทิสโก้ โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 142.79 ล้านบาท มีผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 1.83% อันดับ 4 กองทุนเปิด แอสเซทพลัสสถาบันปันผล ภายใต้บริหารงานของ บลจ.แอสเซทพลัส โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 1150.22 ล้านบาท มีผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 1.18%
อันดับ 5 กองทุนเปิด อยุธยาทุนทวี 3 ภายใต้การบริหารของ บลจ.เอวายเอฟ โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 1684.95 ล้านบาท มีผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 1.17% อันดับ 6 กองทุนเปิด เอ็มเอฟซี แฮปปี้ ดี ไฟฟ์ ฟันด์ ภายใต้การบริหารของ บลจ.เอ็มเอฟซี โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 120.27 ล้านบาท มีผลตอบแทนย้อนหลัง
ตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 1.16%
อันดับ 7 กองทุนเปิดพรีมาเวสท์ สเปซิฟิก เฟล็กซิเบิ้ลฟันด์ ภายใต้การบริหารของ บลจ.พรีมาเวสท์ โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 1569.66 ล้านบาท มีผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 1.14% อันดับ 8 กองทุนเปิด ทิสโก้ เพิ่มผล 6 ภายใต้การบริหารของ บลจ.ทิสโก้ โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 59.16 ล้านบาท มีผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 1.13%
อันดับ 9 กองทุนเปิด ตราสารมั่นคง ภายใต้การบริหารของ บลจ.กสิกรไทย โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 125.77 ล้านบาท มีผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 1.04% และอันดับสุดท้ายได้แก่กองทุนเปิด ทิสโก้ทรัพย์สมบูรณ์ ภายใต้การบริหารของ บลจ.ทิสโก้ โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 117.32 ล้านบาท มีผลตอบแทนย้อนหลัง
ตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 1.03%
เปิดกลยุทธ์กองทุนอันดับ 1
ก่อนหน้านี้ ได้รับการเปิดเผยข้อมูลจาก บลจ.กรุงไทย ที่เป็นหนึ่งในผู้จัดการกองทุนเปิดวายุภักษ์ 1 ว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ของกองทุนวายุภักษ์มีผลกำไรสูงถึงกว่า 4 พันล้านบาท โดยที่ส่วนหนึ่งมาจากเงินปันผลของ ปตท.ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าในพอร์ตการลงทุนของกองทุนวายุภักษ์จะมีการลงทุนในหุ้นพลังงานเป็นส่วนใหญ่อยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม การที่กองทุนมีกำไรถีบตัวสูงขึ้นกว่าปกติ จะเป็นแค่ในช่วงระยะสั้นหากดูเป็นรายไตรมาส แต่ในความเป็นจริงผลการดำเนินงานของกองทุนจะไม่ผันผวนขนาดนี้ หากวัดเป็นระยะในช่วง 6 เดือนถึง 1 ปี เนื่องจากที่ผ่านมาการเติบโตของกำไรจะคงที่อยู่ในช่วง 6-7% มาตลอด ทั้งนี้ การที่ราคาหุ้นของกองทุนวายุภักษ์ที่อยู่ในตลาดมีราคาต่ำกว่าเอ็นเอวี เนื่องจากนักลงทุนยังไม่นิยมลงทุนเท่าไร แต่ในความเป็นจริงแล้วจะไม่เกี่ยวข้องกับ เอ็นเอวี ซึ่งมีการปรับตัวขึ้นมากกว่า 10 บาทต่อหน่วย
“ความจริงเอ็นเอวีเราสูงกว่า 10 บาทแล้ว แต่ราคาที่ซื้อขายในตลาดหุ้นที่ 9 บาทกว่า นั้นก็เป็นอีกราคาหนึ่งจะขึ้นอยู่กับนักลงทุน แต่หากไม่ดูในราคาแล้วเรามีการจ่ายปันผลไปเยอะ อีกทั้งยังมีการการันตีผลตอบแทนที่ 3% ต่อปีอีกด้วย”
อย่างไรก็ตาม การลงทุนของกองทุนวายุภักษ์ ได้มีการปรับพอร์ตไปแล้วเมื่อช่วงต้นปี ซึ่งแนวทางในการลงทุนจะมีการกำหนดในการประชุมคณะกรรมการลงทุนทุกๆ เดือน แต่จะไม่ปรับอะไรมาก หรือถี่ไปนัก ซึ่งทางคณะกรรมการจะมีแนวทางการลงทุนให้เหมาะตามสถานการณ์เศรษฐกิจในขณะนั้นมากกว่า
ยกตัวอย่างเช่น หากคณะกรรมการมองแนวโน้มเศรษฐกิจจะไปได้ดี และมีการบริโภคเพิ่มขึ้น ก็จะเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหุ้นประเภทนี้มากขึ้น ซึ่งในช่วงต้นปีที่ผ่านมาได้มีการปรับสัดส่วนในหุ้นนี้ไปแล้วครั้งหนึ่งเช่นกัน
“คณะกรรมการจะประชุมกันทุกเดือนแต่การปรับพอร์ตคงไม่ถี่นัก เราจะมองว่าราคาหุ้นมันสูงเกินไปตามเกณฑ์ของเราหรือไม่ ก็อาจมีการขายทำกำไรบ้าง อย่างในช่วงต้นปีเราก็เพียงปรับไป โดยมองว่าการบริโภคน่าจะมา เศรษฐกิจเราคงจะโตได้อีก ก็จะหันไปลงทุนตัวนี้ด้วยส่วนหนึ่ง” รายงานข่าวกล่าว