xs
xsm
sm
md
lg

ไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาวอินเตอร์ คว้าแชมป์ผลตอบแทนสูงสุดเดือนเม.ย.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นบ้านเราในช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา ถือว่าค่อนข้างนิ่งพอสมควร ขยับขึ้นๆ ลงๆ ในระดับที่มีการเปลี่ยนแปลงไม่มากนัก ซึ่งเหตุผลหลักน่าจะมาจากปัจจัยทั้งในและต่างประเทศเอง ไม่มีอะไรที่เปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยยะสำคัญมากนัก โดยในส่วนของต่างประเทศเอง มีสัญญาณว่าการพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐน่าจะจบลงแล้ว เนื่องจากมีปัจจัยเรื่องของเงินเฟ้อเข้ามาทดแทน ส่วนปัญหาการเมืองในประเทศเอง ในช่วงที่ผ่านมาก็ซึมซับข่าวไปค่อนข้างมากแล้ว

...ทั้งปัจจัยบวกที่ยังไม่มี และปัจจัยลบที่ไม่สุ่มเข้ามาเพิ่ม จึงทำให้ภาพรวมการลงทุนในตลาดหุ้นไทย ไม่ขยับไปข้างหน้าหรือถอยหลังลงไปมากกว่านี้

แต่อย่างไรก็ตาม จากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ โดยเฉพาะราคาสินค้าเกษตรที่เป็นสินค้าส่งออกของบ้านเราปรับตัวขึ้น ทำให้หลายคนมองไปข้างหน้าว่า เศรษฐกิจในปีนี้อาจจะขยายตัวได้ถึง 6% เลยทีเดียว...แต่ปัญหาเงินเฟ้อที่หลายประเทศเผชิญกันถ้วนหน้าอยู่ในตอนนี้ เป็นโจทย์สำคัญที่ท้าทายการลงทุนในช่วงนี้พอสมควร

ดังนั้น การลงทุนในช่วงนี้ จึงต้องมีการปรับพอร์ตให้เข้ากับสถานการณ์มากที่สุด ซึ่งรวมไปถึงการลงทุนของกองทุนรวมด้วย...Best of Fund ฉบับนี้ จะพาไปตามดูผลการดำเนินงานของกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ว่าในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา มีการบริหารจัดการได้เขากับภาวะการลงทุนในได้มากน้อยแค่ไหน พร้อมกับตามไปดูว่ากองทุนที่ให้ผลตอบแทนเป็นอันดับ 1 มีกลยุทธ์การลงทุนอย่างไร

สำหรับกองทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงสุดมาเป็นอันดับ 1 คือ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาวอินเตอร์ ภายใต้การบริหารของ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไทยพาณิชย์ จำกัด โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 327.74 ล้านบาท และให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปี (Year to Date) อยู่ที่ 4.01% อีกทั้งสามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯที่ 7.00 %

อันดับที่ 2 กองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาวทาร์เก็ต ภายใต้การบริหารของ บลจ. ไทยพาณิชย์ โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 150.90 ล้านบาท และให้ผลตอบแทนย้อนลังตั้งแต่ต้นปี (Year to Date) อยู่ที่ 3.91% อีกทั้งสามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯที่ 6.90% อันดับที่ 3 กองทุนเปิดบีที ไลฟ์ 70 หุ้นระยะยาวปันผล ภายใต้การบริหารของ บลจ. บีที โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 106.05 ล้านบาท และให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปี (Year to Date) อยู่ที่ 3.40% อีกทั้งสามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯที่ 6.39%

อันดับที่ 4 กองทุนเปิดบีที ไลฟ์ หุ้นระยะยาว ภายใต้การบริหารของ บลจ. บีที โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 71.27 ล้านบาท และให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปี (Year to Date) อยู่ที่ 2.48% อีกทั้งสามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯที่ 5.47% อันดับ 5 กองทุนเปิดกรุงไทยหุ้นระยะยาว70/30 ภายใต้การบริหารของ บลจ. กรุงไทยโดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 73.10 ล้านบาท และให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปี (Year to Date) อยู่ที่ 2.11% อีกทั้งสามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯที่ 5.10%

อันดับที่ 6 กองทุนเปิดทิสโก้ หุ้นระยะยาวปันผล ภายใต้การบริหารของ บลจ.ทิสโก้ โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 92.77 ล้านบาท และให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปี (Year to Date) อยู่ที่ 1.62% อีกทั้งสามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯที่ 4.61% อันดับที่ 7 กองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาว เอ็มเอไอ ภายใต้การบริหารของ บลจ. ไทยพาณิชย์ โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 1,181.56 ล้านบาท และให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปี (Year to Date) อยู่ที่ 1.15% อีกทั้งสามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯที่ 4.14 %

อันดับที่ 8 กองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาวสมาร์ท ภายใต้การบริหารของ บลจ.ไทยพาณิชย์ โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 871.59 ล้านบาท และให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปี (Year to Date) อยู่ที่ 0.98% อีกทั้งสามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯที่ 3.97% อันดับที่ 9 กองทุนเปิด หุ้นระยะยาวอยุธยาอิควิตี้ ภายใต้การบริหารของ บลจ.อยุธยา โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 315.82 ล้านบาท และให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปี (Year to Date) อยู่ที่ 0.91% อีกทั้งสามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯที่ 3.90%

และในอันดับสุดท้าย คือ กองทุนเปิดวรรณเอเอ็มสมาร์ทหุ้นระยะยาว ภายใต้การบริหารของ บลจ.วรรณ โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 27.50 ล้านบาท และให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปี (Year to Date) อยู่ที่ 0.78% อีกทั้งสามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯที่ 3.77%

เปิดกลยุทธ์กองทุนอันดับ 1
วิชชุ จันทาทับ ผู้อำนวยการฝ่ายการลงทุนตราสารทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด เล่าถึง กองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาวอินเตอร์ว่า กองทุนแบ่งการลงทุนเป็น 4 ส่วน คือ 1.เลือกลงทุนในหุ้นตัวใหญ่ๆ 2.เลือกลงทุนในหุ้นตัวใหญ่เฉพาะที่น่าสนใจแต่เลือกลงทุนเป็นตัวๆ 3. เลือกลงทุนในหุ้นกลุ่มขนาดกลาง ขนาดเล็ก เอ็มเอไอ หรือสมอลแค๊ป(small cap) จำนวน1 ใน3 ของหุ้น เป็นหุ้นเทรดดิ้ง และ ส่วนสุดท้ายคือการเลือกลงทุนในต่างประเทศ ยูโรโซน 6-7% ของกองทุน พร้อมทั้งมีการซื้อขายทำกำไรระยะสั้น โดยจะเลือกซื้อเฉพาะตัวที่มีผลประกอบการดี และนำขายออก

สำหรับการลงทุนในต่างประเทศนั้น เป็นการลงทุนในหุ้น โดยที่เลือกแบ่งสัดส่วนการลงทุนออกเป็น การลงทุนหุ้นในยุโรป 4 % ของกองทุน แล้วเลือกลงทุนหุ้นในกลุ่มเอเชีย 3% ของหุ้นทั้งหมด สรุปแล้วทางกองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาวอินเตอร์ มีน้ำหนักการลงทุนในต่างประเทศ 7%

นอกจากนี้ บลจ. ไทยพาณิชย์ ได้เผยถึงกลยุทธ์ในการลงทุนว่า ทาง บลจ.จะเน้นการซื้อขายในระยะสั้น ไม่เกร็งกำไร โดยในช่วง มีนาคม- เมษายน ที่ผ่านมา ทางบริษัทได้เน้นการลงทุนในกลุ่มแบงก์ แล้วลดการลงทุนในกลุ่มของพลังงานลง แต่เมื่อใดที่ หุ้นกลุ่มแบงก์ได้รับความสนใจ บลจ.จะลดการลงทุนในกลุ่มแบงก์แล้วไปเพิ่มการลงทุนในกลุ่มพลังงานแทน เป็นการสับเปลี่ยนไปมา
กำลังโหลดความคิดเห็น