เมื่อวานนี้ (3 มี.ค.) ที่ห้องประชุมผู้ตรวจกระทรวงมหาดไทย เครือข่ายคณาจารย์ด้านรัฐศาสตร์ และรัฐประศาสนศาสตร์ 9 สถาบัน นำโดย นายไชยันต์ ไชยพร นายพิพัฒน์ ไทยอารีย์ นายตระกูล มีชัย อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ และตัวแทนจากสมาคมรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ ภาคใต้ ได้เข้าพบ นายจาดุร อภิชาตบุตร หัวหน้าผู้ตรวจกระทรวงมหาดไทย เพื่อมอบดอกไม้ให้กำลังใจ สนับสนุนความกล้าหาญที่กล้าออกมาเปิดเผยการทุจริตซื้อขายตำแหน่งในกระทรวงมหาดไทย
โดยนายจรัส สุวรรณมาลา ได้อ่าน “ประกาศสรรเสริญบทบาทใหม่ของข้าราชการไทย ที่ต่อสู้เพื่อธรรมาภิบาลในระบบราชการและคุณธรรมในบ้านเมือง” มีใจความว่า กรณีหัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย นายจาดุร อภิชาตบุตร ได้เปิดเผยข้อมูลการทุจริตซื้อขายตำแหน่งของข้าราชการในกระทรวงมหาดไทย ซึ่งตามมาด้วยการถูกฟ้องร้องดำเนินคดี และอาจจะถูกกลั่นแกล้งให้ประสบเคราะห์กรรมอื่นๆได้อีก ควรที่คนไทยผู้รักความเป็นธรรมจะได้ออกมาปกป้อง เพื่อส่งเสริมและรักษาคนดี ให้คงอยู่เป็นแกนในการบริหารบ้านเมืองต่อไป
คณาจารย์ด้านรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ เห็นว่า การกระทำของนายจาดุรเป็นพฤติกรรมที่ควรแก่การสรรเสริญเชิดชู และควรส่งเสริมให้ข้าราชการไทยมีพฤติกรรมเยี่ยงนายจาดุร นี้ให้มากขึ้น เพื่อร่วมต่อสู้ในความเลวร้ายต่างๆ ดังนี้
**ขรก.ไทยเสพติด"ทุจริตนิยม"
1. สังคมข้าราชการไทยนับวันจะตกต่ำลงเรื่อยๆ อันเนื่องมาจากการแข่งขันชิงดีในตำแหน่งหน้าที่ และการแสวงหาประโยชน์ส่วนตน จนยอมเสียเกียรติ ขายศักดิ์ศรี ก้มหัวให้นักการเมือง และพ่อค้า ทำให้ประชาชนเกิดความเอือมระอา มองข้าราชการด้วยความเหยียดหยัน และหมดศรัทธาในราชการไทยทั้งระบบ
2. นักการเมืองจะโกงกินไม่ได้เลย ถ้าข้าราชการเลวๆไม่ให้ความร่วมมือ ตั้งแต่การแนะนำช่องทางแก่นักการเมือง ชงเรื่อง ตั้งแท่น และจัดเก็บผลประโยชน์ต่างๆ มาให้
อนึ่งประเทศไทยจะเจริญไปไกลกว่านี้ ถ้าไม่มีเหลือบ แร้ง และ ตะกวด ที่อาศัยร่างผู้ทรงเกียรติทั้งนักการเมืองและข้าราชการ ปู้ยี่ปู้ยำ กระทำความฉิบหายให้ประเทศ
3.นอกจาก “ธนาธิปไตย” จะขยายตัวเข้ามายังระบบราชการอย่างน่ากลัวแล้ว ข้าราชการไทยยังเสพติด “ทุจริตนิยม” อย่างรุนแรง คือ มองว่าการทุจริตเป็นเรื่องปกติ คนไม่ทำคือ คนโง่และไม่มีอนาคต ข้าราชการไทยจึงจมอยู่ในมิจฉาทิฐิ เห็นกงจักรเป็นดอกบัว เมามัวว่าการทำลายชาติ คือวิถีของข้าราชการที่ประสบความสำเร็จ
ดังนั้น ขอให้คนไทยจงช่วยกันปกป้องและยกย่องข้าราชการและบุคคลที่มีความกล้าหาญเยี่ยงนายจาดุร เพื่อสร้างเสริมความเป็นธรรมาภิบาลให้คืนสู่ระบบราชการไทย และพัฒนาระบบคุณธรรมในบ้านเมืองของเราให้มั่นคงแข็งแรงสืบไป
ทั้งนี้ เครือข่ายประกอบไปด้วย อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ และคณะรัฐประศาสนศาสตร์ จาก จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช มหาวิทยาลัยรามคำแหง สถาบันพัฒนบัณฑิตบริหารศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ หาดใหญ่ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ปัตตานี สมาคมรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์แห่งภาคใต้ และวิทยาลัยการเมืองการปกครอง มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
**จี้"อภิสิทธิ์"จัดการอย่างจริงจัง
นายจรัส กล่าวว่า การที่มีข่าวเรื่องการซื้อขายตำแหน่งในกระทรวงมหาดไทย กระทบกับความรู้สึกของประชาชนอย่างมาก เพราะทุกวันนี้ เวลาผู้ว่าฯ เดินไปไหนมาไหน ประชาชนก็แอบคิดว่า ผู้ว่าฯคนนี้ซื้อตำแหน่งมาหรือเปล่า และจะมาบริหารราชการแผ่นดินได้อย่างไร
ดังนั้น เรื่องนี้ทางเครือข่ายจึงขอเรียกร้องให้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เข้ามาดูแลเรื่องนี้อย่างจริงจัง ในฐานะที่นายกฯ เป็นประธานสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน เพื่อทำให้เรื่องนี้กระจ่าง เพราะหากมีการซื้อขายตำแหน่งจริง ผลกระทบจะตกอยู่กับประชาชนนั่นเอง ในส่วนของข้าราชการเอง ทางเครือข่ายเห็นว่า ควรมีการรวมกลุ่มเหมือนกับกลุ่มแพทย์ชนบท ที่มีพลังคานกับอำนาจฝ่ายการเมือง และทำให้การตรวจสอบการทุจริต คอร์รัปชัน มีความเข้มแข็ง ข้าราชการทุกคนต้องมีความกล้าหาญ เพราะข้าราชการเข้มแข็งก็จะสามารถป้องกันและจัดการกับนักการเมืองจนสามารถเข้าคุกได้
**ต้องยึด"คุณธรรม"แทน"อุปถัมภ์"
ด้านนายจาดุร กล่าวว่า นายมานิต วัฒนเสน ปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้มอบหมายให้ตนได้ชี้แจงในเรื่องนี้อีกครั้ง ซึ่งตนขอยืนยันว่า ส่วนตัวไม่ได้ พูดว่า“ในยุคปัจจุบันกระทรวงมหาดไทยตกต่ำสุดขีด มีการซื้อขายตำแหน่ง โดยเฉพาะตำแหน่งอธิบดี 300-400 ล้านบาท ตลอดจนมีการแทรกแซงจากฝ่ายการเมือง"
แต่ส่วนตัวพูดในลักษณะที่ว่า ขณะนี้คำว่า ธรรมมาภิบาลที่ต้องมีคนครบถ้วน เพื่อเข้าไปสู่ตำแหน่ง มีกติกาที่ชัดเจน มีเรื่องคุณสมบัติ และอาวุโส รวมถึงการที่กระบวนการต้องโปร่งใสตรวจสอบได้ ซึ่งหาก คำว่าธรรมาภิบาล ในเรื่องการโยกย้ายบุคคลมีความหมายแบบนี้ สามารถพูดได้ว่า คำว่า ธรรมาภิบาล ไม่มีอยู่ในกระทรวงมหาดไทยในตอนนี้เลย
ในส่วนเรื่องการซื้อตำแหน่งนั้น คงไม่ใช่การเอาเงินมากองตรงหน้า แต่หมายถึงการมีงบประมาณ แล้วมีการแบ่งเปอร์เซ็นต์กัน ระหว่างฝ่ายการเมืองกับข้าราชการ ซึ่งแต่ละกระทรวง ต้องไปตอบกันเองว่า มีอยู่หรือไม่ เพราะที่ผ่านมา ข้าราชการมักจะตกเป็นเหยื่อตลอด
“ผมเน้นไปที่ข้าราชการประจำ ซึ่งก็คือตำแหน่งปลัดกระทรวง เพราะเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดของข้าราชการประจำ รัฐมนตรีเป็นเพียงผู้บังคับบัญชาตามกฎหมายเท่านั้น ดังนั้น ในฐานะที่ปลัดกระทรวงเป็นผู้บังคับบัญชาของข้าราชการ ต้องมีเกราะคุ้มครองข้าราชการ ซึ่งยากไม่ยาก เพราะขอแค่มีระบบคุณธรรมเท่านั้นที่จะมาแทนระบบอุปถัมภ์ และจะทำให้ไม่มีเรื่องผลประโยชน์ส่วนตัว หรือ ผลประโยชน์ครอบครัว ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องทางการเมืองทั้งสิ้น ดังนั้น จึงมีคุณสมบัติข้าราชการที่ว่า ข้าราชการต้องเป็นกลางทางการเมือง เพื่อให้ใช้อำนาจเพื่อประชาชน ไม่ใช่ใช้อำนาจตามอำเภอใจ โดยมีเงื่อนไขตอบแทน เล่นพรรคเล่นพวก ทำให้ระบบราชการมัวหมอง ทั้งนี้หากย้อนมาที่กระทรวงมหาดไทย ซึ่งหากได้นายอำเภอมาไม่เหมาะสม แล้วกลายเป็นคนแสวงหาประโยชน์ เพราะนายอำเภอต้องใช้เงินซื้อตำแหน่งมา แล้วถามว่า นายอำเภอจะเอาเงินคืนที่ไหน” นายจาดุรกล่าว
นายจาดุร กล่าวอีกว่า ขอเรียกร้องให้ข้าราชการออกมาเปิดเผยความไม่ชอบมาพากลต่างๆ โดยเฉพาะในเรื่องการสอบ การโยกย้ายแต่งตั้ง เพราะทุกวันนี้ มีหลายองค์กรที่ต้องการสอบสวนเรื่องนี้อยู่
ทั้งนี้ มาตรา 98 ของพ.ร.บ. บริหารราชการพลเรือน ได้ระบุว่า กรณีที่ข้าราชการมีการเปิดเผยเรื่องการคอร์รัปชัน ผู้บังคับบัญชาที่จะต้องปกป้องและป้องกัน ดังนั้นจึงอยากให้ ก.พ. ทำหน้าที่ให้มากกว่านี้ และอยากให้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในฐานะประธาน ก.พ.ขับเคลื่อนการออกกฎหมายคุ้มครองข้าราชการที่กล้าหาญอย่างจริงจังด้วย
**คณาจารย์มธ.ร่วมออกแถลงการณ์
ขณะที่ คณาจารย์จากคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้ออกแถลงการณ์ว่า สืบเนื่องจากข่าวการสัมมนา “ธรรมาภิบาลในการแต่งตั้งโยกย้าย ศึกษากรณีกระทรวงมหาดไทย” ที่รัฐสภา เมื่อวันที่ 18 ก.พ. 53 ชี้ให้เห็นว่า ระบบราชการไทยกำลังเผชิญปัญหาการซื้อขายตำแหน่ง ในกระทรวงมหาดไทย จนเกิดการวิพากษ์วิจารณ์ และจะฟ้องร้องผู้ให้ความเห็นในขณะนี้
ในฐานะสถาบันการศึกษาที่ทำหน้าที่ผลิตบัณฑิตที่ออกรับใช้ในส่วนต่างๆ ของภาครัฐรวมทั้งกระทรวงมหาดไทยด้วย คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เห็นว่าถ้าการซื้อขายตำแหน่งสำคัญในกระทรวงเกิดขึ้นจริง ก็เป็นปัญหาใหญ่หลวงของประเทศและประชาชน เพราะขัดกับหลักธรรมาภิบาล และส่งผลบั่นทอนทั้งประสิทธิภาพของระบบราชการที่จะตอบสนองความต้องการของผู้คนพลเมืองนั้นเอง ซึ่งจะกระทบความศรัทธาเชื่อถือของสังคมไทยโดยรวม
คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เห็นว่าทางออกที่สำคัญทางหนึ่งในเรื่องนี้ คือเปิดพื้นที่ให้แก่ผู้ที่ทำให้สังคมไทยตระหนักว่าเกิดปัญหาขึ้นแล้ว พยายามสร้างกระบวนการในระบบราชการให้เกิดการตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องที่เกิดขึ้น และพยายามสร้างระบบบริหารราชการบุคคลโดยยึดหลักคุณธรรม และธรรมาภิบาล อันเป็นหนทางเผชิญกับปัญหาดังกล่าว อย่างมีสติ และเหตุผล ซึ่งน่าจะมีส่วนสร้างความเข้มแข็งให้กับกระทรวงมหาดไทย ระบบราชการและสังคมไทยโดยรวมได้อย่างมั่นคง
โดยนายจรัส สุวรรณมาลา ได้อ่าน “ประกาศสรรเสริญบทบาทใหม่ของข้าราชการไทย ที่ต่อสู้เพื่อธรรมาภิบาลในระบบราชการและคุณธรรมในบ้านเมือง” มีใจความว่า กรณีหัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย นายจาดุร อภิชาตบุตร ได้เปิดเผยข้อมูลการทุจริตซื้อขายตำแหน่งของข้าราชการในกระทรวงมหาดไทย ซึ่งตามมาด้วยการถูกฟ้องร้องดำเนินคดี และอาจจะถูกกลั่นแกล้งให้ประสบเคราะห์กรรมอื่นๆได้อีก ควรที่คนไทยผู้รักความเป็นธรรมจะได้ออกมาปกป้อง เพื่อส่งเสริมและรักษาคนดี ให้คงอยู่เป็นแกนในการบริหารบ้านเมืองต่อไป
คณาจารย์ด้านรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ เห็นว่า การกระทำของนายจาดุรเป็นพฤติกรรมที่ควรแก่การสรรเสริญเชิดชู และควรส่งเสริมให้ข้าราชการไทยมีพฤติกรรมเยี่ยงนายจาดุร นี้ให้มากขึ้น เพื่อร่วมต่อสู้ในความเลวร้ายต่างๆ ดังนี้
**ขรก.ไทยเสพติด"ทุจริตนิยม"
1. สังคมข้าราชการไทยนับวันจะตกต่ำลงเรื่อยๆ อันเนื่องมาจากการแข่งขันชิงดีในตำแหน่งหน้าที่ และการแสวงหาประโยชน์ส่วนตน จนยอมเสียเกียรติ ขายศักดิ์ศรี ก้มหัวให้นักการเมือง และพ่อค้า ทำให้ประชาชนเกิดความเอือมระอา มองข้าราชการด้วยความเหยียดหยัน และหมดศรัทธาในราชการไทยทั้งระบบ
2. นักการเมืองจะโกงกินไม่ได้เลย ถ้าข้าราชการเลวๆไม่ให้ความร่วมมือ ตั้งแต่การแนะนำช่องทางแก่นักการเมือง ชงเรื่อง ตั้งแท่น และจัดเก็บผลประโยชน์ต่างๆ มาให้
อนึ่งประเทศไทยจะเจริญไปไกลกว่านี้ ถ้าไม่มีเหลือบ แร้ง และ ตะกวด ที่อาศัยร่างผู้ทรงเกียรติทั้งนักการเมืองและข้าราชการ ปู้ยี่ปู้ยำ กระทำความฉิบหายให้ประเทศ
3.นอกจาก “ธนาธิปไตย” จะขยายตัวเข้ามายังระบบราชการอย่างน่ากลัวแล้ว ข้าราชการไทยยังเสพติด “ทุจริตนิยม” อย่างรุนแรง คือ มองว่าการทุจริตเป็นเรื่องปกติ คนไม่ทำคือ คนโง่และไม่มีอนาคต ข้าราชการไทยจึงจมอยู่ในมิจฉาทิฐิ เห็นกงจักรเป็นดอกบัว เมามัวว่าการทำลายชาติ คือวิถีของข้าราชการที่ประสบความสำเร็จ
ดังนั้น ขอให้คนไทยจงช่วยกันปกป้องและยกย่องข้าราชการและบุคคลที่มีความกล้าหาญเยี่ยงนายจาดุร เพื่อสร้างเสริมความเป็นธรรมาภิบาลให้คืนสู่ระบบราชการไทย และพัฒนาระบบคุณธรรมในบ้านเมืองของเราให้มั่นคงแข็งแรงสืบไป
ทั้งนี้ เครือข่ายประกอบไปด้วย อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ และคณะรัฐประศาสนศาสตร์ จาก จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช มหาวิทยาลัยรามคำแหง สถาบันพัฒนบัณฑิตบริหารศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ หาดใหญ่ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ปัตตานี สมาคมรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์แห่งภาคใต้ และวิทยาลัยการเมืองการปกครอง มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
**จี้"อภิสิทธิ์"จัดการอย่างจริงจัง
นายจรัส กล่าวว่า การที่มีข่าวเรื่องการซื้อขายตำแหน่งในกระทรวงมหาดไทย กระทบกับความรู้สึกของประชาชนอย่างมาก เพราะทุกวันนี้ เวลาผู้ว่าฯ เดินไปไหนมาไหน ประชาชนก็แอบคิดว่า ผู้ว่าฯคนนี้ซื้อตำแหน่งมาหรือเปล่า และจะมาบริหารราชการแผ่นดินได้อย่างไร
ดังนั้น เรื่องนี้ทางเครือข่ายจึงขอเรียกร้องให้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เข้ามาดูแลเรื่องนี้อย่างจริงจัง ในฐานะที่นายกฯ เป็นประธานสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน เพื่อทำให้เรื่องนี้กระจ่าง เพราะหากมีการซื้อขายตำแหน่งจริง ผลกระทบจะตกอยู่กับประชาชนนั่นเอง ในส่วนของข้าราชการเอง ทางเครือข่ายเห็นว่า ควรมีการรวมกลุ่มเหมือนกับกลุ่มแพทย์ชนบท ที่มีพลังคานกับอำนาจฝ่ายการเมือง และทำให้การตรวจสอบการทุจริต คอร์รัปชัน มีความเข้มแข็ง ข้าราชการทุกคนต้องมีความกล้าหาญ เพราะข้าราชการเข้มแข็งก็จะสามารถป้องกันและจัดการกับนักการเมืองจนสามารถเข้าคุกได้
**ต้องยึด"คุณธรรม"แทน"อุปถัมภ์"
ด้านนายจาดุร กล่าวว่า นายมานิต วัฒนเสน ปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้มอบหมายให้ตนได้ชี้แจงในเรื่องนี้อีกครั้ง ซึ่งตนขอยืนยันว่า ส่วนตัวไม่ได้ พูดว่า“ในยุคปัจจุบันกระทรวงมหาดไทยตกต่ำสุดขีด มีการซื้อขายตำแหน่ง โดยเฉพาะตำแหน่งอธิบดี 300-400 ล้านบาท ตลอดจนมีการแทรกแซงจากฝ่ายการเมือง"
แต่ส่วนตัวพูดในลักษณะที่ว่า ขณะนี้คำว่า ธรรมมาภิบาลที่ต้องมีคนครบถ้วน เพื่อเข้าไปสู่ตำแหน่ง มีกติกาที่ชัดเจน มีเรื่องคุณสมบัติ และอาวุโส รวมถึงการที่กระบวนการต้องโปร่งใสตรวจสอบได้ ซึ่งหาก คำว่าธรรมาภิบาล ในเรื่องการโยกย้ายบุคคลมีความหมายแบบนี้ สามารถพูดได้ว่า คำว่า ธรรมาภิบาล ไม่มีอยู่ในกระทรวงมหาดไทยในตอนนี้เลย
ในส่วนเรื่องการซื้อตำแหน่งนั้น คงไม่ใช่การเอาเงินมากองตรงหน้า แต่หมายถึงการมีงบประมาณ แล้วมีการแบ่งเปอร์เซ็นต์กัน ระหว่างฝ่ายการเมืองกับข้าราชการ ซึ่งแต่ละกระทรวง ต้องไปตอบกันเองว่า มีอยู่หรือไม่ เพราะที่ผ่านมา ข้าราชการมักจะตกเป็นเหยื่อตลอด
“ผมเน้นไปที่ข้าราชการประจำ ซึ่งก็คือตำแหน่งปลัดกระทรวง เพราะเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดของข้าราชการประจำ รัฐมนตรีเป็นเพียงผู้บังคับบัญชาตามกฎหมายเท่านั้น ดังนั้น ในฐานะที่ปลัดกระทรวงเป็นผู้บังคับบัญชาของข้าราชการ ต้องมีเกราะคุ้มครองข้าราชการ ซึ่งยากไม่ยาก เพราะขอแค่มีระบบคุณธรรมเท่านั้นที่จะมาแทนระบบอุปถัมภ์ และจะทำให้ไม่มีเรื่องผลประโยชน์ส่วนตัว หรือ ผลประโยชน์ครอบครัว ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องทางการเมืองทั้งสิ้น ดังนั้น จึงมีคุณสมบัติข้าราชการที่ว่า ข้าราชการต้องเป็นกลางทางการเมือง เพื่อให้ใช้อำนาจเพื่อประชาชน ไม่ใช่ใช้อำนาจตามอำเภอใจ โดยมีเงื่อนไขตอบแทน เล่นพรรคเล่นพวก ทำให้ระบบราชการมัวหมอง ทั้งนี้หากย้อนมาที่กระทรวงมหาดไทย ซึ่งหากได้นายอำเภอมาไม่เหมาะสม แล้วกลายเป็นคนแสวงหาประโยชน์ เพราะนายอำเภอต้องใช้เงินซื้อตำแหน่งมา แล้วถามว่า นายอำเภอจะเอาเงินคืนที่ไหน” นายจาดุรกล่าว
นายจาดุร กล่าวอีกว่า ขอเรียกร้องให้ข้าราชการออกมาเปิดเผยความไม่ชอบมาพากลต่างๆ โดยเฉพาะในเรื่องการสอบ การโยกย้ายแต่งตั้ง เพราะทุกวันนี้ มีหลายองค์กรที่ต้องการสอบสวนเรื่องนี้อยู่
ทั้งนี้ มาตรา 98 ของพ.ร.บ. บริหารราชการพลเรือน ได้ระบุว่า กรณีที่ข้าราชการมีการเปิดเผยเรื่องการคอร์รัปชัน ผู้บังคับบัญชาที่จะต้องปกป้องและป้องกัน ดังนั้นจึงอยากให้ ก.พ. ทำหน้าที่ให้มากกว่านี้ และอยากให้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในฐานะประธาน ก.พ.ขับเคลื่อนการออกกฎหมายคุ้มครองข้าราชการที่กล้าหาญอย่างจริงจังด้วย
**คณาจารย์มธ.ร่วมออกแถลงการณ์
ขณะที่ คณาจารย์จากคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้ออกแถลงการณ์ว่า สืบเนื่องจากข่าวการสัมมนา “ธรรมาภิบาลในการแต่งตั้งโยกย้าย ศึกษากรณีกระทรวงมหาดไทย” ที่รัฐสภา เมื่อวันที่ 18 ก.พ. 53 ชี้ให้เห็นว่า ระบบราชการไทยกำลังเผชิญปัญหาการซื้อขายตำแหน่ง ในกระทรวงมหาดไทย จนเกิดการวิพากษ์วิจารณ์ และจะฟ้องร้องผู้ให้ความเห็นในขณะนี้
ในฐานะสถาบันการศึกษาที่ทำหน้าที่ผลิตบัณฑิตที่ออกรับใช้ในส่วนต่างๆ ของภาครัฐรวมทั้งกระทรวงมหาดไทยด้วย คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เห็นว่าถ้าการซื้อขายตำแหน่งสำคัญในกระทรวงเกิดขึ้นจริง ก็เป็นปัญหาใหญ่หลวงของประเทศและประชาชน เพราะขัดกับหลักธรรมาภิบาล และส่งผลบั่นทอนทั้งประสิทธิภาพของระบบราชการที่จะตอบสนองความต้องการของผู้คนพลเมืองนั้นเอง ซึ่งจะกระทบความศรัทธาเชื่อถือของสังคมไทยโดยรวม
คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เห็นว่าทางออกที่สำคัญทางหนึ่งในเรื่องนี้ คือเปิดพื้นที่ให้แก่ผู้ที่ทำให้สังคมไทยตระหนักว่าเกิดปัญหาขึ้นแล้ว พยายามสร้างกระบวนการในระบบราชการให้เกิดการตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องที่เกิดขึ้น และพยายามสร้างระบบบริหารราชการบุคคลโดยยึดหลักคุณธรรม และธรรมาภิบาล อันเป็นหนทางเผชิญกับปัญหาดังกล่าว อย่างมีสติ และเหตุผล ซึ่งน่าจะมีส่วนสร้างความเข้มแข็งให้กับกระทรวงมหาดไทย ระบบราชการและสังคมไทยโดยรวมได้อย่างมั่นคง