xs
xsm
sm
md
lg

อาจารย์รัฐศาสตร์ 9 สถาบันเชียร์ “จาดุร” แฉเซ็งลี้เก้าอี้ มท.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

จาดุร อภิชาตบุตร
เครือข่ายคณะจารย์รัฐศาสตร์-รัฐประศาสนศาสตร์ 9 สถาบัน ให้กำลังใจ “จาดุร” แฉซื้อขายตำแหน่งในมหาดไทย จี้ “มาร์ค” เข้ามาดูแลการเซ็งลี้เก้าอี้อย่าจริงจัง ด้าน “จาดุร” เรียกร้อง ขรก.กล้าออกมาเปิดเผยความไม่ชอบมาพากล ขณะเดียวกัน ก.พ.ต้องออกมาช่วยปกป้อง พร้อมออกกฎหมายคุ้มครองข้าราชการที่กล้าพูดความจริง

ที่ห้องประชุมผู้ตรวจกระทรวงมหาดไทย วานนี้ (3 มี.ค.) เครือข่ายคณาจารย์ด้านรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ จำนวน 9 สถาบัน นำโดยนายไชยันต์ ไชยพร นายพิพัฒน์ ไทยอารีย์ นายตระกูล มีชัย อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และตัวแทนจากสมาคมรัฐศาสตร์และรัฐศาสนศาสตร์ภาคใต้ อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ และคณะรัฐประศาสนศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช มหาวิทยาลัยรามคำแหง สถาบันพัฒนบัณฑิตบริหารศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ หาดใหญ่ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ปัตตานี สมาคมรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์แห่งภาคใต้ และวิทยาลัยการเมืองการปกครอง มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ได้เดินทางเข้าพบ นายจาดุร อภิชาตบุตร หัวหน้าผู้ตรวจกระทรวงมหาดไทย เพื่อมอบดอกไม้ให้กำลังใจ สนับสนุนความกล้าหาญที่กล้าออกมาเปิดเผยการทุจริตซื้อขายตำแหน่งในกระทรวงมหาดไทย

นายจรัสได้อ่าน “ประกาศสรรเสริญบทบาทใหม่ของข้าราชการไทยที่ต่อสู้เพื่อธรรมาภิบาลในระบบราชการและคุณธรรมในบ้านเมือง” สรุปว่า การที่ นายจาดุร ได้เปิดเผยข้อมูลการทุจริตซื้อขายตำแหน่งของข้าราชการในกระทรวงมหาดไทย จนถูกฟ้องร้องดำเนินคดี และอาจจะถูกกลั่นแกล้งให้ประสบเคราะห์กรรมอื่นๆ ได้อีก ควรที่คนไทยผู้รักความเป็นธรรมจะได้ออกมาปกป้อง เพื่อส่งเสริมและรักษาคนดี ให้คงอยู่เป็นแกนในการบริหารบ้านเมืองต่อไป ซึ่งคณาจารย์ด้านรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ เห็นว่าการกระทำของนายจาดุรเป็นพฤติกรรมที่ควรแก่การสรรเสริญเชิดชู และควรส่งเสริมให้ข้าราชการไทยมีพฤติกรรมเยี่ยงนายจาดุรนี้ให้มากขึ้น เพื่อร่วมต่อสู้ในความเลวร้ายต่างๆ ดังนี้

1.สังคมข้าราชการไทยนับวันจะตกต่ำลงเรื่อยๆ อันเนื่องมาจากการแข่งขันชิงดีในตำแหน่งหน้าที่และการแสวงหาประโยชน์ส่วนตน จนยอมเสียเกียรติขายศักดิ์ศรี ก้มหัวให้นักการเมืองและพ่อค้า ทำให้ประชาชนเกิดความเอือมระอา มองข้าราชการด้วยความเหยียดหยัน และหมดศรัทธาในราชการไทยทั้งระบบ

2.นักการเมืองจะโกงกินไม่ได้เลย ถ้าข้าราชการเลวๆ ไม่ให้ความร่วมมือ ตั้งแต่การแนะนำช่องทางแก่นักการเมือง ชงเรื่อง ตั้งแท่น และจัดเก็บผลประโยชน์ต่างๆ มาให้ อนึ่งประเทศไทยจะเจริญไปไกลกว่านี้ ถ้าไม่มีเหลือบ แร้ง และตะกวด ที่อาศัยร่างผู้ทรงเกียรติทั้งนักการเมืองและข้าราชการ ปู้ยี่ปู้ยำกระทำความฉิบหายให้ประเทศ

3.นอกจาก “ธนาธิปไตย” จะขยายตัวเข้ามายังระบบราชการอย่างน่ากลัวแล้ว ข้าราชการไทยยังเสพติด “ทุจริตนิยม” อย่างรุนแรง คือมองว่าการทุจริตเป็นเรื่องปกติ คนไม่ทำคือคนโง่และไม่มีอนาคต ข้าราชการไทยจึงจมอยู่ในมิจฉาทิฐิ เห็นกงจักรเป็นดอกบัว เมามัวว่าการทำลายชาติคือวิถีของข้าราชการที่ประสบความสำเร็จ

ดังนั้น ขอให้คนไทยจงช่วยกันปกป้อง และยกย่องข้าราชการและบุคคลที่มีความกล้าหาญเยี่ยงนายจาดุร เพื่อสร้างเสริมความเป็นธรรมาภิบาลให้คืนสู่ระบบราชการไทย และพัฒนาระบบคุณธรรมในบ้านเมืองของเราให้มั่นคงแข็งแรงสืบไป

นายจรัสกล่าวว่า การที่มีข่าวเรื่องการซื้อขายตำแหน่งในกระทรวงมหาดไทย กระทบกับความรู้สึกของประชาชนอย่างมาก เพราะทุกวันนี้เวลาผู้ว่าฯ เดินไปไหนมาไหน ประชาชนก็แอบคิดว่าผู้ว่าฯ คนนี้ซื้อตำแหน่งมาหรือเปล่า และจะมาบริหารราชการแผ่นดินได้อย่างไร ดังนั้น เรื่องนี้ ทางเครือข่ายจึงขอเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เข้ามาดูแลเรื่องนี้อย่างจริงจัง ในฐานะที่นายกฯ เป็นประธานสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน เพื่อทำให้เรื่องนี้กระจ่างเพราะหากมีการซื้อขายตำแหน่งจริง ผลกระทบจะตกอยู่กับประชาชนนั่นเอง ในส่วนของข้าราชการเอง ทางเครือข่ายเห็นว่าควรมีการรวมกลุ่มเหมือนกับกลุ่มแพทย์ชนบท ที่มีพลังคานกับอำนาจฝ่ายการเมืองและทำให้การตรวจสอบการทุจริตคอรัปชั่นมีความเข้มแข็ง ข้าราชการทุกคนต้องมีความกล้าหาญ เพราะข้าราชการเข้มแข็งก็จะสามารถป้องกันและจัดการกับนักการเมืองจนสามารถเข้าคุกได้

ด้าน นายจาดุรกล่าวว่า นายมานิต วัฒนเสน ปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้มอบหมายให้ตนเองได้ชี้แจงในเรื่องนี้อีกครั้ง ซึ่งตนเองขอยืนยันว่าส่วนตัวไม่ได้พูดว่า “ในยุคปัจจุบันกระทรวงมหาดไทยตกต่ำสุดขีด มีการซื้อขายตำแหน่งโดยเฉพาะตำแหน่งอธิบดี 300-400 ล้านบาท ตลอดจนมีการแทรกแซงจากฝ่ายการเมือง” แต่ส่วนตัวพูดในลักษณะที่ว่า ขณะนี้คำว่าธรรมมาภิบาลที่ต้องมีคนครบถ้วนเพื่อเข้าไปสู่ตำแหน่ง มีกติกาที่ชัดเจน มีเรื่องคุณสมบัติและอาวุโส รวมถึงการที่กระบวนการต้องโปร่งใสตรวจสอบได้ ซึ่งหากคำว่าธรรมาภิบาลในเรื่องการโยกย้ายบุคคลมีความหมายแบบนี้ สามารถพูดได้ว่าคำว่า ธรรมาภิบาลไม่มีอยู่ในกระทรวงมหาดไทยในตอนนี้เลย ในส่วนเรื่องการซื้อตำแหน่งนั้นคงไม่ใช่การเอาเงินมากองตรงหน้า แต่หมายถึงการมีงบประมาณแล้วมีการแบ่งเปอร์เซ็นกันระหว่างฝ่ายการเมืองกับข้าราชการ ซึ่งแต่ละกระทรวงต้องไปตอบกันเองว่ามีอยู่หรือไม่ เพราะที่ผ่านมาข้าราชการมักจะตกเป็นเหยื่อตลอด

“ผมเน้นไปที่ข้าราชการประจำ ซึ่งก็คือตำแหน่งปลัดกระทรวง เพราะเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดของข้าราชการประจำ รัฐมนตรีเป็นเพียงผู้บังคับบัญชาตามกฎหมายเท่านั้น ดังนั้น ในฐานะที่ปลัดกระทรวงเป็นผู้บังคับบัญชาของข้าราชการต้องมีเกราะคุ้มครองข้าราชการ ซึ่งยากไม่ยาก เพราะขอแค่มีระบบคุณธรรมเท่านั้นที่จะมาแทนระบบอุปถัมภ์ และจะทำให้ไม่มีเรื่องผลประโยชน์ส่วนตัวหรือ ผลประโยชน์ครอบครัว ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องทางการเมืองทั้งสิ้น ดังนั้น จึงมีคุณสมบัติข้าราชการที่ว่า ข้าราชการต้องเป็นกลางทางการเมือง เพื่อให้ใช้อำนาจเพื่อประชาชนไม่ใช่ใช้อำนาจตามอำเภอใจโดยมีเงื่อนไขตอบแทน เล่นพรรคเล่นพวก ทำให้ระบบราชการมัวหมอง ทั้งนี้ หากย้อนมาที่กระทรวงมหาดไทยซึ่งหากได้นายอำเภอมาไม่เหมาะสมแล้วกลายเป็นคนแสวงหาประโยชน์ เพราะนายอำเภอต้องใช้เงินซื้อตำแหน่งมา แล้วถามว่านายอำเภอจะเอาเงินคืนที่ไหน”

นายจาดุรกล่าวว่า ขอเรียกร้องให้ข้าราชการออกมาเปิดเผยความไม่ชอบมาพากลต่างๆ โดยเฉพาะในเรื่องการสอบ การโยกย้ายแต่งตั้ง เพราะทุกวันนี้มีหลายองค์กรที่ต้องการสอบสวนเรื่องนี้อยู่ ทั้งนี้ มาตรา 98 ของพระราชบัญญัติบริหารราชการพลเรือน ได้ระบุว่า กรณีที่ข้าราชการมีการเปิดเผยเรื่องการคอรัปชั่น ผู้บังคับบัญชาที่จะต้องปกป้องและป้องกัน ดังนั้นจึงอยากให้ ก.พ. ทำหน้าที่ให้มากกว่านี้ และอยากให้นายอภิสิทธิ์ในฐานะประธาน ก.พ.ขับเคลื่อนการออกกฎหมายคุ้มครองข้าราชการที่กล้าหาญอย่างจริงจังด้วย

ขณะที่ คณาจารย์จากคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้ออกแถลงการณ์ว่า สืบเนื่องจากข่าวการสัมมนา “ธรรมาภิบาลในการแต่งตั้งโยกย้าย ศึกษากรณีกระทรวงมหาดไทย” ที่รัฐสภา เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2553 ชี้ให้เห็นว่า ระบบราชการไทยกำลังเผชิญปัญหาการซื้อขายตำแหน่งในกระทรวงมหาดไทย จนเกิดการวิพากษ์วิจารณ์และจะฟ้องร้องผู้ให้ความเห็นในขณะนี้ ในฐานะสถาบันการศึกษาที่ทำหน้าที่ผลิตบัณฑิตที่ออกรับใช้ในส่วนต่างๆ ของภาครัฐ รวมทั้งกระทรวงมหาดไทยด้วย คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เห็นว่าถ้าการซื้อขายตำแหน่งสำคัญในกระทรวงเกิดขึ้นจริงก็เป็นปัญหาใหญ่หลวงของประเทศและประชาชน เพราะขัดกับหลักธรรมาภิบาลและส่งผลบั่นทอนทั้งประสิทธิภาพของระบบราชการที่จะตอบสนองความต้องการของผู้คนพลเมืองนั้นเอง ซึ่งจะกระทบความศรัทธาเชื่อถือของสังคมไทยโดยรวม

คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เห็นว่า ทางออกที่สำคัญทางหนึ่งในเรื่องนี้ คือ เปิดพื้นที่ให้แก่ผู้ที่ทำให้สังคมไทยตระหนักว่าเกิดปัญหาขึ้นแล้ว พยายามสร้างกระบวนการในระบบราชการให้เกิดการตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องที่เกิดขึ้น และพยายามสร้างระบบบริหารราชการบุคคลโดยยึดหลักคุณธรรมและธรรมาภิบาล อันเป็นหนทางเผชิญกับปัญหาดังกล่าว อย่างมีสติและเหตุผล ซึ่งน่าจะมีส่วนสร้างความเข้มแข็งให้กับกระทรวงมหาดไทย ระบบราชการและสังคมไทยโดยรวมได้อย่างมั่นคง
กำลังโหลดความคิดเห็น