xs
xsm
sm
md
lg

จี้วศิษฐ์žใช้พยานแวดล้อมจับผิดเซ็งลี้เก้าอี้ตำรวจ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง กล่าวถึงกรณีที่ นายกรัฐมนตรี แต่งตั้ง พล.ต.อ.วศิษฐ์ เดชกุญชร อดีตรองอธิบดีกรมตำรวจ เป็นประธานคณะกรรมาธิการตรวจสอบการซื้อขายตำแหน่งตำรวจว่า พล.ต.อ.วศิษฐ์ ที่เป็นนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ คงจะมีความเข้าใจได้ และจะทำงาน ได้อย่างรวดเร็ว
ส่วนกรณี ที่ พล.อ.อ.กำธน สินธวานนท์ องคมมนตรี เป็นห่วงเรื่องการ จาบจวงสถาบันนั้น นายสุเทพ กล่าวว่า รัฐบาลมีหน่วยงานดูแลเรื่องการหมิ่นสถาบันอยู่แล้ว โดยดำเนินการตามกรอบของกฎหมาย พร้อมกับดูว่า มีการทำอะไรที่เข้าข่าย ผิดกฎหมายหรือไม่ ซึ่งที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อม กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ดำเนินการตลอดเวลา และมีหลายคดีที่ศาลสั่งการจับกุมแล้ว
นายสาธิต ปิตุเตชะ กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงข่าวการซื้อขาย ตำแหน่งในการโยกย้ายนายตำรวจของในสำนักงานตำรวจแห่งช่ติ ว่า ปัญหาดังกล่าว ในวงการตำรวจถือเป็นมะเร็งร้าย และทำลายขวัญกำลังใจของผู่ทำงาน และมีผลกระทบรุงแรงกับประชาชนในเรื่องของกระบวนการยุติธรรม ซึ่งตนขอให้กำลังใจ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และคณะกรรมการตรวจสอบการซื้อขาย ตำแหน่ง ที่มีพล.ต.อ.วิศิษ เดชกุลชร อดีตรองอธิบดีกรมตำรวจ เป็นประธาน
อย่างไรก็ตามตนอยากเรียกร้องให้มีการตรวจสอบให้ความจริงปรากฎโดยเร็ว และเสนอว่า ขั้นตอนการสอบสวนเพื่อให้ข้อเท็จริงปรากฎไม่จำเป็นต้องใช้มาตรฐาน การสืบหาพยานหลักฐานเหมือนคดีอาญา เพียงแต่มีพยานแวดล้อม หรือเชื่อได้ว่า ก็สามารถสรุปผลการตรวจสอบได้ เพราะเรื่องนี้หากจะใช้ข้อมูลชัดแจ้งเป็นเรื่องอยาก เหมือนกับการซื้อสิทธิ์ขายเสียง ที่ไม่สามารถตรวจสอบหาผู้ทำผิดได้
นายสาธิตกล่าวว่า กระบวนสืบหาข้อเท็จจริง ควรจะหาข้อมูลจากแหล่ง นอกวงการตำรวจและเอกชนที่เกี่ยวข้อง เช่น สถาบันการเงิน ที่อาจจะมีการใช้ชื่อนอมินี หรือใกล้ชิด ที่ปรากฎตามสื่อ และตรวจสอบเส้นทางการเงินของผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ในกรณีที่มีความผิดปกติว่ามาจากใคร
คณะกรรมการต้องเร่งตรวจสอบให้เร็ว เพราะบางคนคิดว่าถูกโยกย้ายก็ไม่กลัวเพราะได้เงินมาแล้ว แต่เราจะหาหลักฐานพิสูจน์ยากเพราะเป็นเรื่องของผู้ให้กับผู้รับ ขอให้กำลังใจตำรวจที่ต้องกล้าพูดความจริง อย่าไปกลัวผู้มีอำนาจหรือผู้บังคับบัญชา ที่เลวทราม อยู่ในอำนาจไม่นาน เพื่อช่วยให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับองค์กรตำรวจในระยะยาว
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ข่าวการซื้อขายตำแหน่ง ในการโยกย้ายข้าราชการตำรวจของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะครั้งล่าสุด โดยมีเม็ดเงินในการซื้อขายตำแหน่ง ตั้งแต่ราคาหลักล้านจนถึงหลักสิบล้าน จน นายอภิสิทธิ์ ได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบเรื่องดังกล่าว มี พล.ต.อ วศิษฐ์ เดชกุญชร อดีตรองอธิบดีกรมตำรวจเป็นประธานกรรมการในการตรวจสอบ ขณะที่ในกระทรวงมหาดไทยก็ปรากฏข้อเท็จจริงตามรายงานข่าวในการแถลงของอดีตข้าราชการระดับสูงของกระทรวงมหาดไทยว่ามีการซื้อขายตำแหน่ง นายอำเภอ และผู้ว่าราชการจังหวัด ในราคาสูงถึง 20 ล้านบาท ซึ่งเรื่องดังกล่าวทางพรรคเพื่อไทยก็ได้รับการร้องเรียนจากข้าราชการในกระทรวงมหาดไทยเช่นเดียวกันว่ามีการซื้อขายตำแหน่งจริง
เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องสำคัญเพราะตำแหน่งผู้ว่าและนายอำเภอ เป็นตำแหน่งที่ ทำงานใกล้ชิดกับประชาชน หากให้มีการซื้อขายตำแหน่งได้ผู้ที่ซื้อตำแหน่งก็จะใช้อำนาจไปแสวงหาผลประโยชน์และถอนทุน จากงบประมาณแผ่นดิน และค่าต๋ง จากธุรกิจเอกชน ผลเสียก็จะตกแก่ประชาชนและประเทศชาติ และจะเป็นการเปิดช่องทางให้มีการทุจริตมากขึ้น และส่งผลให้เกิดธุรกิจผิดกฎหมายมากขึ้น เพื่อจะได้ถอนทุนได้เร็วขึ้น เรื่องนี้แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลนี้นอกจากไร้ประสิทธิภาพ ในการแก้ไขปัญหาการทุจริตคอรัปชั่นแล้ว ยังปล่อยให้มีการทุจริตชนิดจับตรงไหน เจอตรงนั้นซึ่งสอดคล้องกับผลสำรวจของสถาบันความเสี่ยงทางการเมือง และเศรษฐกิจของต่างประเทศ (เพิร์ก) พบว่าในปี 2552 ไทยมีคอรัปชั่นเป็นอันดับ 2 ของเอเชีย ในยุครัฐบาลนายอภิสิทธิ์ สร้างความเสื่อมเสียให้กับประเทศชาติอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน
นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่าขอเรียกร้องให้ นายอภิสิทธิ์ แสดงภาวะความเป็นผู้นำ อย่าดีแต่พูด แล้วไม่กล้าทำ ขอให้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการซื้อขายตำแหน่งใน กระทรวงมหาดไทยเพื่อสร้างความเป็นธรรมให้กับข้าราชการที่มีความรู้ความสามารถ แต่ไม่มีเงิน และเพื่อแสดงให้เห็นว่าไม่ได้เอื้อประโยชน์ให้กับพรรคร่วมรัฐบาล แบบมือใครยาว สาวได้สาวเอา ยิ่งขณะนี้สถานภาพของรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ มีความ ง่อนแง่นและทำท่าว่าจะไปไม่รอด ยิ่งมีการทุจริตมากยิ่งขึ้น เหมือนเป็นการทิ้งทวน ซึ่งผู้ที่น่าสงสารที่สุดก็คือ ประชาชนผู้เสียภาษี
กำลังโหลดความคิดเห็น