xs
xsm
sm
md
lg

ปมฉาวเซ็งลี้เก้าอี้ตร.-ผู้ว่าฯ มะเร็งร้ายกินบ้านเมือง ต้องหยุดเชื้อชั่วก่อนถึงหายนะ

เผยแพร่:   โดย: นกหวีด

พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร
ถ้าหากกลุ่มคนที่ก่อการป่วนเมืองตามคำสั่งของนายทาส ทักษิณ ชินวัตร คือ “ปลวกแดง” ที่คอยกัดกินทำลายบ้านเมือง กับกรณีการซื้อขายตำแหน่งทั้งในวงการทหาร ตำรวจ ก็คือ“ปลวก”อีกตัว

ปลวกที่แม้มองไม่เห็น แต่มีฤทธิ์ทำลายล้างสูง กัดกิน ค่อยๆแทะประเทศชาติบ้านเมืองไปทีละน้อยๆ กว่าจะรู้ตัวก็พังพาบกันไปแล้ว

นอกเหนือไปจาก เรื่องทุจริตคอร์รัปชัน ฉ้อราษฎร์บังหลวง ที่เป็นมะเร็งร้ายสำหรับรัฐนาวาที่นำโดย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีแล้ว ระยะนี้เรื่องราวที่ฉาวโฉ่ว่าด้วยการซื้อขายตำแหน่ง ทั้งในวงการตำรวจ และผู้ว่าราชการจังหวัด ก็เป็นอันตรายต่อรัฐบาลเช่นกัน

โดยเฉพาะกับตัวเลขในการเซ็งลี้เก้าอี้ของทั้งสองหน่วยงานสำคัญ พูดกันไปถึงหลัก10-20ล้านบาท โดยเฉพาะในการแต่งตั้งของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ล่าสุดในระดับรองผู้บังคับการจนถึงสารวัตร

จนกระทั่ง นายอภิสิทธิ์ ในฐานะนายกรัฐมนตรี นิ่งอยู่ไม่ได้ ต้องสั่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการซื้อขายตำแหน่งข้าราชการตำรวจระดับรองผบก.-สว. โดยมี พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร อดีต รอง อ.ตร. ที่ได้รับความเชื่อถือจากสังคมมาเป็นประธาน

โดยเฉพาะการพุ่งเป้าไปที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค2 ที่มีกระแสข่าวว่ามีการวิ่งเต้นซื้อขายตำแหน่งเป็นจำนวนมากและอย่างโจ๋งครึ่ม นอกเหนือไปจากองบัญชาการตำรวจนครบาล ที่พื้นที่ทำเลทอง ถูกปรับเปลี่ยนโยกย้ายทั้งกะบิ

พื้นที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค2 พื้นที่ภาคตะวันออก ที่พอมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวน ก็มีข้อมูลส่งมาจากเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ได้รับผลกระทบ และไม่ได้รับความเป็นธรรมถึงมือพล.ต.อ.วสิษฐ เมื่อวันที่4ก.พ.ที่ผ่านมา เป็นล็อตแรก

เป็นข้อมูลเรื่องวิ่งเต้นซื้อขายตำแหน่ง รองผู้กำกับ สารวัตรใหญ่ ส่งตรงมาจากจังหวัดหนึ่งในภาคตะวันออก สรุปใจความได้ว่า การซื้อขายตำแหน่ง ของกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค2 ในความรับผิดชอบของพล.ต.ท.เกรียงศักดิ์ สุริโย ผบช.ภ.2

มีนายหน้าในการวิ่งเต้น ซื้อขายตำแหน่ง เท่าที่ทราบ มี นายเบี๋ยง คนคนนี้เป็นเพื่อนกับ “ตำรวจใหญ่ภาค2” มานาน เป็นมือจัดทำโผและต่อรองราคา ถือว่าเป็นมือขวา ใครจะวิ่งเต้นเอาตำแหน่งสูงขึ้น หรือหมุนเวียนไปที่ดีกว่า จะต้องติดต่อผ่านทางนี้ทั้งหมด

โดย“ตำรวจใหญ่” จะเป็นผู้มอบหมายให้ติดต่อกับนายเบี๋ยง ส่วนตำรวจใหญ่รายนี้จะเป็นผู้อยู่เบื้องหลังอย่างเดียว โดยนายเบี๋ยงจะอาศัยอยู่บ้านพัก ในหมู่บ้านสามมุขธานี สลับไปมากับบ้านของตัวเองที่ กทม. ระหว่างที่มีการทำบัญชีแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจ

เงินไหลเข้าหมู่บ้านสามมุขธานี รังใหญ่นายหน้า ไม่เว้นแต่ละวัน และมีการเอ่ยอ้างตัวเลขที่โอนเงินไปเก็บคลังในธนาคารทางภาคเหนือ ถึง80ล้านบาท!

กำนันดังเมืองชลฯ อีกคนสำคัญในเครือข่ายนายหน้า เป็นนักพนันชนไก่ตัวยง เป็นมือขวาของ นายเบี๋ยง เป็นคนติดต่อข้าราชการตำรวจที่ต้องวิ่งเต้น โยกย้าย หรือ หมุนเวียน

ผลงานของนายเบี๋ยง และ กำนันดัง เมืองชลฯ ที่ทำสำเร็จ และเห็นเด่นชัดที่สุด ที่รับทราบ อาทิ ตำรวจระดับ สารวัตรใหญ่ สถานีตำรวจแห่งหนึ่งในจ.ชลบุรี จะขึ้นเป็น ผู้กำกับในจังหวัดเดียวกันต้องเสียเงินวิ่งเต้น6ล้านบาท

ไม่รู้จะหาที่ไหน ต้องขายคอนโดเอาเงินมาซื้อตำแหน่ง!

ผู้กำกับรายหนึ่งในจ.ชลบุรี จะขึ้นเป็นผู้กับในพื้นที่ทำเลทอง เมืองท่องเที่ยวในจังหวัดเดียวกัน ต้องเสียเงินวิ่งเต้นถึง12ล้านบาท และรายนี้ชอบหา“ผู้หญิงสวย” มาให้ตำรวจใหญ่ เป็นประจำ

นอกจากนี้ยังมีตำรวจอีกหลายตำแหน่ง ที่ได้ขึ้นชั้นเป็นผู้กำกับ อย่างน้อยๆต้องเตรียมเก็บหอมรอบริม เอามาซื้อตั๋ว 4-5ล้านบาท หรือระดับผู้กำกับ รองผู้กำกับ ที่ต้องการโยกย้ายไปลงตำแหน่งที่ต้องการในพื้นที่ภาคตะวันออก อย่างต่ำๆต้องจ่าย2ล้านบาท

ที่ฮือฮา ตำรวจระดับสารวัตรที่ต้องการขึ้นเป็นรองผู้กำกับบางราย เห็นราคาเก้าอี้ ที่ต้องซื้อจ่ายในตัวเลขระดับเงินล้าน เมื่อไม่มีก็ต้องทำทุกวิถีทาง แม้กระทั่งเอา “พระเครื่อง”ไปให้ “ตำรวจใหญ่ภาค2” ที่นิยมชมชอบของสะสมเงินล้านไว้บูชาเช่นกัน

ทั้งหมดผ่านโบรกเกอร์นายหน้าของนายตำรวจใหญ่ ที่รู้จักกันในวงการสีกากีของกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค2 ที่ชื่อย่อว่า นายเบี๋ยง

แน่นอนว่า เมื่อคณะกรรมการตรวจสอบ กำหนดกรอบการตรวจสอบการซื้อขายตำแหน่งในพื้นที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค2 พล.ต.อ.วสิษฐ ในฐานะประธานคณะกรรมการ ก็คงต้องเรียก พล.ต.ท.เกรียงศักดิ์ มาชี้แจงและให้ข้อมูล

พล.ต.ท.เกรียงศักดิ์ นรต.รุ่น 25 เพื่อนร่วมรุ่นของ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ

ในฐานะผู้รับผิดชอบสูงสุดในพื้นที่เกิดเหตุ สีกากีเปื้อนโคลน เงินตกหล่นเรี่ยราดในพื้นที่

นอกจากนี้ ตำรวจที่อยู่ในข่ายต้องมาชี้แจงให้ข้อมูลกับคณะกรรมการตรวจสอบ ฯ ในฐานะที่มีตำแหน่งอยู่ในพื้นที่สุ่มเสี่ยง เช่น

พ.ต.ท.เจษฎา สวยสม ผกก.สภ.บางละมุง จว.ชลบุรี พ.ต.อ.นภดล วงศ์น้อม ผกก.สภ.เมืองพัทยา จว.ชลบุรี พ.ต.ท.พงษ์ศักดิ์ สมบูรณ์ รอง ผกก.สส.สภ. ปลวกแดง จว.ระยอง พ.ต.ท.กฤษณะ วจะสุวรรณ รอง ผกก.สส.สภ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี พ.ต.ท.สุทธิศักดิ์ วันที รอง ผกก.สส.สภ.แก่งหางแมว จันทบุรี

พ.ต.ท.เผ่าภากร รามนุช ผกก.สส.3 ภ.2 พ.ต.ท.ประเสริฐ มาเห็ม เป็น ผกก.ฝอ.6 ภ.2 พ.ต.ท.นาวิน ธีระวิทย์ รอง ผกก.สภ.แปลงยาว จว.ฉะเฉิงเทรา พ.ต.อ.นราเดช กลมทุก ผกก.บางปะกง จว.ฉะเฉิงเทรา พ.ต.ท.พยุง สงึมรัมย์ ผกก.สภ.สอยดาว จว.จันทบุรี พ.ต.ท.สมชาย ผ่องใส สวญ.สภ.บ้านท่าเลื่อน จ.ตราด พ.ต.ท.พรชัย อมรสวัสดิ์ศิริ รอง ผกก.ฝอ.สภ.จว.ชลบุรี พ.ต.ท.ธนนท์ ชื่นใจชนก รอง ผกก.สส.สภ.พนัสนิคม จว.ชลบุรี

เรื่องนี้อดีตรองอ.ตร.ผู้มีเกียรติประวัติเรื่องความเที่ยงตรง อย่างพล.ต.อ.วสิษฐ คงจะทำงานใหญ่อีกครั้งให้เป็นที่ประจักษ์ รวมทั้งพล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รักษาการผบ.สตช. หากจะขึ้นเป็นนายใหญ่ตัวจริงของตำรวจ ก็ต้องสะสางปมฉาวให้สำเร็จ

เหนืออื่นใด นายอภิสิทธิ์ ในฐานะผู้นำสูงสุดเอง วันนี้ แค่เพียงการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบฯ ลอยลอยตัวอยู่เหนือปัญหาไม่ได้แล้ว ผู้นำประเทศคนหนุ่มที่ต้องการความเปลี่ยนแปลง คงไม่ต้องการให้รอบตัวเต็มไปด้วยเรื่องสกปรก

โดยเฉพาะเมื่อเห็นแล้วว่า การมอบหมายให้รองนายกฯฝ่ายความมั่นคงอย่างนายสุเทพ เทือกสุบรรณ นั่งกำกับดูแลสตช.แทน ประสิทธิภาพและประสิทธิผลเป็นเช่นใด ระบบในสตช.ฟอนเฟะขั้นรุนแรงนยุคที่คนเป็นรองนายกฯ แต่ทำตัวเป็นเจว็ดให้เพื่อนพรรคภูมิใจไทย

ปมการซื้อขายตำแหน่งรุนแรงหนักหน่วงในยุครัฐบาลนี้ จากเดิมที่มี ประปราย หรือ

รูปแบบวิธีการในลักษณะ การ “เอาของไปก่อน ค่อยผ่อนจ่ายทีหลัง” หรือปัญหา “ตั๋วนักการเมือง”ที่มีมาทุกสมัย ก็ไม่ได้มากมาย

แต่วันนี้ มีปัญหาการซื้อขายตำแหน่งระบาดหนัก โดยอาศัยช่วงที่คนจับตา “เด็กเส้น”หรือ “ตั๋วนักการเมือง” ผสมโรงตามน้ำ แบ่งอัตราส่วนอย่างที่เปิดเผยกันมา 40-30-30 ตั๋วการเมือง-ตั้งโต๊ะซื้อขาย-จำพวกที่อยู่ในเกณฑ์ที่ปฏิเสธไม่ได้

ที่น่าสลดใจ และต้องขอไว้อาลัยให้แก่คุณงามความดี ที่ต้องพ่ายแพ้เรื่อง “เส้น”และเรื่องเงินตราผลประโยชน์ ข้าราชการตำรวจที่ได้รับรางวัลชนะเลิศตามโครงการพัฒนาสถานีตำรวจเพื่อประชาชน ของกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค1

หรือแม้แต่ กองบัญชาการตำรวจนครบาล นอกจากพล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผบช.น. จะมีปม ข้อกังขาติดตัว และความเป็นเจ้าบุญทุ่ม หรือที่ถูกค่อนแคะว่าได้ดีเพราะเพื่อนตท.12คนสำคัญ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รองผบ.ทบ. แต่ก็ต้องให้ความเป็นธรรมในการพิสูจน์ตัว

ที่หนักหนามากกว่านั้น คำสั่งแต่งตั้งโยกย้ายในบช.น.ที่ผ่านมา มีเสียงสะท้อนในด้านลบกันหนาหู โดยเฉพาะเรื่อง เด็กเส้น เด็กฝาก พวกพ้อง หรือแม้แต่เรื่องการซื้อขายตำแหน่ง โดยเฉพาะในพื้นที่โรงพัก “ทำเลทอง” ที่มีการปรับเปลี่ยนโยกย้ายกราวรูด

และไม่เฉพาะที่สตช. แม้แต่ที่กระทรวงมหาดไทย ที่มีการออกมายืนยันข้อมูลร้องเรียน จากนายไพฑูรย์ บุญวัฒน์ อดีตผอ.ศอ.บต. ในเรื่องการวิ่งเต้นเสียเงิสนเสียทองในการแต่งตั้งโยกย้ายทุกระดับของกระทรวง

ตั้งแต่ ผู้ว่าราชการจังหวัด รองผู้ว่าราชการ นายอำเภอ ปลัดอำเภอ ไปจนข้าราชการปกครองระดับล่าง ด้วยตัวเลขที่น่าตกใจ 20-7-10 ในระดับพ่อเมือง รองพ่อเมือง และนายอำเภอ

ถ้าปล่อยให้เป็นเช่นนี้ โดยโยนเรื่องให้หน่วยงานที่รับผิดชอบ หรือชี้นิ้วโทษ ฝ่ายการเมืองรัฐมนตรีจากพรรคร่วม หน่วยงานที่พรรคภูมิใจไทยและเครือข่ายดูแลอย่างเดียวคงไม่ได้ เพราะในฐานะผู้นำสูงสุดอย่างไรเสียก็ไม่อาจปฏิเสธความรับผิดชอบ

เพราะหากลองจินตนาการดู ถ้าข้อวิพากษ์วิจารณาเรื่องซื้อขายตำแหน่งทั้งหมดเป็นจริง ในจังหวัดๆหนึ่ง ทั้งฝ่ายปกครอง ผู้ว่าฯ รองผู้ว่าฯ นายอำเภอ ปลัดอำเภอ ข้าราชการต่างๆ ตำรวจระดับผู้การฯ รองผู้การจังหวัด ผู้กำกับ สารวัตร ไปจนกระทั่งตำรวจชั้นผู้น้อย

ทั้งหมดใช้เวลาในการแข่งขัน หาช่องหาเงินเพื่อซื้อตำแหน่ง ผลกระทบจะตกอยู่ที่ใครถ้าไม่ใช่ประชาชน นอกเหนือจากที่ต้องรับกรรม จากการไม่ใช้เวลาในราชการทั้งหมดปฏิบัติหน้าที่เพื่อพื้นที่นั้นๆแล้ว

ยังต้องถูกเจ้าหน้าที่ทั้งฝ่ายปกครอง ฝ่ายดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ ใช้อำนาจที่มีอยู่ในมือ ถือกฎหมาย รีดนาทาเร้น จับผิดจับถูก หรือเบียดเบียนเงินทอง จากฝ่ายเจ้าหน้าที่ที่ก็ต้องหาทางเก็บหอมรอมริบ สะสมทุนทุกวิถีทาง แม้จะเป็นวิถีชั่ววิธีโฉดก็ตาม

เป็นเช่นนี้ จังหวัดนั้นๆ พื้นที่นั้นจะไม่บรรลายวายวอดหรือ?

ที่สำคัญหากทุกพื้นที่จังหวัดเป็นเช่นนี้ ถามว่าอนาคตของประเทศไทยจะเป็นเช่นใด และไม่ต้องไกลมาก เอาแค่ใกล้ตัว กระทบกับเก้าอี้นายกฯของอภิสิทธิ์ เอง ปมปัญหานี้ถูกฝ่ายค้านนำมาตั้งกระทู้ และจองกฐินเป็นอีกประเด็นในการอภิปรายไม่ไว้วางใจไว้แล้ว

หากปล่อยเชื้อชั่วมะเร็งร้าย เรื่องซื้อขายตำแหน่งลุกลามต่อไป นอกจากเป็นหายนะของอภิสิทธิ์ ยังเป็นหายนะของประเทศชาติ!
กำลังโหลดความคิดเห็น