ผู้ว่าฯ บุรีรัมย์ จัดทัพพ่อเมือง 21 จังหวัด เข้าพบ “ปู่จิ้น” โต้กระแสยันไม่มีซื้อขายตำแหน่ง ท้าสาบานพระแก้วมรกต อ้างถูกเกมการเมืองยืมมือคนมหาดไทยทำลายกันเอง ลั่นใครมีหลักฐานให้เอามาโชว์ คร่ำครวญทีมงานต้องมีตราบาป ห่วงกระทบ ขรก.ทั้งระบบไทย
วันนี้ (22 ก.พ.) ที่กระทรวงมหาดไทย ผู้ว่าราชการจังหวัด 21 จังหวัด เข้าพบ นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย และนายมานิต วัฒนเสน ปลัดกระทรวงมหาดไทย พร้อมกับไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ของกระทรวงมหาดไทย จากนั้นแถลงข่าวยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่มีการซื้อขายตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดตามที่เป็นข่าว และที่สำคัญผู้ว่าฯ มีเกียรติมีศักดิ์ศรี มีจรรยาบรรณของนักปกครอง จึงไม่มีใครซื้อตำแหน่งนี้แน่นอน และความเป็นมืออาชีพทำให้เราสำเนียกในวิชาชีพ ฉะนั้นสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์กับประชาชน สิ่งที่ไม่ถูกต้องเราไม่ทำ เราเลือกสิ่งที่เป็นประโยชน์กับประชาชนให้มากที่สุด
ส่วนกรณีที่ระบุว่าจังหวัดที่หารายได้ส่งไม่ทัน ให้มีการผ่อนส่งนั้น ถ้าใครที่มีข้อมูลจริงว่า ผู้ว่าฯมีการซื้อขายตำแหน่ง ให้เอามาเปิดเผยอย่ามายืมมือคนมหาดไทยเล่นงานคนมหาดไทยด้วยกัน ขอสาบานต่อวัดพระแก้วมรกต ถ้าหากผู้ว่าฯ มีการซื้อขายตำแหน่งจริงก็ขอให้เกิดความฉิบหาย แต่ในทางกลับกัน ถ้าไม่ได้ทำคนที่พูดก็รับไป การซื้อขายตำแหน่งไม่มี ขอเอาเกียรติเป็นประกัน และขอสาบานต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์
“ผู้ว่าราชการจังหวัด คือพ่อเมืองทำงานต่างพระเนตรพระกรรณ์ ต้องเป็นที่พึ่งให้กับประชาชน หากมีการซื้อขายตำแหน่งเกิดขึ้น ประชาชนจะสามารถพึ่งผู้ว่าฯ ได้อย่างไร เรามองประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก ไม่ได้ยึดประโยชน์ส่วนตน ผู้ว่าฯ ทุกคนเติบโตมาตจากสายงาน ไม่อยากให้มีการใส่ร้ายและสร้างตราบาปให้กับนักปกครองเห็นใจท่านรัฐมนตรีและทีมงานที่ต้องมาโดนเรื่องแบบนี้” ผู้ว่าราชการจังหวัดกล่าว
เมื่อถามว่าที่ผ่านมามีข่าวว่า มีการซื้อขายตำแหน่งล่าสุดมีข่าวหารายได้ไม่ทันมีการผ่อนส่งด้วย ผ้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์กล่าวว่า ถือว่าดูถูกเกียรติและศักดิ์ศรีของผู้ว่าฯ เป็นอย่างมาก อยากถามว่าคนที่ปล่อยข่าวออกมานั้นเคยทำเรื่องแบบนี้ใช่หรือถึงออกมาพูดแบบนั้น เมื่อถามต่อว่า มีการแถลงข่าวเรื่องนี้ถึง 2 ครั้งแล้ว จะมีการดำเนินการทางกฎหมายควบคู่ไปด้วยหรือไม่ ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรีกล่าวว่า ตนอยากท้าคนที่ปล่อยข่าวออกมาเปิดความจริง ถ้ามีหลักฐานให้เอาออกมาโชว์เลย และต้องรับผิดชอบกับคำพูดของตัวเองด้วย ถามต่อว่าจะมีการฟ้องร้องเกิดขึ้นหรือไม่
ผู้ว่าฯบุรีรัมย์ กล่าวว่า ขณะนี้ก็มีการคุยกันอยู่ว่าจะมีการดำเนินการอะไรหรือไม่ คนมหาดไทยก็มีภาษิตอยู่ว่า เสือไม่กินเนื้อเสือ สิงห์ก็ไม่กินเนื้อสิงห์ การที่จะทำให้บ้านเมืองเกิดความสงบสุข เป็นหน้าที่ของผู้ว่าราชการจังหวัด ที่จะต้องทำให้เกิดความสมสนฉันท์ เกิดความร่วมมือกันทุกฝ่าย ส่วนคนที่ออกมาให้ข่าวทำร้ายสถาบันผู้ว่าฯนั้นเชื่อว่า เป็นการยืมมือกันทำร้ายมากกว่า ที่ผู้ว่าฯออกมาแถลงข่าววันนี้ เนื่องจากมันเป็นการทำลายสถาบัน จึงได้ออกมาปกป้อง
เมื่อถามว่ามองอย่างไรที่คนบอกว่า มหาดไทยยุคนี้เป็นยุคตกคต่ำ ผู้ว่าฯ บุรีรัมย์กล่าวว่า ที่ตกต่ำก็เพราะพวกเดียวกัน ยอมให้คนอื่นยืมมือมาทำร้ายกระทรวงมหาดไทย เชื่อว่าคนที่พูดเรื่องนี้ก้ต้องละอายแก่ใจตัวเอง ตัวเองพูดเรื่องไม่จริง หากคิดว่าเป็นเรื่องจริง ให้ระบุเป็นรายบุคคลเลยว่า ใครซื้อตำแหน่งบ้าง เชื่อว่าเรื่องนี้เป็นดิสเครดิสกัน ของฝ่ายการเมืองมากกว่า เพราะว่าขอยืนยันว่าผู้ว่าฯไม่มีการซื้อตำแหน่ง ให้สื่อไปเช็คประวัติผู้ว่าแต่ละคนได้เลย แต่เพราะการเมืองเข้ามายุ่งจึงทำให้เรื่องน่าอายขึ้น แต่เรื่องที่ว่ายุคนี้กระทรวงมหาดไทย เป็นยุคที่ตกต่ำนั้นต้องถามประชาชนว่าตกต่ำจริงหรือไม่
ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม กล่าวว่า เป็นห่วงสถาบันข้าราชการ ไม่ใช่เฉพาะสถาบันผู้ว่าราชการจังหวัด แต่เราห่วงระบบข้าราชการทั้งประเทศ หากผู้ว่าฯ เกิดความระส่ำระสาย ถูกตำหนิติเตียนเชิงไม่เป็นธรรมมันก็จะกระทบไปถึงส่วนราชการอื่นๆ ที่ทำงานภายในจังหวัดด้วย เพราะว่าการทำงานในจังหวัด มีการทำงานร่วมกันหลายส่วนราชการ ทุกกระทรวงไปนั่งทำงานที่จังหวัด ดังนั้น ความหมายของข้าราชการ คือ ความรักความสัตย์ซื่อที่จะต้องมีต่อประชาชน และอีกข้อคือความจงรักภักดีต่อสถาบันสำคัญของชาติ ดังนั้นทั้งสองสิ่งหากเราสามารถปฏิบัติได้ประโยชน์สุข ก็จะเกิดขึ้นกับประเทศชาติและพลเมืองในชาติ ในยามนี้หากเราแตกแยกกันซะเอง ทั้งในระบบข้าราชการก็คงไปไม่ถึงไหน ความมั่นคง ความแข็งแกร่งจึงจำเป็นต้องเกิดขึ้นให้ได้กับระบบข้าราชการ วันนี้ที่ผู้ว่าฯออกมาแถลงข่าวก็ไม่ได้ห่วงเฉพาะความเป็นผู้ว่าฯ เพราะว่าตำแหน่งก็เป็นเพียงหัวโขน นำมาสวมเพียงชั่วครั้งชั่วคราวไม่ช้าก็ต้องจบเกมนี้ไป แต่ที่จะอยู่ดำรงต่อไปคือประเทศชาติระบบข้าราชการที่เราเป็นห่วงกันอยู่ในขณะนี้
วันนี้ (22 ก.พ.) ที่กระทรวงมหาดไทย ผู้ว่าราชการจังหวัด 21 จังหวัด เข้าพบ นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย และนายมานิต วัฒนเสน ปลัดกระทรวงมหาดไทย พร้อมกับไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ของกระทรวงมหาดไทย จากนั้นแถลงข่าวยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่มีการซื้อขายตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดตามที่เป็นข่าว และที่สำคัญผู้ว่าฯ มีเกียรติมีศักดิ์ศรี มีจรรยาบรรณของนักปกครอง จึงไม่มีใครซื้อตำแหน่งนี้แน่นอน และความเป็นมืออาชีพทำให้เราสำเนียกในวิชาชีพ ฉะนั้นสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์กับประชาชน สิ่งที่ไม่ถูกต้องเราไม่ทำ เราเลือกสิ่งที่เป็นประโยชน์กับประชาชนให้มากที่สุด
ส่วนกรณีที่ระบุว่าจังหวัดที่หารายได้ส่งไม่ทัน ให้มีการผ่อนส่งนั้น ถ้าใครที่มีข้อมูลจริงว่า ผู้ว่าฯมีการซื้อขายตำแหน่ง ให้เอามาเปิดเผยอย่ามายืมมือคนมหาดไทยเล่นงานคนมหาดไทยด้วยกัน ขอสาบานต่อวัดพระแก้วมรกต ถ้าหากผู้ว่าฯ มีการซื้อขายตำแหน่งจริงก็ขอให้เกิดความฉิบหาย แต่ในทางกลับกัน ถ้าไม่ได้ทำคนที่พูดก็รับไป การซื้อขายตำแหน่งไม่มี ขอเอาเกียรติเป็นประกัน และขอสาบานต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์
“ผู้ว่าราชการจังหวัด คือพ่อเมืองทำงานต่างพระเนตรพระกรรณ์ ต้องเป็นที่พึ่งให้กับประชาชน หากมีการซื้อขายตำแหน่งเกิดขึ้น ประชาชนจะสามารถพึ่งผู้ว่าฯ ได้อย่างไร เรามองประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก ไม่ได้ยึดประโยชน์ส่วนตน ผู้ว่าฯ ทุกคนเติบโตมาตจากสายงาน ไม่อยากให้มีการใส่ร้ายและสร้างตราบาปให้กับนักปกครองเห็นใจท่านรัฐมนตรีและทีมงานที่ต้องมาโดนเรื่องแบบนี้” ผู้ว่าราชการจังหวัดกล่าว
เมื่อถามว่าที่ผ่านมามีข่าวว่า มีการซื้อขายตำแหน่งล่าสุดมีข่าวหารายได้ไม่ทันมีการผ่อนส่งด้วย ผ้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์กล่าวว่า ถือว่าดูถูกเกียรติและศักดิ์ศรีของผู้ว่าฯ เป็นอย่างมาก อยากถามว่าคนที่ปล่อยข่าวออกมานั้นเคยทำเรื่องแบบนี้ใช่หรือถึงออกมาพูดแบบนั้น เมื่อถามต่อว่า มีการแถลงข่าวเรื่องนี้ถึง 2 ครั้งแล้ว จะมีการดำเนินการทางกฎหมายควบคู่ไปด้วยหรือไม่ ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรีกล่าวว่า ตนอยากท้าคนที่ปล่อยข่าวออกมาเปิดความจริง ถ้ามีหลักฐานให้เอาออกมาโชว์เลย และต้องรับผิดชอบกับคำพูดของตัวเองด้วย ถามต่อว่าจะมีการฟ้องร้องเกิดขึ้นหรือไม่
ผู้ว่าฯบุรีรัมย์ กล่าวว่า ขณะนี้ก็มีการคุยกันอยู่ว่าจะมีการดำเนินการอะไรหรือไม่ คนมหาดไทยก็มีภาษิตอยู่ว่า เสือไม่กินเนื้อเสือ สิงห์ก็ไม่กินเนื้อสิงห์ การที่จะทำให้บ้านเมืองเกิดความสงบสุข เป็นหน้าที่ของผู้ว่าราชการจังหวัด ที่จะต้องทำให้เกิดความสมสนฉันท์ เกิดความร่วมมือกันทุกฝ่าย ส่วนคนที่ออกมาให้ข่าวทำร้ายสถาบันผู้ว่าฯนั้นเชื่อว่า เป็นการยืมมือกันทำร้ายมากกว่า ที่ผู้ว่าฯออกมาแถลงข่าววันนี้ เนื่องจากมันเป็นการทำลายสถาบัน จึงได้ออกมาปกป้อง
เมื่อถามว่ามองอย่างไรที่คนบอกว่า มหาดไทยยุคนี้เป็นยุคตกคต่ำ ผู้ว่าฯ บุรีรัมย์กล่าวว่า ที่ตกต่ำก็เพราะพวกเดียวกัน ยอมให้คนอื่นยืมมือมาทำร้ายกระทรวงมหาดไทย เชื่อว่าคนที่พูดเรื่องนี้ก้ต้องละอายแก่ใจตัวเอง ตัวเองพูดเรื่องไม่จริง หากคิดว่าเป็นเรื่องจริง ให้ระบุเป็นรายบุคคลเลยว่า ใครซื้อตำแหน่งบ้าง เชื่อว่าเรื่องนี้เป็นดิสเครดิสกัน ของฝ่ายการเมืองมากกว่า เพราะว่าขอยืนยันว่าผู้ว่าฯไม่มีการซื้อตำแหน่ง ให้สื่อไปเช็คประวัติผู้ว่าแต่ละคนได้เลย แต่เพราะการเมืองเข้ามายุ่งจึงทำให้เรื่องน่าอายขึ้น แต่เรื่องที่ว่ายุคนี้กระทรวงมหาดไทย เป็นยุคที่ตกต่ำนั้นต้องถามประชาชนว่าตกต่ำจริงหรือไม่
ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม กล่าวว่า เป็นห่วงสถาบันข้าราชการ ไม่ใช่เฉพาะสถาบันผู้ว่าราชการจังหวัด แต่เราห่วงระบบข้าราชการทั้งประเทศ หากผู้ว่าฯ เกิดความระส่ำระสาย ถูกตำหนิติเตียนเชิงไม่เป็นธรรมมันก็จะกระทบไปถึงส่วนราชการอื่นๆ ที่ทำงานภายในจังหวัดด้วย เพราะว่าการทำงานในจังหวัด มีการทำงานร่วมกันหลายส่วนราชการ ทุกกระทรวงไปนั่งทำงานที่จังหวัด ดังนั้น ความหมายของข้าราชการ คือ ความรักความสัตย์ซื่อที่จะต้องมีต่อประชาชน และอีกข้อคือความจงรักภักดีต่อสถาบันสำคัญของชาติ ดังนั้นทั้งสองสิ่งหากเราสามารถปฏิบัติได้ประโยชน์สุข ก็จะเกิดขึ้นกับประเทศชาติและพลเมืองในชาติ ในยามนี้หากเราแตกแยกกันซะเอง ทั้งในระบบข้าราชการก็คงไปไม่ถึงไหน ความมั่นคง ความแข็งแกร่งจึงจำเป็นต้องเกิดขึ้นให้ได้กับระบบข้าราชการ วันนี้ที่ผู้ว่าฯออกมาแถลงข่าวก็ไม่ได้ห่วงเฉพาะความเป็นผู้ว่าฯ เพราะว่าตำแหน่งก็เป็นเพียงหัวโขน นำมาสวมเพียงชั่วครั้งชั่วคราวไม่ช้าก็ต้องจบเกมนี้ไป แต่ที่จะอยู่ดำรงต่อไปคือประเทศชาติระบบข้าราชการที่เราเป็นห่วงกันอยู่ในขณะนี้