ทีมชาติไทยส่อแววหมดหวังในการลุ้นแชมป์ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์ คัพ ครั้งที่ 40 หลังพลาดท่าพ่ายโปแลนด์แบบหมดรูป 0-3 ในการลงสนามนัดที่ 2 ที่จังหวัดนครราชสีมา เมื่อวันพุธที่ผ่านมา
วานนี้ (20 ม.ค.) การแข่งขันฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน คิงส์ คัพ ครั้งที่ 40 ณ สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา จังหวัดนครราชสีมา เมื่อวันพุธที่ 20 มกราคมที่ผ่านมา ทีมชาติไทย ลงทำศึกนัดที่ 2 พบกับ ทีมชาติโปแลนด์ โดยเกมนี้มีแฟนบอลเข้าชมเกือบเต็มความจุราว 22,000 คน
ซึ่งในช่วง 40 นาทีแรกทั้งสองทีมต่างก็สร้างจังหวะหวาดเสียวกันได้ตลอด ก่อนที่แฟนบอลชาวไทยในสนามเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา ต้องเงียบกริบ เมื่อ โปแลนด์ ได้ฟรีคิกฝั่งขวา มาซีจ รีบุส เปิดเข้ามาหน้าประตู ณัฐพร พันธ์ฤทธิ์ สกัดบอลไม่ขาด บอลเลยไปถึง คามิล กลิค กองหลังชาวโปลจิ้มบอลเข้าประตูไป ส่งให้ โปแลนด์ ออกนำ 1-0 ในนาทีที่ 42
เข้าสู่ครึ่งเวลาหลังไบรอัน ร็อบสัน ส่งสมปอง สอเหลม สงมาเสริมในแดนหน้าแทนที่ ดัสกร ทองเหลา ทว่าเริ่มต้นครึ่งหลังได้เพียง 7 นาที ทัพนักเตะจากยุโรปตะวันออกก็ขยับนำห่าง จากจังหวะลุยขึ้นทางขวาของ ลูคัส เมียร์เซเยฟสกี เปิดเข้ากลางไปที่เสาสองให้มาซีจ อิวานสกี ตวัดกลับมาหน้าประตู พาทริค มาเลชกี ยิงจ่อๆ ไม่เหลือ โปแลนด์นำห่าง 2-0
เกมดำเนินมาถึงนาทีที่ 59 ไบรอัน ร็อบสัน กุนซือทีมชาติไทย แก้เกมอีกครั้งด้วยการส่ง อานนท์ สังข์สระน้อย ดาวซัลโวไทยลีกลงมาแทนที่ อดุล หละโสะ กองกลางตัวรับ เพื่อหวังทวงประตูตีไข่แตก ทว่าแม้ทีมเยือนจะเหลือผู้เล่น 10 คน หลัง สลาโวเมียร์ เปซโก รับใบเหลืองที่ 2 ในนาทีที่ 85 เป็นใบแดงโดนไล่ออกไป ก็มาซัดประตูออกหนีห่างเป็น 3-0 จากการยิงของ มาร์ซิน โรบัค นักเตะตัวสำรอง
อย่างไรก็ดีในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ 4 นาที ไทยมาได้ประตูตีไข่แตกปลอบใจจากการสังหารลูกโทษที่จุดโทษของเทิดศักดิ์ ใจมั่น แต่ก็ไล่ไม่ทัน เกม 90 นาที ไทยพ่ายโปแลนด์ขาดลอย 1-3
ซึ่งหลังจบการแข่งขันนัดที่ 2 ของฟุตบอลรายการนี้ ทำให้ เดนมาร์ก จ่อที่จะคว้าถ้วยพระราชทานไปครอง หลังเก็บชัยชนะได้ 2 เกมรวด เมื่อเอาชนะ สิงคโปร์ ไปถึง 5-1 ขณะที่ไทยและโปแลนด์ที่มี 3 แต้มเท่ากันต้องไปลุ้นในเกมสุดท้าย โดยในเกมสุดท้ายโปแลนด์พบสิงคโปร์ ขณะที่ไทยจะพบกับเดนมาร์ก ในวันเสาร์ที่ 23 มกราคมนี้
วานนี้ (20 ม.ค.) การแข่งขันฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน คิงส์ คัพ ครั้งที่ 40 ณ สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา จังหวัดนครราชสีมา เมื่อวันพุธที่ 20 มกราคมที่ผ่านมา ทีมชาติไทย ลงทำศึกนัดที่ 2 พบกับ ทีมชาติโปแลนด์ โดยเกมนี้มีแฟนบอลเข้าชมเกือบเต็มความจุราว 22,000 คน
ซึ่งในช่วง 40 นาทีแรกทั้งสองทีมต่างก็สร้างจังหวะหวาดเสียวกันได้ตลอด ก่อนที่แฟนบอลชาวไทยในสนามเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา ต้องเงียบกริบ เมื่อ โปแลนด์ ได้ฟรีคิกฝั่งขวา มาซีจ รีบุส เปิดเข้ามาหน้าประตู ณัฐพร พันธ์ฤทธิ์ สกัดบอลไม่ขาด บอลเลยไปถึง คามิล กลิค กองหลังชาวโปลจิ้มบอลเข้าประตูไป ส่งให้ โปแลนด์ ออกนำ 1-0 ในนาทีที่ 42
เข้าสู่ครึ่งเวลาหลังไบรอัน ร็อบสัน ส่งสมปอง สอเหลม สงมาเสริมในแดนหน้าแทนที่ ดัสกร ทองเหลา ทว่าเริ่มต้นครึ่งหลังได้เพียง 7 นาที ทัพนักเตะจากยุโรปตะวันออกก็ขยับนำห่าง จากจังหวะลุยขึ้นทางขวาของ ลูคัส เมียร์เซเยฟสกี เปิดเข้ากลางไปที่เสาสองให้มาซีจ อิวานสกี ตวัดกลับมาหน้าประตู พาทริค มาเลชกี ยิงจ่อๆ ไม่เหลือ โปแลนด์นำห่าง 2-0
เกมดำเนินมาถึงนาทีที่ 59 ไบรอัน ร็อบสัน กุนซือทีมชาติไทย แก้เกมอีกครั้งด้วยการส่ง อานนท์ สังข์สระน้อย ดาวซัลโวไทยลีกลงมาแทนที่ อดุล หละโสะ กองกลางตัวรับ เพื่อหวังทวงประตูตีไข่แตก ทว่าแม้ทีมเยือนจะเหลือผู้เล่น 10 คน หลัง สลาโวเมียร์ เปซโก รับใบเหลืองที่ 2 ในนาทีที่ 85 เป็นใบแดงโดนไล่ออกไป ก็มาซัดประตูออกหนีห่างเป็น 3-0 จากการยิงของ มาร์ซิน โรบัค นักเตะตัวสำรอง
อย่างไรก็ดีในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ 4 นาที ไทยมาได้ประตูตีไข่แตกปลอบใจจากการสังหารลูกโทษที่จุดโทษของเทิดศักดิ์ ใจมั่น แต่ก็ไล่ไม่ทัน เกม 90 นาที ไทยพ่ายโปแลนด์ขาดลอย 1-3
ซึ่งหลังจบการแข่งขันนัดที่ 2 ของฟุตบอลรายการนี้ ทำให้ เดนมาร์ก จ่อที่จะคว้าถ้วยพระราชทานไปครอง หลังเก็บชัยชนะได้ 2 เกมรวด เมื่อเอาชนะ สิงคโปร์ ไปถึง 5-1 ขณะที่ไทยและโปแลนด์ที่มี 3 แต้มเท่ากันต้องไปลุ้นในเกมสุดท้าย โดยในเกมสุดท้ายโปแลนด์พบสิงคโปร์ ขณะที่ไทยจะพบกับเดนมาร์ก ในวันเสาร์ที่ 23 มกราคมนี้
