xs
xsm
sm
md
lg

ส่งออกฟื้น ธ.ค.โตสูงสุด “พาณิชย์”ได้ทีดันปีนี้บวก 14%

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน- “พาณิชย์” ตีปีกส่งออกธ.ค.2552 พุ่ง 26% สูงสุดในรอบปี ดันไตรมาส 4 โตเป็นบวก ทำให้เป้าทั้งปีเหลือติดลบแค่ 14% จากที่เซียนหลายสำนักเคยประเมินจะติดลบหนักกว่านี้ ส่วนปี 53 ตั้งเป้าบวก 14% จับตาค่าเงินบาทที่อาจเป็นปัจจัยเสี่ยง

นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ในเดือนธ.ค.2552 การส่งออกมีมูลค่า 14,629 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 26.1% สูงสุดในรอบปี ส่วนการนำเข้ามีมูลค่า 14,424.3 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 28.2% ส่งผลให้เกินดุลการค้า 204.7 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนทั้งปี 2552 การส่งออกมีมูลค่า 152,502 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 14.2% ซึ่งถือว่าใกล้เคียงกับเป้าหมายที่กระทรวงพาณิชย์ตั้งไว้ว่าจะขยายตัวติดลบ 10 ถึงลบ 15% การนำเข้ามีมูลค่า 133,796 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 25.3% เกินดุลการค้า 18,706 ล้านเหรียญสหรัฐ

“การส่งออกไตรมาส 4 ปีก่อน ขยายตัวเป็นบวกไตรมาสเดียว โดยโตที่ 11.9% มูลค่า 43,281 ล้านเหรียญสหรัฐ เพราะความต้องการในตลาดโลกที่ฟื้นตัวมากขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ประกอบกับสต๊อกผู้นำเข้าในต่างประเทศลดลง ทำให้มีคำสั่งซื้อเข้ามามากขึ้น ทั้งสินค้าเกษตร และอุตสาหกรรม เพื่อรองรับเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ รวมถึงความสำเร็จของมาตรการเร่งรัดผลักดันการส่งออกร่วมกันของรัฐ และเอกชน ทำให้การส่งออกทั้งปีเหลือติดลบเพียง 14% จากที่ช่วงต้นปีหลายสำนักเคยประเมินกันไว้ว่าจะติดลบหนัก แต่กระทรวงพาณิชย์ก็ยืนยันมาตลอดว่าจะติดลบไม่มาก และก็ทำได้” นางพรทิวากล่าว

สำหรับในปี 2553 กระทรวงพาณิชย์ตั้งเป้าหมายการส่งออกขยายตัวที่ 14% คิดเป็นมูลค่าประมาณ 172,000 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยแบ่งเป็นไตรมาส 1 ตั้งเป้าหมายขยายตัว 14-18% มูลค่า 39,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ไตรมาส 2 คาดโต 19-23% มูลค่า 40,000-42,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ไตรมาส 3 คาดโต 11-15% มูลค่า 46,000 ล้านเหรียญสหรัฐ และไตรมาส 4 คาดโต 5-8% มูลค่า 45,000 ล้านเหรียญสหรัฐ

อย่างไรก็ตาม ยังเป็นห่วงค่าเงินบาท ที่คาดว่าอาจจะแข็งค่ามากขึ้น เพราะมีเงินจากการค้าขายระหว่างประเทศไหลเข้ามามากขึ้น และผู้ส่งออกคงเอาเงินดอลลาร์สหรัฐมาแลกบาท ทำให้ค่าเงินบาทแข็งค่ามากขึ้น แต่ยังคาดไม่ได้ว่าจะแข็งค่าที่ระดับใด หรือจะแข็งค่านานเพียงใด ซึ่งต้องมีการติดตามอย่างใกล้ชิด

นางศรีรัตน์ รัษฐปานะ อธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก กล่าวว่า มูลค่าการส่งออกเดือนธ.ค.ที่เพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบปีนั้น เป็นการเพิ่มขึ้นในทุกหมวดสินค้าติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 โดยสินค้าเกษตร/อุตสาหกรรมการเกษตร เพิ่มขึ้นถึง 42.1% จากการเพิ่มขึ้นของ ข้าว ยางพารา ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง น้ำตาล และอาหาร ยกเว้นไก่สดแช่เย็นแช่แข็ง และแปรรูป ส่วนสินค้าอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น 18.6% จากการเพิ่มขึ้นต่อเนื่องของเครื่องอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ยานยนต์ อัญมณีและเครื่องประดับ (ไม่รวมทองคำ) สิ่งทอ เครื่องสำอาง สิ่งพิมพ์ รวมถึงสินค้าที่กลับมาส่งออกเพิ่มขึ้นเป็นเดือนแรก เช่น เครื่องเดินทาง เครื่องหนัง เฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วน อาหารสัตว์เลี้ยง และของเล่น ขณะที่อุตสาหกรรมที่ยังส่งออกลดลง เช่น เครื่องใช้เครื่องประดับตกแต่งบ้าน นาฬิกาและส่วนประกอบ และเครื่องกีฬา

สำหรับตลาดส่งออกสำคัญ มีการขยายตัวทั้งตลาดหลักและตลาดใหม่ โดยตลาดหลักมูลค่าส่งออกเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 2 โดยเพิ่มขึ้น 20.4% โดยเฉพาะญี่ปุ่นที่กลับมาบวกเป็นเดือนแรกที่ 10.3% ส่วนสหรัฐฯ เพิ่ม 13.3% สหภาพยุโรป (15ประเทศ) เพิ่ม 11.3% อาเซียน (5ประเทศ) เพิ่ม43.1% ส่วนตลาดรอง เพิ่ม 17.6% จากการเพิ่มขึ้นของฮ่องกง 9.9% ไต้หวัน 55.7% ทวีปออสเตรเลีย 20% เกาหลีใต้ 19.8% ขณะที่ตลาดใหม่ เพิ่ม 53.7% จากการเพิ่มขึ้นของ อินโดจีน (4ประเทศ) 47.1% ตะวันออกกลาง 16.3% แอฟริกา 30.5% ลาตินอเมริกา 33.9% ยุโรปตะวันออก 55.1% เอเชียใต้ 24.8% อินเดีย 37.6% และจีน 117.6%
กำลังโหลดความคิดเห็น