xs
xsm
sm
md
lg

เมื่อส่งออกเห็นสัญญาณฟื้นตัว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ต้องลุ้นกันโดยตลอดว่าตัวเลขการส่งออกสินค้าไทยในแต่ละเดือนที่ประกาศออกมาจะเป็นอย่างไร จะติดลบมากน้อยแค่ไหน เพราะปีนี้ถือเป็นปีที่ภาคการส่งออกจะเป็นภาคส่วนที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และก็เป็นไปตามคาด ตัวเลขการส่งออกตั้งแต่ต้นปีจนถึงล่าสุดเดือนก.ย.2552 ส่วนใหญ่มีอัตราการขยายตัวติดลบ มากบ้าง น้อยบ้าง ก็ว่ากันไป
แต่สัญญาณการส่งออกเริ่มกระเตื้องดีขึ้น ตั้งแต่เริ่มไตรมาสที่ 3 เป็นต้นมา โดยยอดการส่งออกแม้จะขยายตัวติดลบ แต่ก็ขยายตัวติดลบในอัตราที่น้อยลงตามลำดับ
ล่าสุด มูลค่าการส่งออกในเดือนก.ย.2552 พบว่าสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีมูลค่า 14,904.9 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็นมูลค่าสูงสุดในรอบ 9 เดือน แต่ยังขยายตัวลดลง 8.5% เมื่อเทียบกับเดือนก.ย.2551 ส่วนการนำเข้ามีมูลค่า 12,924.9 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวลดลง 17.9% ส่งผลให้เดือนก.ย. ไทยเกินดุลการค้า 1,980 ล้านเหรียญสหรัฐ
สำหรับในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2552 (ม.ค.-ส.ค.) การส่งออกมีมูลค่ารวม มีมูลค่า 109,301.2 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวลดลง 21.4% เทียบกับช่วงเดียวกันปี 2551 ส่วนการนำเข้าช่วง 9 เดือนแรก มีมูลค่า 93,544.3 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวลดลง 32.7% ส่งผลให้ไทยเกินดุลการค้าสะสมช่วง 9 เดือนแรก 15,756.8 ล้านเหรียญสหรัฐ
จากสัญญาณการส่งออกที่ดีขึ้นต่อเนื่อง ทำให้กรมส่งเสริมการส่งออก กระทรวงพาณิชย์มั่นใจว่าการส่งออกนับจากเดือนก.ย.เป็นต้นไป จะมีมูลค่าเฉลี่ยไม่ต่ำกว่าเดือนละ 13,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งจะส่งผลให้มูลค่าการส่งออกทั้งปี 2552 จะขยายตัวติดลบเพียง 10-13%
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เห็นสัญญาณการฟื้นตัวของการส่งออก และเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับการส่งออกในปี 2553 นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้มอบนโยบายการทำงานเชิงรุกให้กับนางศรีรัตน์ รัษฐปานะ อธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออกคนใหม่ โดยได้ขอให้มีการปรับรูปแบบการทำงานเป็นบูรณาการมากขึ้น โดยเฉพาะงานแสดงสินค้าที่มีลักษณะคล้ายกัน และจัดปีละหลายๆ ครั้ง ให้รวมจัดยิ่งใหญ่เป็นครั้งเดียว การเปิดช่องทางการขายใหม่ๆ เช่น การเชื่อมโยงเว็บไซต์สินค้าสำคัญๆ ของไทยกับเว็บไซต์สินค้าสำคัญๆ ของโลก เพื่อเป็นการเปิดช่องทางการค้าขายบนโลกออนไลน์ให้กับสินค้าไทย
ขณะเดียวกัน ได้ขอให้จัดวางตัวบุคคล โดยเฉพาะหัวหน้าสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ หรือที่เรียกกันว่าทูตพาณิชย์ ที่ปัจจุบันมีอยู่ 62 แห่งทั่วโลก จะต้องมีการปรับเปลี่ยนการทำงานให้เป็นเชิงรุกมากยิ่งขึ้น โดยขอให้ทูตพาณิชย์เป็นนักการตลาดมืออาชีพ มีความคิดสร้างสรรค์ สามารถคิดค้นและพัฒนากลยุทธ์ส่งเสริมการตลาดให้ออกมาน่าสนใจและโดดเด่น ทำงานเป็นทีม สามารถประสานงานได้ทั้งหน่วยงานรัฐ เอกชน ส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค ภายในและต่างประเทศ
ที่สำคัญ ต้องเป็นนักกลยุทธ์ ที่สามารถวางยุทธศาสตร์ทางการตลาดและมีเป้าหมายชัดเจน และต้องเป็นนักปฏิบัติที่ดีด้วย รวมทั้งต้องติดตามความเปลี่ยนแปลงของตลาดที่ประจำอยู่และของโลกให้ทัน เพราะสถานการณ์เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว
หลังจากที่ได้มีการปรับรูปแบบการทำงาน มาตรการและกลยุทธ์การส่งเสริมการส่งออกแล้ว กระทรวงพาณิชย์ได้ตั้งเป้าหมายการส่งออกสินค้าไทยในปี 2553 ว่าจะมีอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้น 10-15% ภายใต้ข้อสมมตฐานที่ว่าสถานการณ์เศรษฐกิจโลกกำลังฟื้นตัวขึ้น สถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าสำคัญของไทยที่มีสัดส่วนการส่งออก 70-80% เริ่มฟื้นตัวขึ้น ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐฯ สหภาพยุโรป ญี่ปุ่น จีน อาเซียน และตะวันออกลาง
“มั่นใจว่าปีหน้าการส่งออกมีแนวโน้มที่จะกลับมาเป็นบวกได้ เพราะเศรษฐกิจคู่ค้าเริ่มฟื้นตัวขึ้น ขณะที่กระทรวงพาณิชย์เองก็มีมาตรการสนับสนุนการส่งออกอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นการผลักดันการส่งออกสินค้าเชิงสร้างสรรค์ การสนับสนุนผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก ให้เข้ามามีบทบาทในการส่งออกมากขึ้น การผลักดันการส่งออกธุรกิจบริการที่มีศักยภาพ การเพิ่มกิจกรรมการบุกเจาะตลาดใหม่ โดยเฉพาะจีน อินเดีย แอฟริกา ตะวันออกกลาง รัสเซีย และกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน และการลดต้นทุนโลจิสติกส์ที่จะมีการเชื่อมโยงการใช้ระบบคมนาคมกับประเทศเพื่อนบ้านให้มากขึ้น”นางพรทิวากล่าว
สำหรับการส่งออกในปี 2553 ที่ตั้งเป้าอัตราเติบโตไว้ที่ 10-15% นั้น ในส่วนของตลาดสหรัฐฯ คาดว่า จะส่งออกมูลค่า 16,800 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 3.9% สหภาพยุโรป มูลค่า 18,134 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 5% ยุโรปตะวันออก รัสเซียและกลุ่ม CIS มูลค่า 3,022 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 15% จีน มูลค่า 16,353-17,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 1-5% ตะวันออกกลาง มูลค่า 8,992 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 5% แอฟริกา มูลค่า 7,780-8,118 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 15-20% อาเซียน 29,285 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 4.58% อินเดียและเอเชียใต้ มูลค่า 3,232 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 5%
จากสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและประเทศคู่ค้าสำคัญของไทย รวมถึงการดำเนินมาตรการเชิงรุกของกระทรวงพาณิชย์ ไม่เพียงแต่จะทำให้การส่งออกของไทยในปีนี้ขยายตัวติดลบน้อยลง แต่จะยังเป็นแรงผลักดันให้การส่งออกสินค้าไทยในปี 2553 ขยายตัวได้ดีขึ้น และเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ว่าจะมีอัตราการขยายตัว 10-15% ส่วนจะเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน เป็นเรื่องที่ต้องติดตามดูกันต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น