ASTVผู้จัดการรายวัน-ส่งออกก.ย.ฟื้นตัว ติดลบเหลือ 8% ดีสุดในรอบ 7 เดือน มูลค่าสูงสุดในรอบ 11 เดือน “พาณิชย์”มั่นใจไตรมาส 4 ส่งออกกลับมาบวกแน่ ทำให้ทั้งปีติดลบไม่เกิน 15% “พรทิวา” ได้ทีสั่งกรมส่งออกปรับรูปแบบทำงานใหม่ งานแสดงสินค้ายิบย่อยอย่าทำ ต้องยิ่งใหญ่เท่านั้น พร้อมขอให้เปิดช่องทางการค้าขายผ่านโลกออนไลน์ให้มากขึ้น ทูตพาณิชย์เฮ! อยู่ 4 ปีไม่ต้องย้าย แต่ต้องผลงานดี
นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ตัวเลขการส่งออกในเดือนก.ย.2552 ติดลบเพียง 8% เป็นอัตราติดลบน้อยสุดในรอบ 7 เดือนนับจากเดือนก.พ. ที่ติดลบ 11.33% โดยมีมูลค่าส่งออก 14,900 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็นการส่งออกที่มีมูลค่าสูงสุดในรอบปี และสูงสุดต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 11 นับจากเดือนพ.ย.2551 และยังได้ดุลการค้า
“สะท้อนให้เห็นถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและกำลังซื้อในตลาดโลก โดยเชื่อว่า 3 เดือนที่เหลือของปีนี้ การส่งออกจะกลับมาเป็นบวกในอัตรา 3-5% เนื่องจากคำสั่งซื้อของภาคเอกชนกำลังเพิ่มต่อเนื่องเพื่อรับฤดูขายในช่วงคริสมาสต์และปีใหม่ รวมทั้งในเดือนต.ค. การส่งออกมีโอกาสทำลายสถิติมูลค่าส่งออกสูงสุดในรอบปีอีกครั้ง และโอกาสมูลค่าเกิน 15,000 ล้านเหรียญสหรัฐ”
ทั้งนี้ ผลจากการที่ส่งออกในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ ที่คาดว่าจะขยายตัวได้ 5% จะทำให้การส่งออกทั้งปีติดลบไม่เกิน 15% และหากมาตรการลดภาษีนำเข้าวัตถุดิบเพื่อช่วยเหลือผู้ส่งออก ที่กระทรวงการคลังได้เห็นชอบแล้ว และกำลังเข้าที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน (กกร.) ในเร็วๆนี้ คาดว่าจะช่วยผลักดันการส่งออกได้เพิ่มขึ้นในช่วงปลายปีนี้ และปีหน้า
นางพรทิวากล่าวว่า จากการส่งออกที่ได้ขยายตัวดีขึ้น จึงได้มอบนโยบายการทำงานเชิงรุกให้กับนางศรีรัตน์ รัษฐปานะ อธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออกคนใหม่ โดยขอให้มีการปรับรูปแบบการทำงานเป็นบูรณาการมากขึ้น โดยเฉพาะงานแสดงสินค้าที่มีลักษณะคล้ายกัน และจัดปีละหลายๆ ครั้ง ให้รวมจัดยิ่งใหญ่เป็นครั้งเดียว ทั้งในและต่างประเทศ เพื่อแสดงศักยภาพสินค้าไทย
นอกจากนี้ ขอให้มีการเปิดช่องทางการขายใหม่ๆ เช่น การเชื่อมโยงเว็บไซต์สินค้าสำคัญๆ ของไทยกับเว็บไซต์สินค้าสำคัญๆ ของโลก เพื่อเป็นการเปิดช่องทางการค้าขายบนโลกออนไลน์ให้กับสินค้าไทย เพราะงานแสดงสินค้าไม่ใช่คำตอบหลักสำหรับการค้าขายในปัจจุบันนี้
ขณะเดียวกัน ขอให้มีการปรับแนวทางการทำงานของหัวหน้าสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ หรือทูตพาณิชย์ ที่ปัจจุบันมีอยู่ 62 แห่งทั่วโลก โดยต้องมีการปรับเปลี่ยนการทำงานให้เป็นเชิงรุกมากยิ่งขึ้น และต้องเป็นนักการตลาดมืออาชีพ มีความคิดสร้างสรรค์ สามารถคิดค้นและพัฒนากลยุทธ์ส่งเสริมการตลาดให้ออกมาน่าสนใจและโดดเด่น ทำงานเป็นทีม สามารถประสานงานได้ทั้งหน่วยงานรัฐ เอกชน ส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค ภายในและต่างประเทศ
“ทูตพาณิชย์จะต้องทำงานหนักขึ้น ต้องรู้เลยว่าสินค้าไทย 10 อันดับแรกในประเทศที่ดูแลอยู่มีอะไรบ้าง ใครเป็นคู่แข่ง สินค้าใหม่ๆ ที่มีโอกาสมีอะไร จะผลักดันสินค้าไทยเข้าสู่ตลาดต้องใช้วิธีไหนบ้าง ต้องรู้ให้หมด และจากนี้ไป ทูตพาณิชย์คนไหน ทำงานดี มีผลงาน ไม่จำเป็นว่าต้องอยู่ 4 ปีแล้วกลับ สามารถอยู่ต่อได้ หรือกรณีที่จำเป็นต้องกลับ ก็จะต้องส่งคนไปเทรนงานก่อน 1 ปี เพื่อให้รู้ช่องทางการทำงาน ไม่ใช่พอคนนี้กลับ คนใหม่ไป กว่าจะทำงานได้ ต้องเสียเวลาอีกนาน”นางพรทิวากล่าว
รายงานข่าวแจ้งว่า วันนี้ (21 ต.ค.) นางพรทิวาจะแถลงข่าวตัวเลขการส่งออกเดือนก.ย.2552 พร้อมทั้งแถลงนโยบายการทำตลาดส่งออกในไตรมาสสุดท้ายและส่งออกในปี 2553 โดยเบื้องต้นได้ตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะมีการขยายตัวเพิ่มจากปีนี้ 10-15%
นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ตัวเลขการส่งออกในเดือนก.ย.2552 ติดลบเพียง 8% เป็นอัตราติดลบน้อยสุดในรอบ 7 เดือนนับจากเดือนก.พ. ที่ติดลบ 11.33% โดยมีมูลค่าส่งออก 14,900 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็นการส่งออกที่มีมูลค่าสูงสุดในรอบปี และสูงสุดต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 11 นับจากเดือนพ.ย.2551 และยังได้ดุลการค้า
“สะท้อนให้เห็นถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและกำลังซื้อในตลาดโลก โดยเชื่อว่า 3 เดือนที่เหลือของปีนี้ การส่งออกจะกลับมาเป็นบวกในอัตรา 3-5% เนื่องจากคำสั่งซื้อของภาคเอกชนกำลังเพิ่มต่อเนื่องเพื่อรับฤดูขายในช่วงคริสมาสต์และปีใหม่ รวมทั้งในเดือนต.ค. การส่งออกมีโอกาสทำลายสถิติมูลค่าส่งออกสูงสุดในรอบปีอีกครั้ง และโอกาสมูลค่าเกิน 15,000 ล้านเหรียญสหรัฐ”
ทั้งนี้ ผลจากการที่ส่งออกในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ ที่คาดว่าจะขยายตัวได้ 5% จะทำให้การส่งออกทั้งปีติดลบไม่เกิน 15% และหากมาตรการลดภาษีนำเข้าวัตถุดิบเพื่อช่วยเหลือผู้ส่งออก ที่กระทรวงการคลังได้เห็นชอบแล้ว และกำลังเข้าที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน (กกร.) ในเร็วๆนี้ คาดว่าจะช่วยผลักดันการส่งออกได้เพิ่มขึ้นในช่วงปลายปีนี้ และปีหน้า
นางพรทิวากล่าวว่า จากการส่งออกที่ได้ขยายตัวดีขึ้น จึงได้มอบนโยบายการทำงานเชิงรุกให้กับนางศรีรัตน์ รัษฐปานะ อธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออกคนใหม่ โดยขอให้มีการปรับรูปแบบการทำงานเป็นบูรณาการมากขึ้น โดยเฉพาะงานแสดงสินค้าที่มีลักษณะคล้ายกัน และจัดปีละหลายๆ ครั้ง ให้รวมจัดยิ่งใหญ่เป็นครั้งเดียว ทั้งในและต่างประเทศ เพื่อแสดงศักยภาพสินค้าไทย
นอกจากนี้ ขอให้มีการเปิดช่องทางการขายใหม่ๆ เช่น การเชื่อมโยงเว็บไซต์สินค้าสำคัญๆ ของไทยกับเว็บไซต์สินค้าสำคัญๆ ของโลก เพื่อเป็นการเปิดช่องทางการค้าขายบนโลกออนไลน์ให้กับสินค้าไทย เพราะงานแสดงสินค้าไม่ใช่คำตอบหลักสำหรับการค้าขายในปัจจุบันนี้
ขณะเดียวกัน ขอให้มีการปรับแนวทางการทำงานของหัวหน้าสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ หรือทูตพาณิชย์ ที่ปัจจุบันมีอยู่ 62 แห่งทั่วโลก โดยต้องมีการปรับเปลี่ยนการทำงานให้เป็นเชิงรุกมากยิ่งขึ้น และต้องเป็นนักการตลาดมืออาชีพ มีความคิดสร้างสรรค์ สามารถคิดค้นและพัฒนากลยุทธ์ส่งเสริมการตลาดให้ออกมาน่าสนใจและโดดเด่น ทำงานเป็นทีม สามารถประสานงานได้ทั้งหน่วยงานรัฐ เอกชน ส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค ภายในและต่างประเทศ
“ทูตพาณิชย์จะต้องทำงานหนักขึ้น ต้องรู้เลยว่าสินค้าไทย 10 อันดับแรกในประเทศที่ดูแลอยู่มีอะไรบ้าง ใครเป็นคู่แข่ง สินค้าใหม่ๆ ที่มีโอกาสมีอะไร จะผลักดันสินค้าไทยเข้าสู่ตลาดต้องใช้วิธีไหนบ้าง ต้องรู้ให้หมด และจากนี้ไป ทูตพาณิชย์คนไหน ทำงานดี มีผลงาน ไม่จำเป็นว่าต้องอยู่ 4 ปีแล้วกลับ สามารถอยู่ต่อได้ หรือกรณีที่จำเป็นต้องกลับ ก็จะต้องส่งคนไปเทรนงานก่อน 1 ปี เพื่อให้รู้ช่องทางการทำงาน ไม่ใช่พอคนนี้กลับ คนใหม่ไป กว่าจะทำงานได้ ต้องเสียเวลาอีกนาน”นางพรทิวากล่าว
รายงานข่าวแจ้งว่า วันนี้ (21 ต.ค.) นางพรทิวาจะแถลงข่าวตัวเลขการส่งออกเดือนก.ย.2552 พร้อมทั้งแถลงนโยบายการทำตลาดส่งออกในไตรมาสสุดท้ายและส่งออกในปี 2553 โดยเบื้องต้นได้ตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะมีการขยายตัวเพิ่มจากปีนี้ 10-15%