หากตัดสินผลงานรัฐบาล โดยพิจารณาประเด็นเศรษฐกิจไทยปีที่ผ่านมาถือว่า นาวาอภิสิทธิ์ "สอบผ่าน" เป็นการสอบผ่าน ที่ส่วนหนึ่งเกิดจากฝ่ายตรงกันข้าม
เกมนอกสภาของ "แดงถ่อย" ประสานมือกับ ส.ส.เพื่อแม้ว ทำให้ 1 ปีของรัฐบาลต้องสะดุดไปบ้าง แต่พฤติกรรมถ่อยเถื่อนกลับเป็นผลดีต่อรัฐบาลมาร์ค แทนที่คนไทยจะเห็นข้อบกพร่องหรือการทุจริตในนโยบายรัฐ กลับเบื่อหน่ายพฤติกรรมกบฎ "ชักศึกเข้าบ้าน" ไม่นับสงกรานต์ป่วนเมือง
ที่กระทรวงการคลัง ริมคลองประปา "โชคดี" ที่เศรษฐกิจโลกกระเตื้อง เหลือแต่ภาระกิจภายในประเทศที่ต้องอาศัยฝีมือขุนคลัง ทำให้เงินในกระเป๋าคนไทยเพิ่ม ผลักดันงบประมาณหรือสินเชื่อให้ถึงมือชาวบ้าน วันนี้ส่งออกขยายตัว หุ้นอยู่ในแดนบวก ส่งผลต่อดัชนีความเชื่อมั่นและลงทุน เศรษฐกิจเริ่มผงกหัวแล้ว...
โฟกัสนโยบาย "กรณ์ จาติกวณิช" รัฐมนตรีคลัง ช่วงต้นปีให้ความสำคัญอันดับ 1 กับ "นโยบายแก้หนี้นอกระบบ" อันดับรองลงมาคือการเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง...
แก้หนี้นอกระบบ "งานหิน"
"การแก้หนี้นอกระบบเป็นนโยบายที่หินที่สุด แต่จำเป็นต้องทำ เพราะเป็นพื้นฐานสำคัญของเศรษฐกิจไทย ให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งและมั่นคง" "กรณ์" เปิดใจเมื่อถามถึงความยากง่ายในนโยบาย การเปิดรับลงทะเบียนผู้ที่เป็นหนี้นอกระบบ ถือเป็นขั้นแรกของการดำเนินงานก่อนเข้าสู่ขั้นตอนการแก้ปัญหาหนี้ในระยะยาว ซึ่งกระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทย ได้ร่วมกันหาแนวทางจัดตั้งสถาบันการเงินสำหรับบริการประชาชนระดับรากหญ้าให้แล้วเสร็จภายในปีนี้!!!
ขณะนี้อยู่ระหว่างจัดสัมมนาระดมความเห็นเพื่อร่วมกันกำหนดแนวทางในการตั้งสถาบันการเงินโดยจะนำรูปแบบการบริหารจัดการในส่วนของกองทุนหมู่บ้าน สหกรณ์ ธนาคารโรงเรียน และกลุ่มออมทรัพย์ มาปรับใช้
การเปิดลงทะเบียนลูกหนี้นอกระบบผ่านธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธ.ก.ส. และธนาคารออมสิน ที่กำหนดปิดการลงทะเบียนสิ้นปีที่ผ่านมา ล่าสุด ยอดผู้มาลงทะเบียนยังไม่ถึง 700,000 ราย มูลหนี้แค่ 6.7 หมื่นล้านบาท จึงได้ขยายเวลารับลงทะเบียนทั้งสองธนาคารให้คนที่ยังไม่มาลงทะเบียนเพราะยังเข้าไม่ถึงข้อมูล
"กรณ์" เชื่อว่าคนไทยประมาณ 1 ล้านคน ยังจำเป็นต้องอาศัยเงินกู้นอกระบบ รัฐบาลจึงต้องแก้ไขกลไกดังกล่าวให้เป็นไปตามวิถีชีวิตของชาวบ้าน แต่เป็นการดำเนินการที่ถูกต้องตามกฎหมาย มีการควบคุมดูแลโดยธนาคารแห่งประเทศไทย
ปรับโครงสร้างภาษีที่ดิน-3G
พันธกิจอันดับต่อมา ในปี 2553 "กรณ์" จะเสนอภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเข้า ครม.ประมาณต้นปี การปรับโครงสร้างภาษี ซึ่งเป็นหนึ่งในการปฎิรูปเศรษฐกิจ ควบคู่ไปกับการเดินหน้าในส่วนของนโยบายการคลัง เนื่องจากประเมินว่า วิกฤติเศรษฐกิจยังไม่ถึงจุดที่ผ่านพ้นไปได้
นโยบายการจัดเก็บภาษีทรัพย์สินในส่วนของภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง จะถูกนำมาผลักดันตั้งแต่ต้นปีหน้าเป็นต้นไป รัฐบาลมีความจำเป็นต้องเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายเงิน เพื่อให้งบฯรายจ่ายอยู่ในเป้าหมาย
แนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปี 2553 คาดว่าจะขยายตัวได้ไม่ต่ำกว่า 3% หากการบริโภคของประชาชน สอดคล้องกับบทบาทของรัฐบาลที่จะมีการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจต่อเนื่องจากปี 2552 โดยเป้าหมายที่จะมีการเพิ่มเงินในกระเป๋าให้กับประชาชนด้วยการลดค่าใช้จ่าย เดินหน้าโครงการประกันรายได้เกษตรกร และผลักดันมาตรการภาษีที่ดิน
รัฐบาลยังต้องให้ความสำคัญและเพิ่มบทบาทในการรักษาเสถียรภาพ เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยรวมเม็ดเงิน 3.5 แสนล้านบาท ภายใต้โครงการลงทุนไทยเข้มแข็ง ขณะเดียวกันจะเร่งให้มีการเบิกจ่ายเงินภายใต้ พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน 4 แสนล้านบาท
นอกจากพันธกิจหลักดังกล่าวแล้ว ปี 2553 รมว.คลังยังมีวาระเร่งด่วน ในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจเรื่องใหญ่ ที่มีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ ได้แก่ การประมูลใบอนุญาตระบบ 3G และ รถไฟฟ้าเส้นทางต่างประเทศ น่าจะมีความชัดเจนใน 2-3 เดือน
"เครื่องมือเท่าที่มีอยู่มีความครบถ้วนอยู่แล้ว แต่จะเน้นการปฎิรูปภาคประชาชน ภาคธุรกิจ และรัฐบาล เพื่อนำไปสู่ความเข้มแข็งในระยะยาว" กรณ์ทิ้งท้าย.