ณ บ้านพระอาทิตย์
โดย...ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
ในบรรดาการเคลื่อนไหวของนักโทษชายทักษิณตั้งแต่ปี 2551 ที่ได้หลบหนีไปต่างประเทศต้องถือว่าช่วงเวลาปี 2552 นั้น เป็นปีที่ทองของนักโทษชายทักษิณ เพราะหากได้สติยั้งทบทวนดูว่าเกิดอะไรขึ้นมาบ้าง ก็จะได้รับรู้ว่าเป็นปีที่ตัวเองมีเงินทองหด มวลชนหายอย่างแท้จริง
นักโทษชายทักษิณเป็นนักโทษจอมเจ้าเล่ห์ คิดหมกมุ่นอยู่ตลอดเวลาในการที่จะเร่งรัดให้ตัวเองกลับมาเป็นใหญ่ในประเทศไทย ให้มีอำนาจ ให้มีเงินทอง ให้มีอิสรภาพ แต่การวางแผนคิดอ่านแต่เรื่องเอาชนะเช่นนี้ นักโทษชายทักษิณ อยู่ในภาวะที่ขาดสติยั้งคิดจนกระทั่งเดินแผนผิดพลาดล้มเหลวตลอดทั้งปี จนทำให้เงินทองของตัวเองร่อยหรอลง และความนิยมก็ตกต่ำลงเรื่อยๆ
แต่การเดินเกมผิดพลาดนั้นไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะปี 2552 เท่านั้น แต่หากย้อนเวลากลับไปก็จะพบว่าทักษิณมีความเหิมเกริม กำเริบเสิบสาน คิดว่าตัวเองเหนือกว่าผู้อื่น จะทำอะไรก็ได้ และการยึดมั่นถือมันอัตตาของตัวเองก็เป็นสิ่งทำให้ทุกอย่างต้องพังทลายลงจนถึงทุกวันนี้
ใครว่านักโทษชายทักษิณเป็นคนฉลาด ก็อาจจะต้องคิดใหม่ เพราะคนที่มีอำนาจและความร่ำรวยมากขนาดนี้ยังจะคิดเอาแต่ได้อยู่ไม่จบสิ้น หาทางหลบเลี่ยงโครงสร้างผู้ถือหุ้นชินคอร์ปแล้วลงทุนให้รัฐสภาแก้ไขกฎหมายการถือหนกิจการโทรคมนาคมให้กับต่างชาติก่อนที่ตัวเองจะขายหุ้นของครอบครัวให้กับเทมาเส็กโดยไม่ยอมเสียภาษีแม้แต่บาทเดียว ทำให้เป็นตัวจุดชนวนเริ่มต้นของการเคลื่อนไหวของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พันธมิตรฯ) มาจนถึงทุกวันนี้
ถ้าเพียงแค่นักโทษชายทักษิณยอมเสียภาษีในการขายหุ้นชินคอร์ป การชุมนุมของนายสนธิ ลิ้มทองกุลในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2549 คงจุดไม่ติด และเมื่อจุดมวลชนไม่ติดก็คงยากที่จะเกิดพันธมิตรฯที่มาเปิดโปง ขุดคุ้ย ข้อมูลความผิดพลาด ในช่วงการบริหารประเทศ 5 ปี จนเกิดกระแสความไม่พอใจนักโทษชายทักษิณไปในวงกว้างจนถึงทุกวันนี้
แทบไม่น่าเชื่อว่าแม้จะพลาดในวันแรกแล้ว ก็ยังพลาดโอกาสสำคัญที่อาจทำให้ตัวเองพลิกฟื้นกลับคืนมาได้ซ้ำอีก
วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2549 พรรคฝ่ายค้านในเวลานั้นเรียกร้องให้พรรคไทยรักไทยได้มาลงนามในสัตยาบรรณในการที่จะปฏิรูปการเมืองโดยการแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2540 เพื่อที่พรรคฝ่ายค้านจะได้ลงแข่งสมัครรับเลือกตั้งด้วยนั้น กลับปรากฏว่าพรรคไทยรักไทยถือศักดิ์ศรี ถืออัตตา ไม่ลงสัตยาบรรณตามที่เรียกร้องนั้น เป็นผลทำให้พรรคฝ่ายค้านคว่ำบาตรไม่ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.และเป็นผลตามมาทำให้พรรคไทยรักไทยดันทุรังที่จะชนะเลือกตั้งในพื้นที่ที่ประชาชนไม่มาใช้สิทธิเกินร้อยละ 20 และต้องไปจ้างพรรคเล็กช่วยลงสมัครรับเลือกตั้งจนต้องถูกยุบพรรคไปในที่สุด
เช่นเดียวกันหากย้อนเวลากลับไปได้ โดยที่นักโทษชายทักษิณยอมลงนามในสัตยาบรรณดังกล่าวเสียตั้งแต่วันนั้น ก็เท่ากับว่าการปฏิรูปการเมืองก็จะเกิดขึ้นในอนาคต การเลือกตั้งก็จะดำเนินต่อไป การชุมนุมของพันธมิตรฯในตอนนั้นก็อาจจะต้องหยุดชั่วคราวและแปรสภาพให้น้ำหนักการเลือกตั้งและการแก้ไขรัฐธรรมนูญมากกว่าการขับไล่รัฐบาล
และถ้าได้ปฏิบัติตามสมมุติฐานดังกล่าวข้างต้น เมื่อไม่มีเงื่อนไขของพันธมิตรฯ เกิดขึ้น ก็คงจะไม่มีการปฏิวัติวันที่ 19 กันยายน 2549 เกิดขึ้น คดีทั้งหลายของนักโทษชายทักษิณก็คงไม่มีวันที่จะขึ้นสู่การพิจารณาคดีในชั้นศาลได้แม้แต่คดีเดียว ทรัพย์สินก็ย่อมไม่ถูกอายัด และป่านนี้พ.ต.ท.ทักษิณก็อาจจะยังคงอยู่ในประเทศไทยใช้เงินทองอย่างมีความสุข
ในขณะที่นักโทษชายทักษิณ อาศัยอยู่ในฮ่องกง จีน อังกฤษ ก็อยากแสดงแสนยานุภาพด้วยการเคลื่อนไหวปั่นป่วน โฟนอิน วีดีโอลิงค์เข้ามาปลุกระดมทำให้เกิดการปั่นป่วนประเทศไทย เป็นผลทำให้ประเทศต่างๆที่พัฒนาทั่วโลกไม่ต้อนรับ งดวีซ่า และห้ามเข้าประเทศในที่สุด จนทุกวันนี้นักโทษชายทักษิณต้องอาศัยอยู่ได้เพียงไม่กี่ประเทศเท่านั้น
การเคลื่อนไหวแบบฝืนธรรมชาติและใช้ความรุนแรงในเดือนเมษายน 2552 ได้ทำให้ประชาชนเสื่อมศรัทธากับนักโทษชายทักษิณ ทั้งในด้านที่สังคมทั่วไปรับไม่ได้กับการจราจลและทำร้ายประเทศ และในหมู่คนเสื้อแดงก็ต้องได้เรียนรู้ว่านักโทษชายทักษิณเป็นผู้นำที่โกหก หนีเอาตัวรอดไม่ปรากฏตัวเมื่อมีเสียงปืนแตกตามที่ได้สัญญาเอาไว้กับคนเสื้อแดง
การตัดสินใจที่ผิดพลาดของนักโทษชายทักษิณที่ตัดสินใจไปคบจอมเผด็จการฮุน เซน ได้เข้าความตกต่ำจนยากที่สังคมไทยจะยอมรับได้ เพราะนักโทษชายทักษิณเป็นนักโทษหนีคำพิพากษาของศาลฎีกาที่กระทำในพระปรมาภิไธยบของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว กลายมาเป็นข้าในขอบขันธสีมาในพระบรมราชโองการของกษัตริย์เขมร จนทำให้ฉากการช่วยเหลือนักจารกรรมข้อมูลกระจอกเที่ยวบินของนักโทษชายทักษิณที่บินลงที่กัมพูชานั้นถูกประชาชนจับได้
ซ้ำด้วยการให้สัมภาษณ์นิตยสารไทมส์ ออนไลน์ของนักโทษชายทักษิณ ได้ทำให้ประชาชนชาวไทยรู้เช่นเห็นชาติว่านักโทษชายทักษิณคิดอย่างไรกับสถาบันพระมหากษัตริย์ไทยอย่างไร
ไม่ต้องพูดถึงการเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงที่ได้ทำให้ประชาชนชาวไทยแสดงความไม่เห็นด้วยเพิ่มมากขึ้น ความนิยมของนักโทษชายทักษิณลดลงอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งสะท้อนผ่านสำนักโพลที่สำรวจออกมาว่าต้องการให้นักโทษชายทักษิณหยุดการเคลื่อนไหวทางการเมืองและหยุดสร้างความวุ่นวายให้กับประเทศชาติเสียที
ทุกวันนี้สติของนักโทษชายทักษิณยังไม่กลับมา เพราะทุกวันนี้เต็มไปด้วยคนที่มาเอาอกเอาใจสร้างความหวังให้กับนักโทษชายทักษิณอยู่ตลอดเวลา จนเงื่อนไขแกนนำเสื้อแดงบางคนหลอกรับประทานมาแล้วหลายรอบ และยังต้องเลื่อนมาจนถึงปี 2553 นี้ และยังคงต้องเป็นโรคเลื่อนต่อไป
เพราะวันใดหากคนเสื้อแดงจะระดมกองกำลังติดอาวุธเพื่อเปลี่ยนแปลงบ้านเมืองนั้น ก็เชื่อว่าวันนั้นจะเป็นวันแห่งความพ่ายแพ้ยับเยินของนักโทษชายทักษิณและคนเสื้อแดงอย่างยับเยิน
ที่เป็นเช่นนี้อาจเป็นเพราะ “กรรม” ที่ทำให้นักโทษชายทักษิณพูดและกระทำการใดแบบขาดสติยั้งคิดจนตัวเองเหมือนตกนรกทั้งทางกายและจิตใจ ปีนี้จึงอาจเป็นปีทองอีกปีหนึ่งที่จะทำให้เงินทองหดชื่อเสียงและมวลชนของนักโทษชายทักษิณเสื่อมลงเรื่อยๆ จนกว่าจะชดใช้กรรมของตัวเองให้หมดสิ้นเสียที
ปีใหม่นี้จึงต้องอวยพรขออำนาจพระสยามเทวาธิราช พระหลักเมือง พระเสื้อเมือง พระทรงเมือ ได้ดลบันดาลให้นักโทษชายทักษิณได้รับกรรมที่ตัวเองได้ก่อเอาไว้อย่างรวดเร็วและรุนแรงเพื่อที่จะทำให้บ้านเมืองได้กลับเข้าสู่ความสงบเสียที