ณ บ้านพระอาทิตย์
โดย...ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
กรณีของนายศิวรักษ์ ชุติพงศ์ ผู้ที่ถูกศาลที่ประเทศกัมพูชาพิพากษาให้จำคุก 7 ปี และปรับอีกประมาณ 1 แสนบาทในฐานเป็นผู้จารกรรมข้อมูลการบินที่ประเทศกัมพูชาเป็นเรื่องที่อยู่ในความสนใจของสื่อมวลชนทั้งในและต่างประเทศ
แต่ที่ประชาชนชาวไทยจำนวนมากต่างคิดว่าเป็นการสร้างละครฉากใหญ่ก็เพราะเหตุว่าคดีนี้ดูมีการเดินเรื่องกันอย่างเป็นขั้นเป็นตอนจนสามารถทำนายเอาไว้ล่วงหน้าว่าจะจุดจบจะเป็นอย่างไร เหมือนเป็นละครที่เขียนบทเอาไว้ล่วงหน้า
ด้านหนึ่งก็คือกระแสข่าวในเรื่องความสัมพันธ์กับพ่อของนายศิวรักษ์ ชุติพงษ์ ที่ชื่อนายสุวิทย์ ชุติพงษ์ ซึ่งเสียชีวิตไปแล้วตั้งแต่ปี 2538 เป็นผู้ที่เคยมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับ ร.ต.อ.ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งในเวลานั้นเป็นทายาทเจ้าของโรงภาพยนต์ ชินทัศนีย์ ถนนเจริญเมือง และโรงหนังสันกำแพง และ โรงหนังนครเชียงใหม่ ในสมัยที่ประสบวิกฤติทางการเงิน และโดนฟ้องเช็คเด้ง และ ฟ้องล้มละลาย ช่วง พ.ศ.2527-2530 นายสุวิทย์ ชุติพงษ์ พ่อของนายศิวรักษ์ วิศวกรชาวไทยคนนี้ก็เคยให้การช่วยเหลือผัดผ่อนหนี้สินค่าหนังหลายครั้ง
ความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันขนาดไหนก็ลองคิดดูว่า ร.ต.อ.ทักษิณ ชินวัตร เรียกพ่อของนายศิวรักษ์ ชุติพงษ์ว่า “เตี่ย”
เพียงความสัมพันธ์กันแบบนี้ก็เป็นเรื่องที่เชื่อได้ยากแล้วว่านายศิวรักษ์ ชุติพงษ์จะทำการจารกรรมข้อมูลการบิน ทำงานให้รัฐบาลไทยเพื่อเป็นโทษภัยกับนักโทษชายทักษิณ ชินวัตร
นางสิมารักษ์ ณ นครพนม มารดาของนายศิวรักษ์ ชุติพงษ์ ก็เดินเกมกฎหมายอย่างน่าสนใจเช่นเดียวกัน เช่น ไม่พึ่งพารัฐบาล ไปแถลงข่าวกับพรรคเพื่อไทย ขอความช่วยเหลือจากนักโทษชายทักษิณ ชินวัตร และพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เปลี่ยนตัวทนายความที่พร้อมต่อสู้กับรัฐบาลนายฮุน เซน รู้ตัวล่วงหน้าในคำตัดสินโดยเตรียมตัวที่จะไม่ขออุทธรณ์หากแพ้คดีความ และเตรียมให้นักโทษชายทักษิณและพล.อ.ชวลิตขอพระราชทานอภัยโทษเอาไว้ล่วงหน้า เพื่อสร้างสถานการณ์วีรบุรุษกำมะลอให้กับนักโทษชายทักษิณและพล.อ.ชวลิต ใช่หรือไม่?
ถ้าเปรียบเป็นละครก็ต้องถือว่าน่าสนใจมาก เพราะคนที่ถูกจับก็ถือเป็นบุคคลที่มีสายสัมพันธ์ใกล้ชิดกับนักโทษชายทักษิณ ชินวัตร คนช่วยเหลือก็อยู่พรรคเพื่อไทย คนที่จับกุมก็เป็นรัฐบาลของนายฮุน เซนเพื่อนของนักโทษชายทักษิณ ศาลเขมรที่พิพากษาตัดสินก็อยู่ภายใต้อำนาจทางการเมืองของฮุน เซน และคนที่จะพระราชทานอภัยโทษก็เป็นกษัตริย์เขมรซึ่งอยู่ภายใต้การครอบงำของนายฮุน เซนอีก
สร้างเงื่อนไขกันเอง สร้างปัญหากันเอง แก้ปัญหากันเอง ลงโทษกันเอง ขอพระราชทานอภัยโทษกันเอง และปล่อยตัวกันเอง แบบเบ็ดเสร็จ!
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่คาดการณ์เอาไว้ล่วงหน้ากันอย่างไม่ยากเย็น เพราะสถานการณ์เช่นนี้ นักโทษชายทักษิณ ชินวัตร และนายฮุน เซน นายกรัฐมนตรีจอมเผด็จการแห่งกัมพูชานั่งอยู่ในเรือลำเดียวกัน และนายฮุน เซนได้เลือกข้างยืนอยู่กับนักโทษชายทักษิณและเป็นปรกปักษ์กับรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะแล้ว
สถานการณ์ยิ่งยืดยาวออกไป รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ยิ่งอยู่นาน ยิ่งทำให้นักโทษชายทักษิณ และนายฮุน เซน เสียประโยชน์ลงไปเรื่อยๆ
ด้านนักโทษชายทักษิณ มีเวลาอันจำกัดเพราะคดียึดทรัพย์ 76,000 ล้านบาทของครอบครัวชินวัตรและดามาพงศ์กำลังเดินหน้าต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง ในทางตรงกันข้ามความนิยมต่อนักโทษชายทักษิณและคนเสื้อแดงก็เสื่อมถอยลงไปเรื่อยๆ
ด้านนายฮุน เซน นายกรัฐมนตรีจอมเผด็จการแห่งกัมพูชาก็มีเวลาอันจำกัดเช่นเดียวกัน เพราะเสียประโยชน์จากการถลำตัวไปช่วยนักโทษชายทักษิณ ทำให้ต้องได้รับผลกระทบต่อกระเป๋าเงินของตัวเองทั้งในเรื่องการยกเลิกบันทึกความเข้าใจในปี 2544 ในเรื่องการจัดสรรผลประโยชน์ทางพลังงานในอ่าวไทย เสียผลประโยชน์ในบ่อนคาสิโนในชายแดนของกัมพูชาที่มีคนไทยเข้าไปเล่นพนันน้อยลงทันตา เสียผลประโยชน์ในเงินกู้จากไทยเพื่อใช้ในการการพัฒนาประเทศกัมพูชาก็ต้องหยุดชะงักลงเพื่อหน้าตาของประเทศในการถลำเข้าไปช่วยนักโทษชายทักษิณ และย่อมไม่สามารถทำตามเงื่อนไขในการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารและพื้นที่โดยรอบขึ้นทะเบียนมรดกโลกได้สำเร็จในเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า
ปัจจัยเวลาจึงเป็นเรื่องที่มีความสำคัญอย่างยิ่งที่นักโทษชายทักษิณและจอมเผด็จการนายฮุน เซน จะต้องเร่งรีบหาทางในการเปลี่ยนรัฐบาลให้เร็วที่สุดในทุกวิถีทาง แต่การเคลื่อนไหวในช่วงเดือนธันวาคมนั้นเป็นเดือนมหามงคลและเป็นเดือนที่คนไทยมีความสุข การชุมนุมเพื่อเปลี่ยนอำนาจรัฐจึงย่อมเป็นการเคลื่อนไหวที่ผิดพลาดและผิดเวลา จนทำให้เกิดความนิยมของนักโทษชายทักษิณและคนเสื้อแดงตกต่ำถึงขีดสุด
ในขณะที่ดูไบได้เกิดวิกฤติเศรษฐกิจฟองสบู่แตก ประกอบกับรัฐบาลกลางแห่งสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์จึงได้เข้าช่วยเหลือดูไบ รัฐบาลกลางแห่งสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์จึงมีอำนาจและอิทธิพลต่อดูไบมากขึ้น การเคลื่อนไหวทางการเมืองของนักโทษชายทักษิณในดูไบจึงมีพื้นที่น้อยลง
วิกฤติเศรษฐกิจที่ดูไบจึงย่อมกระทบต่อนักโทษชายทักษิณ ทั้งในเรื่องทรัพย์สินที่ร่อยหรอลงจากการลงทุนในดูไบ และพื้นที่ในการเคลื่อนไหวทางการเมืองของนักโทษชายทักษิณในดูไบก็ลดน้อยลงเช่นเดียวกัน
นักโทษชายทักษิณจึงเข้าสู่ภาวะวิกฤติคือ ความนิยมน้อยลง เงินน้อยลง และพื้นที่เคลื่อนไหวทางการเมืองน้อยลง ความน่าสนใจกับผู้นำหลายประเทศที่จะช่วยเหลือนักโทษชายทักษิณก็ย่อมน้อยลงด้วยเช่นเดียวกัน
เมื่อเห็นสัญญาณอันตรายขนาดนี้ จึงไม่น่าแปลกใจที่นายฮุน เซนพยายามพลิกตัวปรับความสัมพันธ์แบบไว้เชิงกับประเทศไทยโดยขอให้ไทยส่งเอกอัครราชทูตไทยกลับกัมพูชา มิเช่นนั้นฝ่ายกัมพูชาอาจจะปฏิเสธการช่วยเหลือเงินกู้ทั้งหลายจากไทย ทั้งยังเชิญชวนให้มีการลงทุนสนามกอล์ฟเชื่อมดินแดนไทยกับกัมพูชาอีกด้วย
นักโทษชายทักษิณ จึงไม่เหลือหนทางมากนักนอกจากจะสร้างความปั่นป่วนให้เร็วที่สุดเพื่อหวังการเจรจาต่อรอง ซึ่งถึงสถานการณ์เช่นนี้อำนาจต่อรองก็ลดน้อยลงเต็มที
แต่ก็ยังไม่วายไม่รู้ว่าใครคิดแผนชั่ว ถึงขั้นที่คิดจะสร้างละครการพระราชทานอภัยโทษของกษัตริย์เขมรให้กับนายศิวรักษ์ ชุติพงศ์ที่ศาลเขมรสั่งจำคุก 7 ปี ในข้อหาจารกรรมข้อมูล มาเป็นสัญญลักษณ์กดดันและกระทบกระเทียบพระราชอำนาจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในการขอพระราชทานอภัยโทษให้กับนักโทษชายทักษิณซึ่งมีโทษจำคุก 2 ปี ?
ใครคิดแผนนี้ได้จริงต้องถือว่าชั่วได้สุดใจจริงๆ!