xs
xsm
sm
md
lg

ชุมนุมแดง 10 ธันวา กับละครโจโฉมอบมีดให้ตั๋งโต๊ะ!?

เผยแพร่:   โดย: ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ *-*

ตั้งแต่โบราณกาลมาคนที่เป็นข้าสองเจ้า บ่าวสองนาย ถือว่าเป็น “คนจัญไร”

“จัญไร” ในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน เป็นคำวิเศษณ์ แปลว่า เลวทราม, เป็นเสนียด, ไม่เป็นมงคล จังไรก็ว่า


ดังนั้น “คนจัญไร” จึงเหยียบแผ่นดินไหนก็เป็นเสนียด เป็นความอัปมงคล อยู่ประเทศไหนก็มีแต่จะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประเทศนั้นๆ “คนจัญไร” เป็นหัวหน้าหรือผู้นำคนกลุ่มใดย่อมบังเกิดแต่ความเสื่อมสลายล่มจมของคนกลุ่มนั้นเช่นกัน

ไม่มีใครยืนยันได้ว่า นักโทษชายทักษิณ ชินวัตร เป็นคนจัญไรหรือไม่ แต่เป็นที่ชัดเจนว่า นักโทษชายทักษิณ ชินวัตร ไปอยู่กัมพูชาไม่กี่วัน กัมพูชาก็ได้รับความเสียหายอย่างมหาศาล กลับไปอยู่ดูไบอีกครั้งไม่กี่วันก็เกิดวิกฤตเศรษฐกิจฟองสบู่แตกในดูไบ เกิดความเสียหายอย่างมหาศาลอีกเช่นกัน

เสน่ห์มนต์ขลังของ นักโทษชายทักษิณ ชินวัตร และคนเสื้อแดง เสื่อมลงอย่างรวดเร็วตั้งแต่นักโทษชายทักษิณผู้ซึ่งหนีศาลที่กระทำในพระปรมาภิไธยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จากราชอาณาจักรไทย ไปพึ่งพระบรมโพธิสมภารยอมไปเป็นข้าในขอบขันฑสีมาของราชอาณาจักรกัมพูชาในพระปรมาภิไธยของกษัตริย์เขมร

ความนิยมของนักโทษชายทักษิณ ชินวัตร และคนเสื้อแดง เสื่อมลงอีกหลังจากการสัมภาษณ์พาดพิงสถาบันพระมหากษัตริย์ในนิตยสารไทมส์ออนไลน์

ด้วยเคราะห์ซ้ำกรรมซ้อน คนเสื้อแดงและนักโทษชายทักษิณพยายามจัดชุมนุมใหญ่ในช่วงเวลามหามงคลในช่วงวันเฉลิมพระชนมพรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งคนไทยส่วนใหญ่รับไม่ได้และเกิดความรู้สึกต่อต้านเพิ่มมากขึ้นหลายเท่าทวีคูณ

21 พฤศจิกายน 2552 เอแบคโพลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนใน 18 จังหวัด พบว่าประชาชน “ไม่เห็นด้วย” ที่จะมีการนัดชุมนุมกันของกลุ่มประชาชนระหว่างวันที่ 28 พฤศจิกายน – 3 ธันวาคม 2552 ถึงร้อยละ 82.2 ด้วยเหตุผลว่า ที่ไม่เห็นด้วยเพราะ ทำให้บ้านเมืองวุ่นวายไม่สงบสุข เห็นว่าเป็นการทำเพื่อคนคนเดียว อยากให้คนไทยรักกัน เกรงจะเกิดผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศ

นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้นักโทษชายทักษิณ และคนเสื้อแดง จำใจต้องประกาศเลื่อนการชุมนุมออกไปเป็นวันที่ 10 ธันวาคม 2552 เนื่องจากไม่สามารถทัดทานความรู้สึกของประชาชนที่จงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้

วันที่ 5 ธันวาคม 2552 พสกนิกรชาวไทยทั่วประเทศต่างเฝ้ารอรับเสด็จฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว กันอย่างเนืองแน่นเป็นที่น่าประทับใจยิ่งนัก และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงมีกระแสพระราชดำรัส เนื่องในวโรกาสที่ได้เสด็จฯ ออกมหาสมาคม ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ในพระบรมมหาราชวัง ความตอนหนึ่งว่า

“ความสุข ความสวัสดีของข้าพเจ้าจะเกิดขึ้นได้ก็ด้วยบ้านเมืองของเรามีความเจริญ มั่นคง เป็นปกติสุข ความเจริญมั่นคงทั้งนั้น จะสำเร็จผลเป็นจริงไปได้  ก็ด้วยทุกคนทุกฝ่ายในชาติมุ่งที่จะปฏิบัติหน้าที่ของตนให้เต็มกำลัง ด้วยสติ รู้ตัว ด้วยปัญญา รู้ผิด และด้วยความสุจริต จริงใจ โดยเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมยิ่งกว่าส่วนอื่น”

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระพลานามัยแข็งแรงขึ้น สีพระพักตร์แจ่มใส พระสุรเสียงแข็งแรง ทำให้เหล่าพสกนิกรชาวไทยมีความสุขเข้ามาชมงานเฉลิมฉลองช่วงเวลามหามงคลเต็มถนนราชดำเนินยาวไปถึงพระที่นั่งอนันตสมาคมอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน

สำหรับคนไทยแล้ว ถ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีความสุข พสกนิกรก็มีความสุขไปด้วย ดังนั้น เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้มีกระแสพระราชดำรัสว่า “บ้านเมืองเจริญ มั่นคง ปกติสุข” คือสิ่งที่จะทำให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีความสุข สวัสดี พสกนิกรชาวไทยย่อมปรารถนาให้บ้านเมืองเจริญ มั่นคง ปกติสุข เช่นกัน ผู้มีอำนาจทุกฝ่ายและพสกนิกรชาวไทยจึงต้อง “ปฏิบัติหน้าที่ของตนให้เต็มกำลัง ด้วยสติ รู้ตัว ด้วยปัญญา รู้ผิด และด้วยความสุจริต จริงใจ โดยเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมยิ่งกว่าส่วนอื่น”

29 พฤศจิกายน – 7 ธันวาคม 2552 เอแบคโพลล์ทำการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนอีกครั้งพบว่า มีประชาชนที่เห็นว่าการชุมนุมของคนเสื้อแดงในวันที่ 10 ธันวาคม 2552 นั้นไม่เหมาะสมเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 90.4

ที่น่าสนใจในผลสำรวจนี้ก็ตรงที่ว่า แม้แต่กลุ่มประชาชนที่เคยเป็นสมาชิกพรรคไทยรักไทย ยังไม่เห็นด้วยถึงร้อยละ 90.3 โดยให้เหตุผลไว้หลายประการ เช่น เกรงว่าจะทำให้ในหลวงไม่สบายพระทัย, ไม่ต้องการเห็นความวุ่นวาย, ประเทศบอบช้ำมามากแล้ว, รัฐบาลเพิ่งเริ่มทำงานควรให้โอกาสรัฐบาลทำงานต่อไปก่อน, ควรช่วยกันแก้ไขปัญหาของชาติก่อน, อยากให้คนไทยสามัคคีกันให้มากกว่านี้ และควรแก้ปัญหาด้วยเหตุผล เป็นต้น

น่าสังเกตว่าเหตุผลอันดับแรกที่ไม่เห็นด้วยกับการชุมนุมในการสำรวจครั้งหลังสุดระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน – 7 ธันวาคม 2552 คือ “เกรงว่าจะทำให้ในหลวงไม่สบายพระทัย” ซึ่งต่างจากการสำรวจเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2552 ว่ากลุ่มคนที่ไม่เห็นด้วยกับการชุมนุมของคนเสื้อแดงเพราะ “ทำให้บ้านเมืองวุ่นวายไม่สงบสุข”

ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นย่อมแสดงให้เห็นว่า ประชาชนชาวไทยมีความผูกพันและมีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้รับการยอมรับและยกย่องทั้งในประเทศและต่างประเทศ ไม่เว้นแม้แต่ผู้นำประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกา จึงย่อมเป็นหลักประกันได้ว่าไม่มีใครคนใดที่จะสามารถนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุขอย่างที่เป็นอยู่ในเวลานี้ได้

หลายคนมีความเชื่อมั่นว่าความสุขของคนไทยในช่วงเวลาลักษณะเช่นนี้ยังอยู่ได้อีกนาน เพราะเมื่อ 3 ปีที่แล้วที่ ท่านผู้หญิงบุตรี วีระไวทยะ รองราชเลขาธิการ จัดถวายพระพรและขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตที่จะถวายพระพรว่า ขอให้พระองค์ทรงพระเจริญ มีพระชนมพรรษาเกินกว่า 100 พรรษา และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวซึ่งเป็นพระมหากษัตริย์ผู้ทรงไว้ซึ่งทศพิธราชธรรมได้มีกระแสพระราชดำรัสระหว่างการจัดงานถวายพระพรว่า

“ฉันจะอยู่ถึง 120 ปี จะอยู่จนฉลองพระราชพิธีครองสิริราชสมบัติครบ 100 ปี”

การที่กลุ่มคนเสื้อแดงดันทุรังชุมนุมต่อในวันที่ 10 ธันวาคม 2552 ณ บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนิน อันเป็นสถานที่ซึ่งกำลังจัดงานให้คนไทยมีความสุขกับการเทิดพระเกียรติอยู่ตอนนี้ ย่อมถือเป็นการฝืนธรรมชาติ ฝืนความรู้สึกของคนไทย จนน่าจะเข้าสู่ยุคตกต่ำถึงที่สุดในความนิยมที่มีต่อนักโทษชายทักษิณและคนเสื้อแดงแล้ว


โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อรัฐบาลประกาศว่าพร้อมที่จะเลื่อนการจัดงานเฉลิมพระเกียรติบริเวณถนนราชดำเนินออกไปถึงวันที่ 13 ธันวาคม 2552 เพื่อให้สอดคล้องกับเวลาการจัดงานแสดงแสงสีเสียง 4 มิติที่บริเวณพระที่นั่งอนันตสมาคม โดยยื่นเงื่อนไขว่าจะทำได้ก็ต่อเมื่อคนเสื้อแดงเลื่อนการชุมนุมออกไปด้วยแล้ว ก็ยิ่งเป็นการโยนข้อหา “ผู้ทำลายความสุขของคนไทย” ยัดเยียดให้กับการชุมนุมของคนเสื้อแดงชัดเจนมากขึ้นไปอีก

ดังนั้น การจัดการชุมนุมของคนเสื้อแดงในวันที่ 10 ธันวาคม 2552 ณ บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ด้านหนึ่งถ้าคนเสื้อแดงจัดการชุมนุมแล้วคนมาน้อยหรือล้มเหลวก็เป็นการประจานความตกต่ำของตัวเอง อีกด้านหนึ่งถ้าจัดการชุมนุมสำเร็จก็อาจโดนข้อหาทำลายความสุขของคนไทยในช่วงเวลามหามงคลอีก เสียหายทั้งขึ้นทั้งร่อง

และถึงแม้จะมาปรับว่าจะมาถวายพระพรด้วยการให้นักโทษชายทักษิณ มาร้องเพลงเทิดพระเกียรติก็ดูเป็นเรื่องที่ประหลาดจนประชาชนต้องตั้งคำถามอยู่หลายประการ

ประการแรก ถ้านักโทษชายทักษิณ และคนเสื้อแดง มีเจตนาในการเทิดพระเกียรติจริง ก็คงไม่ต้องเลื่อนการชุมนุมออกมาจากวันที่ 28 พฤศจิกายน – 3 ธันวาคม 2552 ใช่หรือไม่? เหตุใดกลับมา “พลิกเกมภายหลัง” มาเป็นการนำร้องเพลงเทิดพระเกียรติในวันที่ 10 ธันวาคม 2552 ซึ่งเป็น “วันรัฐธรรมนูญ”

ประการที่สอง ถ้านักโทษชายทักษิณมีความจงรักภักดีจริง เอาเรื่องการร้องเพลงเทิดพระเกียรติมาบังหน้าแต่กลับประกาศว่าจะเรียกร้องแต่รัฐธรรมนูญปี 2540 ได้อย่างไร? ในเมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้เคยมีกระแสพระราชดำริความตอนหนึ่งในการประกาศใช้รัฐธรรมนูญปี 2550 ว่า “สมควรพระราชทานพระบรมราชาอนุมัติตามมติของมหาชน”

นอกจากนั้นยังมีข้อความบางตอนปรากฏอยู่ในพระบรมราชโองการ ให้ใช้รัฐธรรมนูญปี 2550 ด้วยว่า “ขอปวงชนชาวไทย จงมีความสมัครสโมสรเป็นเอกฉันท์ ในอันที่จะปฏิบัติตามและพิทักษ์รักษารัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยนี้ เพื่อธำรงคงไว้ซึ่งระบอบประชาธิปไตยและอำนาจอธิปไตยของปวงชนชาวไทย และนำมาซึ่งความผาสุกสิริสวัสดิ์พิพัฒนชัยมงคล เอนกศุภผล สกลเกียรติยศสถาพร แก่อาณาประชาราษฎร์ทั่วสยามรัฐสีมา สมดั่งพระบรมราชปณิธานปรารถนาทุกประการเทอญ”

ประการที่สาม ถ้ามีความจงรักภักดีและอยากจะร้องเพลงเทิดพระเกียรติด้วยความจริงใจแล้ว จะตอบคำถามได้อย่างไรกับการหนีและไม่ยอมรับคำตัดสินของศาลฎีกาที่กระทำใน “พระปรมาภิไธยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแห่งราชอาณาจักรไทย” แต่กลับหนีไปพึ่งพระบรมโพธิสมภารเป็นข้าในขอบขันธสีมาของกษัตริย์เขมร?

ไม่ต้องพูดถึง แผนชั่วร้ายของคนบางกลุ่มถึงขั้นที่คิดจะสร้างละครการพระราชทานอภัยโทษของกษัตริย์เขมรให้แก่นายศิวรักษ์ ชุติพงษ์ ที่ศาลเขมรสั่งจำคุก 7 ปี ในข้อหาจารกรรมข้อมูล มากดดันและกระทบกระเทียบพระราชอำนาจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการขอพระราชทานอภัยโทษให้แก่นักโทษชายทักษิณ ซึ่งมีโทษจำคุก 2 ปี

เหตุการณ์เหล่านี้ทำให้นึกถึงเรื่องสามก๊ก ที่ครั้งหนึ่งโจโฉพกมีดมาง้างแขนหมายที่จะแทงสังหารตั๋งโต๊ะให้ตายในขณะที่นอนหลับอยู่ แต่ตั๋งโต๊ะกลับลืมตาตื่นขึ้นก่อน โจโฉกลัวถูกจับได้จึงพลิกเกมเล่นละครตบตาด้วยการคุกเข่าทำเป็นว่านำมีดงามนี้มามอบให้ตั๋งโต๊ะเป็นของขวัญด้วยความเคารพรักอย่างยิ่ง

สุดท้ายที่ต้องยืนยันให้ “นายตักขี้ กินชะมัด” และพวกอีแอบที่เตรียมชุบมือเปิบทั้งหลาย ได้รับทราบอีกครั้งหนึ่งว่า แผนล้มกระดานและการยุบสภาในระยะเวลาอันสั้นนี้ไม่มีทางสำเร็จ และได้พ่ายแพ้หมดรูปแล้ว!
กำลังโหลดความคิดเห็น