การขายชาติ คำว่าขายชาติที่ผ่านมาเป็นเพียงคำพูด หรือเป็นเพียงคำเปรียบเปรยเท่านั้น ไม่คิดว่าจะมีการขายชาติเกิดขึ้นจริง แต่ทุกวันนี้มีการขายชาติแล้วจริง การขายชาติเกิดจาก 2 รูปแบบ คือ ด้วยความไม่ตั้งใจหรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์กับด้วยความตั้งใจ
1) การขายชาติที่เกิดจากความไม่ตั้งใจหรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เกิดจากการนำเครื่องมือที่ผิดพลาดมาใช้ในระบบเศรษฐกิจ ตลาดหุ้นคืออบายมุขกองโต คือเครื่องมือที่ผิดพลาดในระบบเศรษฐกิจ ทำให้เกิดการขายชาติโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์
World Fund สามารถทำกำไรได้จากทั้งตลาดขาขึ้นและตลาดขาลง ผ่านตลาดตราสารอนุพันธ์ WF สวมรอยปั่นให้ตลาดหุ้นขึ้นและตกแรงมากขึ้นไปอีก ยิ่งตลาดหุ้นขึ้นแรงเท่าใดเขายิ่งได้กำไรมากเท่านั้น ยิ่งตลาดตกมากเท่าใด เขาก็ยิ่งได้กำไรได้มากเช่นเดียวกัน ได้ทั้งขึ้นและทั้งล่อง ส่งผลให้เงินท่วมประเทศและท่วมโลก
เมื่อตลาดหุ้นสูงขึ้น สภาพคล่องของระบบสูง ทำให้มีการขยายกิจการมากขึ้น เมื่อตลาดหุ้นพังทลาย ทำให้สภาพคล่องของระบบเสียหาย กำลังซื้อหดตัวรุนแรง ความเชื่อมั่นตกลง กำลังซื้อหดหาย ส่งผลให้กิจการต่างๆ พังทลายลง การพังทลายของตลาดหุ้นในปี 2537 ทำความเสียหายแก่ภาคการผลิตจริงอย่างหนัก เอกชนส่วนใหญ่ล้มละลาย ที่ไม่ให้ล้มละลาย ก็เอาหุ้นไปจำนองจำนำกับต่างชาติ เพื่อให้ได้เงินมาเสริมสภาพคล่อง เมื่อไม่สามารถไถ่ถอนการจำนองจำนำได้ ก็ตกเป็นของต่างชาติ
สถาบันการเงินขนาดใหญ่ ที่เคยเป็นของคนไทย ทุกวันนี้ไม่ใช่ของคนไทย มันได้ตกเป็นของต่างชาติแล้ว สอบข้อมูลล่าสุด จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2552 ดูส่วนแบ่งผู้ถือหุ้นใหญ่ พบว่า ส่วนแบ่งผู้ถือหุ้นใหญ่ธนาคารกรุงเทพ ที่เป็นของคนไทย เหลือ 11.05 เปอร์เซ็นต์ ธนาคารกสิกรไทย ที่เป็นของคนไทย เหลือ 3.17 เปอร์เซ็นต์ ธนาคารไทยพาณิชย์ ที่เป็นของคนไทย เหลือ 34.94 เปอร์เซ็นต์ เหตุที่ธนาคารไทยพาณิชย์ มีอัตราส่วนที่เป็นของคนไทยสูง เนื่องจากมีการขายที่ดินผืนใหญ่ ทุ่งพญาไท ไปไถ่ถอนการจำนองจำนำออกมา
2) การขายชาติด้วยความจงใจ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้เตรียมการหลายอย่าง ก่อนการขาย ชินคอร์ปให้กับกองทุนเทมาเส็กของสิงคโปร์ พ.ร.บ.ลดสัดส่วนการถือครองหุ้นโทรคมนาคมของต่างชาติ จากไม่เกิน 25 เปอร์เซ็นต์ เป็นไม่เกิน 50 เปอร์เซ็นต์ และยกเลิกกรรมการในส่วนที่นิติบุคคลที่เป็นต่างชาติไม่เกิน 1 ใน 4 (คือให้ต่างชาติเป็นกรรมการได้ 100 เปอร์เซ็นต์) เป็นข้อต่อรองที่ทำให้การขายชินคอร์ปได้ราคาสูงขึ้น พ.ร.บ.ดังกล่าวประกาศในราชกิจจานุเบกษาวันศุกร์ ที่ 20 มกราคม 2549 วันทำการรุ่งขึ้น คือวันจันทร์ที่ 23 มกราคม 2549 ได้ทำการซื้อขายชินคอร์ป 49 เปอร์เซ็นต์ ระหว่างทักษิณ ชินวัตรกับเทมาเส็ก
ช่วงก่อนการขายชินคอร์ป ทักษิณได้มีปาฐกถาพิเศษที่สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ พูดถึง Globalization ว่า ทุกวันนี้ “การเคลื่อนไหวทุนของโลกไม่มีพรหมแดน โลกที่ทันสมัยต้องรู้จักเปลี่ยนกระดาษให้เป็นเงิน” สมาชิกสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติงงกันไปหมด ว่าการเปลี่ยนกระดาษเป็นเงินทำอย่างไร และทราบได้ หลังการขายชินคอร์ปให้เทมาเส็ก
ทักษิณใช้สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เป็นเครื่องมือแสดงออกของมิจฉาทิฐิ ลวงคนไทยให้ยอมรับ ให้เชื่อว่าการขายสินทรัพย์ของประเทศให้ต่างชาติ เป็นการกระทำที่ถูกต้อง
เงินที่ได้จากการขายชาติ ไม่ได้เกิดประโยชน์อันใดต่อระบบ เงินที่ได้นำเข้ากระเป๋าตนเอง ไม่เป็นไปตามหลักสัมมามรรคแห่งระบบเศรษฐกิจพอเพียง รวยล้นคนเดียว เอารัดเอาเปรียบระบบ ธุรกรรมแบบอีลิทการ์ด ตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2546 คือธุรกรรมที่มักง่าย มีรูปแบบของการขายชาติเช่นกัน
การขายชาติที่เกิดจากความไม่ตั้งใจหรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์ และการขายชาติด้วยความจงใจ เกิดจากการทำธุรกรรมในตลาดหุ้น หรือตลาดอบายมุขกองโตที่สุดของประเทศ
ผู้เขียนไม่เห็นด้วยกับคนทั่วไป ว่าเป็นการขายหุ้นโดยไม่เสียภาษีให้รัฐ แท้จริงเป็นการขายสมบัติชาติ หรือขายชาติโดยตรง
การทรยศชาติ ทักษิณไม่ใช่คนที่มีวิสัยทัศน์ปรัชญาทางเศรษฐกิจ เพียงแต่ใช้ทักษะการโฆษณาชวนเชื่อ ยกหางตัวเองผ่านสื่อ ว่าตนเองมีวิสัยทัศน์ 6-7 ปีของมิจฉาวาจา ผ่านรายการนายกฯ พบประชาชนทุกเช้าวันเสาร์ ทำให้ผู้คนหลงเชื่อหัวปักหัวปำ สวมรอยว่าเป็นคนใช้หนี้ไอเอ็มเอฟหมด สวมรอยว่าเป็นคนทำให้ราคายางและราคาสินค้าเกษตรสูงขึ้น
ทักษิณเอาเรื่องการใช้หนี้ไอเอ็มเอฟหมดในกลางปี 2546 มาทำประโยชน์แก่ตนเอง สร้างเป็นภาพดี ลากราคาหุ้นขึ้นไปขายได้สูงสุดในต้นปี 2547 ช่วง 3 ปีแรกตลาดหุ้นยุคทักษิณพุ่งสูงขึ้นแรงมากที่สุดในโลก ทำให้ทักษิณนำเรื่องนี้มาโฆษณาชวนเชื่อบ่อยครั้ง แต่หลังจาก 3 ปีแรก ตลาดหุ้นของทักษิณไม่เคยมีจุดสูงสุดใหม่อีกเลย ผิดกับตลาดหุ้นโลก มีจุดสูงสุดใหม่ตลอดเวลา จนถึงต้นปี 2551
ทักษิณเข้าไปเกี่ยวข้องส่วนใด ล้วนทำประโยชน์จากส่วนนั้น แต่ “ส่วนนั้น” กลับเสียหายและก่อความเดือดร้อนให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทุกเรื่อง ทักษิณได้ประโยชน์จากการนำปตท. (PTT) เข้าตลาดหุ้น แต่ปตท.ก็ขึ้นราคาน้ำมันขายปลีกหน้าปั๊ม ทำคนเดือดร้อนทั่วประเทศ มั่งคั่งขึ้นจากการเข้าไปบริหาร ธ.ทหารไทย ไอทีวี และแมนซิตี้ แต่ทั้ง ธ.ทหารไทย ไอทีวี และแมนซิตี้ ก็ขาดทุน ไอทีวีถึงกับต้องปิดกิจการ มีหนี้กับทางการประมาณแสนล้าน
หากเป็นสัมมามรรคจริง ทักษิณต้องแนะนำให้คนในชาติ 64 ล้านคน เกิดความมั่งคั่งมีเงิน 4 แสนล้านบาทด้วยวิธีเดียวกันกับตนเองได้ บอกแต่ให้ทำโอทอป วิสัยทัศน์แก้ปัญหาความยากจนแบบอาจสามารถโมเดล หาสาระไม่ได้ แต่จับความได้ว่า ให้คนรวยบริจาคให้คนจน นี่หรือคือการแก้ปัญหาความยากจน
ได้ข่าวไปเป็นที่ปรึกษา ยูกันดา ฟิจิ แองโกลา แต่ของจริงคือไปได้สัมปทานขายสลากกินแบ่งจากประเทศทั้ง 3 เอาประโยชน์เข้าตนเอง แต่เอาอบายมุขไปให้ 3 ประเทศ โหดร้ายทารุณแม้แต่กับประเทศที่ยากจน ที่ปรึกษาเศรษฐกิจแบบไหนกัน
ประวัติศาสตร์ไทย ไม่เคยมีคนไทยไปพึ่งพระบรมโพธิสมภารกษัตริย์เขมร มีแต่เขมรมาพึ่งพระบรมโพธิสมภารกษัตริย์ไทย เพิ่งมีทักษิณที่ทำให้เสียประวัติศาสตร์ เสียศักดิ์ เสียเกียรติของประเทศอย่างย่อยยับ ทักษิณเป็นเพียงที่ปรึกษาเศรษฐกิจกำมะลอ จะไม่ทำให้กัมพูชามั่นคง มีปัจจัยซ่อนเร้นส่วนตน เป็นการทรยศชาติไทย
วันจันทร์ที่ 23 มกราคม 2549 ขายชินคอร์ป คือการขายชาติ อีก 4 ปีถัดมา
วันพฤหัสบดีที่ 12 พฤศจิกายน 2552 เป็นที่ปรึกษากำมะลอไปพูดที่ประเทศกัมพูชา คือการทรยศชาติ
ทักษิณเป็นคนแรกของประวัติศาสตร์ไทย เป็นทั้งผู้ขายชาติ และผู้ทรยศชาติ
1) การขายชาติที่เกิดจากความไม่ตั้งใจหรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เกิดจากการนำเครื่องมือที่ผิดพลาดมาใช้ในระบบเศรษฐกิจ ตลาดหุ้นคืออบายมุขกองโต คือเครื่องมือที่ผิดพลาดในระบบเศรษฐกิจ ทำให้เกิดการขายชาติโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์
World Fund สามารถทำกำไรได้จากทั้งตลาดขาขึ้นและตลาดขาลง ผ่านตลาดตราสารอนุพันธ์ WF สวมรอยปั่นให้ตลาดหุ้นขึ้นและตกแรงมากขึ้นไปอีก ยิ่งตลาดหุ้นขึ้นแรงเท่าใดเขายิ่งได้กำไรมากเท่านั้น ยิ่งตลาดตกมากเท่าใด เขาก็ยิ่งได้กำไรได้มากเช่นเดียวกัน ได้ทั้งขึ้นและทั้งล่อง ส่งผลให้เงินท่วมประเทศและท่วมโลก
เมื่อตลาดหุ้นสูงขึ้น สภาพคล่องของระบบสูง ทำให้มีการขยายกิจการมากขึ้น เมื่อตลาดหุ้นพังทลาย ทำให้สภาพคล่องของระบบเสียหาย กำลังซื้อหดตัวรุนแรง ความเชื่อมั่นตกลง กำลังซื้อหดหาย ส่งผลให้กิจการต่างๆ พังทลายลง การพังทลายของตลาดหุ้นในปี 2537 ทำความเสียหายแก่ภาคการผลิตจริงอย่างหนัก เอกชนส่วนใหญ่ล้มละลาย ที่ไม่ให้ล้มละลาย ก็เอาหุ้นไปจำนองจำนำกับต่างชาติ เพื่อให้ได้เงินมาเสริมสภาพคล่อง เมื่อไม่สามารถไถ่ถอนการจำนองจำนำได้ ก็ตกเป็นของต่างชาติ
สถาบันการเงินขนาดใหญ่ ที่เคยเป็นของคนไทย ทุกวันนี้ไม่ใช่ของคนไทย มันได้ตกเป็นของต่างชาติแล้ว สอบข้อมูลล่าสุด จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2552 ดูส่วนแบ่งผู้ถือหุ้นใหญ่ พบว่า ส่วนแบ่งผู้ถือหุ้นใหญ่ธนาคารกรุงเทพ ที่เป็นของคนไทย เหลือ 11.05 เปอร์เซ็นต์ ธนาคารกสิกรไทย ที่เป็นของคนไทย เหลือ 3.17 เปอร์เซ็นต์ ธนาคารไทยพาณิชย์ ที่เป็นของคนไทย เหลือ 34.94 เปอร์เซ็นต์ เหตุที่ธนาคารไทยพาณิชย์ มีอัตราส่วนที่เป็นของคนไทยสูง เนื่องจากมีการขายที่ดินผืนใหญ่ ทุ่งพญาไท ไปไถ่ถอนการจำนองจำนำออกมา
2) การขายชาติด้วยความจงใจ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้เตรียมการหลายอย่าง ก่อนการขาย ชินคอร์ปให้กับกองทุนเทมาเส็กของสิงคโปร์ พ.ร.บ.ลดสัดส่วนการถือครองหุ้นโทรคมนาคมของต่างชาติ จากไม่เกิน 25 เปอร์เซ็นต์ เป็นไม่เกิน 50 เปอร์เซ็นต์ และยกเลิกกรรมการในส่วนที่นิติบุคคลที่เป็นต่างชาติไม่เกิน 1 ใน 4 (คือให้ต่างชาติเป็นกรรมการได้ 100 เปอร์เซ็นต์) เป็นข้อต่อรองที่ทำให้การขายชินคอร์ปได้ราคาสูงขึ้น พ.ร.บ.ดังกล่าวประกาศในราชกิจจานุเบกษาวันศุกร์ ที่ 20 มกราคม 2549 วันทำการรุ่งขึ้น คือวันจันทร์ที่ 23 มกราคม 2549 ได้ทำการซื้อขายชินคอร์ป 49 เปอร์เซ็นต์ ระหว่างทักษิณ ชินวัตรกับเทมาเส็ก
ช่วงก่อนการขายชินคอร์ป ทักษิณได้มีปาฐกถาพิเศษที่สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ พูดถึง Globalization ว่า ทุกวันนี้ “การเคลื่อนไหวทุนของโลกไม่มีพรหมแดน โลกที่ทันสมัยต้องรู้จักเปลี่ยนกระดาษให้เป็นเงิน” สมาชิกสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติงงกันไปหมด ว่าการเปลี่ยนกระดาษเป็นเงินทำอย่างไร และทราบได้ หลังการขายชินคอร์ปให้เทมาเส็ก
ทักษิณใช้สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เป็นเครื่องมือแสดงออกของมิจฉาทิฐิ ลวงคนไทยให้ยอมรับ ให้เชื่อว่าการขายสินทรัพย์ของประเทศให้ต่างชาติ เป็นการกระทำที่ถูกต้อง
เงินที่ได้จากการขายชาติ ไม่ได้เกิดประโยชน์อันใดต่อระบบ เงินที่ได้นำเข้ากระเป๋าตนเอง ไม่เป็นไปตามหลักสัมมามรรคแห่งระบบเศรษฐกิจพอเพียง รวยล้นคนเดียว เอารัดเอาเปรียบระบบ ธุรกรรมแบบอีลิทการ์ด ตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2546 คือธุรกรรมที่มักง่าย มีรูปแบบของการขายชาติเช่นกัน
การขายชาติที่เกิดจากความไม่ตั้งใจหรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์ และการขายชาติด้วยความจงใจ เกิดจากการทำธุรกรรมในตลาดหุ้น หรือตลาดอบายมุขกองโตที่สุดของประเทศ
ผู้เขียนไม่เห็นด้วยกับคนทั่วไป ว่าเป็นการขายหุ้นโดยไม่เสียภาษีให้รัฐ แท้จริงเป็นการขายสมบัติชาติ หรือขายชาติโดยตรง
การทรยศชาติ ทักษิณไม่ใช่คนที่มีวิสัยทัศน์ปรัชญาทางเศรษฐกิจ เพียงแต่ใช้ทักษะการโฆษณาชวนเชื่อ ยกหางตัวเองผ่านสื่อ ว่าตนเองมีวิสัยทัศน์ 6-7 ปีของมิจฉาวาจา ผ่านรายการนายกฯ พบประชาชนทุกเช้าวันเสาร์ ทำให้ผู้คนหลงเชื่อหัวปักหัวปำ สวมรอยว่าเป็นคนใช้หนี้ไอเอ็มเอฟหมด สวมรอยว่าเป็นคนทำให้ราคายางและราคาสินค้าเกษตรสูงขึ้น
ทักษิณเอาเรื่องการใช้หนี้ไอเอ็มเอฟหมดในกลางปี 2546 มาทำประโยชน์แก่ตนเอง สร้างเป็นภาพดี ลากราคาหุ้นขึ้นไปขายได้สูงสุดในต้นปี 2547 ช่วง 3 ปีแรกตลาดหุ้นยุคทักษิณพุ่งสูงขึ้นแรงมากที่สุดในโลก ทำให้ทักษิณนำเรื่องนี้มาโฆษณาชวนเชื่อบ่อยครั้ง แต่หลังจาก 3 ปีแรก ตลาดหุ้นของทักษิณไม่เคยมีจุดสูงสุดใหม่อีกเลย ผิดกับตลาดหุ้นโลก มีจุดสูงสุดใหม่ตลอดเวลา จนถึงต้นปี 2551
ทักษิณเข้าไปเกี่ยวข้องส่วนใด ล้วนทำประโยชน์จากส่วนนั้น แต่ “ส่วนนั้น” กลับเสียหายและก่อความเดือดร้อนให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทุกเรื่อง ทักษิณได้ประโยชน์จากการนำปตท. (PTT) เข้าตลาดหุ้น แต่ปตท.ก็ขึ้นราคาน้ำมันขายปลีกหน้าปั๊ม ทำคนเดือดร้อนทั่วประเทศ มั่งคั่งขึ้นจากการเข้าไปบริหาร ธ.ทหารไทย ไอทีวี และแมนซิตี้ แต่ทั้ง ธ.ทหารไทย ไอทีวี และแมนซิตี้ ก็ขาดทุน ไอทีวีถึงกับต้องปิดกิจการ มีหนี้กับทางการประมาณแสนล้าน
หากเป็นสัมมามรรคจริง ทักษิณต้องแนะนำให้คนในชาติ 64 ล้านคน เกิดความมั่งคั่งมีเงิน 4 แสนล้านบาทด้วยวิธีเดียวกันกับตนเองได้ บอกแต่ให้ทำโอทอป วิสัยทัศน์แก้ปัญหาความยากจนแบบอาจสามารถโมเดล หาสาระไม่ได้ แต่จับความได้ว่า ให้คนรวยบริจาคให้คนจน นี่หรือคือการแก้ปัญหาความยากจน
ได้ข่าวไปเป็นที่ปรึกษา ยูกันดา ฟิจิ แองโกลา แต่ของจริงคือไปได้สัมปทานขายสลากกินแบ่งจากประเทศทั้ง 3 เอาประโยชน์เข้าตนเอง แต่เอาอบายมุขไปให้ 3 ประเทศ โหดร้ายทารุณแม้แต่กับประเทศที่ยากจน ที่ปรึกษาเศรษฐกิจแบบไหนกัน
ประวัติศาสตร์ไทย ไม่เคยมีคนไทยไปพึ่งพระบรมโพธิสมภารกษัตริย์เขมร มีแต่เขมรมาพึ่งพระบรมโพธิสมภารกษัตริย์ไทย เพิ่งมีทักษิณที่ทำให้เสียประวัติศาสตร์ เสียศักดิ์ เสียเกียรติของประเทศอย่างย่อยยับ ทักษิณเป็นเพียงที่ปรึกษาเศรษฐกิจกำมะลอ จะไม่ทำให้กัมพูชามั่นคง มีปัจจัยซ่อนเร้นส่วนตน เป็นการทรยศชาติไทย
วันจันทร์ที่ 23 มกราคม 2549 ขายชินคอร์ป คือการขายชาติ อีก 4 ปีถัดมา
วันพฤหัสบดีที่ 12 พฤศจิกายน 2552 เป็นที่ปรึกษากำมะลอไปพูดที่ประเทศกัมพูชา คือการทรยศชาติ
ทักษิณเป็นคนแรกของประวัติศาสตร์ไทย เป็นทั้งผู้ขายชาติ และผู้ทรยศชาติ