xs
xsm
sm
md
lg

ประเมินศึกปิดบัญชีของเสื้อแดง

เผยแพร่:   โดย: สิริอัญญา

เหลือเวลาอีก 4 วัน รัฐสภาก็จะปิดสมัยประชุมแล้ว และเหลือเวลาอีกเพียง 40 วัน ก็จะถึงวันส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่กันแล้ว แต่บ้านเมืองกลับร้อนรุ่มด้วยไฟแห่งคำขู่ของแกนนำคนเสื้อแดง ว่าจะปิดบัญชีล้มรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ให้ได้ก่อนปีใหม่

จะมีการจัดชุมนุมใหญ่ระดมพลนับล้านคนมาชุมนุมที่ทำเนียบรัฐบาล ในวันที่ 29 พฤศจิกายน ศกนี้ และจะชุมนุมไปเรื่อยๆ รัฐบาลไม่ล้มไม่เลิก แต่ระบุว่าจะยกเว้นให้เฉพาะวันที่ 4 กับวันที่ 5 ธันวาคม ศกนี้ ซึ่งเป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

ยังอุตส่าห์แสดงเยื่อใยของความจงรักภักดีโดยที่หารู้ไม่ว่าได้เปิดเผยโฉมหน้าอันล่อนจ้อนออกมาให้เห็นแล้ว ว่าที่บังอาจกระทำการในช่วงเวลาเช่นนี้ก็เพื่อให้กระทบต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ไปพร้อมกันด้วย

นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เคยประกาศวาทะกรรมอันลือลั่นในการต่อสู้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ว่าเจ๊งเป็นเจ๊ง ตายเป็นตาย ซึ่งนายสนธิ ลิ้มทองกุล ก็ได้พิสูจน์ให้เห็นจนไม่มีข้อสงสัยใดๆ อีกแล้ว

คนเสื้อแดงได้พยายามเอาอย่างเอาแบบของกลุ่มพันธมิตรฯ แทบจะทุกฝีก้าว และแทบจะทุกกระบวนท่า แต่ผลที่ได้กลับไม่เหมือนกัน และเป็นไปในทางตรงกันข้ามกันเสมอ แต่ก็หามีผู้ใดได้สะกิดใจสำนึกไม่

มาคราวนี้ที่ประกาศว่าถ้าล้มรัฐบาลไม่ได้ก็ไม่เลิกนั้น ไม่อยากจะกล่าวว่าลอกขี้ปากเขามาพูด จึงกล่าวแต่เพียงว่าละม้ายคล้ายคลึงกับลีลากระบวนท่าวาทกรรมของนายสนธิ ลิ้มทองกุล อีกแล้ว

เพราะเหตุนี้ความคิดและกระบวนท่าที่ลอกเลียนแบบจึงไม่ใช่ผลึกของสถานการณ์ที่นำมาใช้ในการกำหนดภาระหน้าที่ ตลอดจนยุทธวิธีและกลยุทธ์ต่างๆ ในการเคลื่อนไหว แต่เป็นแค่วาทกรรมที่พยายามทำให้คล้ายคลึงกันเท่านั้น จึงถือเป็นอันแน่นอนอันใดมิได้

เมื่อวาทกรรมที่ประกาศปิดบัญชีรัฐบาลก่อนสิ้นปี หากล้มไม่ได้ก็ไม่เลิก เอาแน่นอนอันใดมิได้แล้วจึงต้องมาดูสถานการณ์ที่แท้จริงกันว่าน่าจะเป็นไปในทางใด และผลจะเป็นประการใด

ก่อนอื่นก็ต้องกล่าวอ้างถึงสิ่งที่พลเรือเอกบรรณวิทย์ เก่งเรียน อดีตรองผู้บัญชาการทหารสูงสุดและอดีตรองปลัดกระทรวงกลาโหม ที่ช่ำชองโชกโชนด้านการข่าว ได้นำมาเปิดเผยก่อนหน้านี้ เพราะเป็นนัยสำคัญอย่างยิ่งต่อความเป็นไปในบ้านเมืองในห้วงเวลานี้ นั่นคือการแฉแผน 4 ประสานเพื่อล้มรัฐบาลที่เป็นข่าวตามสื่อมวลชนไปแล้วเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา

พลเรือเอกบรรณวิทย์ เก่งเรียน ได้เปิดเผยว่ามีการทำแผน 4 ประสานเพื่อล้มรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ โดยมี 4 กระบวนคือ

กระบวนแรก เป็นกระบวนเรื่องรัฐปัตตานี ยุยงผู้ก่อความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ให้วางระเบิดคาร์บอมบ์เพื่อให้เกิดความระส่ำระสาย

กระบวนที่สอง เป็นกระบวนชักศึกเข้าบ้าน สร้างสถานการณ์ปะทะกันทางการทหาร ที่ชายแดนไทย-เขมร ในระดับใกล้กองพล เพื่อดึงกำลังทหารไทยจากกองทัพภาคที่ 1 และภาคที่ 2 ไปรับศึกที่ชายแดน เพื่อทำให้กรุงเทพฯ เกิดช่องว่างทางกำลังขึ้น

กระบวนที่สาม เป็นกระบวนมวลชนจัดชุมนุมก่อความรุนแรงเข้ายึดทำเนียบรัฐบาลและกองบัญชาการกองทัพ ประกาศปฏิวัติประชาชนแล้วใช้สื่อมวลชนทำปฏิบัติการจิตวิทยา

กระบวนที่สี่ เป็นกระบวนลักไก่ยึดอำนาจ โดยใช้กำลังทหารรับจ้าง ทหารนอกแถว และทหารต่างด้าว

พลเรือเอกบรรณวิทย์ เก่งเรียน ระบุว่าแผน 4 ประสานล้มเหลวลงก่อนหน้านี้ เพราะผู้เกี่ยวข้องล้วนทำเพื่อเงิน และไร้ฝีมือ ทั้งไม่ประสานกันจริงๆ รวมทั้งมีความผิดพลาดทางการเมืองเกิดขึ้น

เมื่อเป็นเช่นนี้มิได้หมายความว่าความล้มเหลวที่ผ่านมาจะทำให้แผนดังกล่าวนี้ถูกทำลายไปด้วย เพราะหากมีแผนเช่นนี้แล้วโครงสร้างและการปฏิบัติงานตามแผนก็ย่อมยังมีอยู่ คงเหลือว่าจะนำมาใช้เมื่อใด และพลิกแพลงแต่งเติมเสริมต่อประการใดบ้างเท่านั้น แต่โดยนัยสำคัญก็น่าจะอยู่ภายในกรอบ 4 ประสานดังกล่าวนั่นเอง

ทว่า 4 กระบวนอันเป็น 4 ประสานตามแผนนี้ ใช่ว่าจะนั่งนึกเอาเองหรือเดินหมากเอาแต่ข้างเดียวได้ รัฐบาลย่อมมีหูตา ย่อมมีการข่าว และย่อมมีกำลังที่รู้เท่าทันและมีขีดความสามารถที่จะหยุดยั้งสถานการณ์หรือแม้แต่การกำราบปราบปรามได้

เพราะความเป็นรัฏฐาธิปัตย์ และอำนาจรัฐที่ได้รับพระราชทานมานั้นเป็นของศักดิ์สิทธิ์ สามารถกำจัดอริราชศัตรูและหมู่ชนผู้ก่อกบฏได้เสมอ

ดังนั้นจึงค่อนข้างจะแน่นอนว่ารัฐบาลคงไม่หูหนวกตาบอดและคงไม่นั่งๆ นอนๆ อยู่เฉยๆ หากคงคิดอ่านป้องกันแก้ไขไว้เช่นเดียวกัน ดังนั้นเมื่อใดที่มีการเดินแผน 4 ประสานเพื่อปิดบัญชีรัฐบาล เมื่อนั้นรัฐบาลก็มีความชอบธรรมที่จะปิดบัญชีของผู้ก่อการได้เช่นเดียวกัน

และเป็นความชอบธรรมที่จะปิดบัญชีในลักษณะกบฏในราชอาณาจักรได้อย่างสมบูรณ์แบบอีกด้วย ดังนั้นใครจะปิดบัญชีใคร จึงเป็นเรื่องที่ต้องติดตามดูกันอย่างใกล้ชิด

นั่นเป็นเรื่องของกระบวนการและวิธีการในการปิดบัญชีล้มรัฐบาล ซึ่งแม้อาจมีข้อปลีกย่อยเพิ่มเติม ก็คงไม่เกินนัยสำคัญของ 4 กระบวน 4 ประสานดังที่ว่านั้น แต่จะมีเพียงเท่านี้ก็หามิได้ เพราะราชอาณาจักรนี้มีอาณาประชาราษฎรอยู่ถึง 64 ล้านคน

เป็น 64 ล้านคนที่เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตย เป็นผู้มีส่วนได้เสีย เป็นผู้มีภารกิจหน้าที่ในการปกปักรักษาบ้านเมือง ตลอดจนสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ อยู่ด้วย จึงมองข้ามปัจจัยประชาชนไม่ได้

จึงต้องมาดูว่าสถานการณ์ปัจจุบันนี้ประชาชนยืนข้างไหน ยืนข้างสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ หรือว่ายืนข้างระบอบทักษิณ ซึ่งถึงวันนี้สามารถกล่าวได้ชัดเจนแล้วว่าได้เปิดหน้าประกาศศึกกันอย่างไม่เกรงอกเกรงใจอะไรกันอีกแล้ว

เพราะถึงขนาดเตรียมการและให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนต่างประเทศที่มีชื่อว่าไทมส์ออนไลน์กันถึงขนาดนั้น และมีการประกาศข่มขู่ว่าหากไม่ให้ความเป็นธรรมกันก็จะต้องล้มครืนลงแบบเดียวกับราชวงศ์โรมานอฟของรัสเซีย ก็ไม่มีอะไรที่จะต้องปิดบังกันอีกต่อไปแล้ว

ปัญหาว่าประชาชนจะยืนข้างไหน? หรือถ้าพูดโดยนัยสิ่งที่ให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศก็คือเลือกยืนข้างสิ่งที่ประหนึ่งเป็นพระเจ้า หรือยืนกับผู้ที่อวดอ้างตนเองว่าสามารถปลดเปลื้องความทุกข์ยากและความยากจนของประชาชนคือระบอบทักษิณ

ในประการนี้คำตอบกระจ่างชัดอยู่ในตัวว่า มวลมหาประชาชนชาวไทยล้วนมีความจงรักภักดีต่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ พร้อมพลีชีวิตเพื่อปกปักรักษาสถาบันอันเป็นที่เคารพเทิดทูนและหวงแหนไว้ทุกเมื่อ

คนเสื้อแดงจำนวนมากในบัดนี้ได้ถอนตัวออกจากการร่วมหัวจมท้ายกับระบอบทักษิณ เพราะรับไม่ได้กับปรากฏการณ์หลายสิ่งหลายอย่างที่เกิดขึ้น

รับไม่ได้กับการที่อดีตนายกรัฐมนตรีของราชอาณาจักรไทยไปยอมเป็นข้าในขอบขัณฑสีมาของกษัตริย์เขมรเป็นคนแรกในประวัติศาสตร์

รับไม่ได้กับการชักน้ำเข้าลึก ชักศึกเข้าบ้าน ทำลายเกียรติภูมิศักดิ์ศรีของประเทศชาติ เพียงเพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองส่วนตน
รับไม่ได้กับการยอมสยบอยู่ภายใต้อำนาจเผด็จการของจอมเผด็จการทรราช ที่เป็นแบบอย่างการขายชาติตนเองให้แก่ต่างชาติคือนายฮวยเซ็ง ซึ่งเป็นที่ชิงชังรังเกียจของประชาชาติไทยทั้งมวล

รับไม่ได้กับการแบ่งแยกราชอาณาจักรไทยออกเป็นรัฐใหม่ ที่มีจังหวะก้าวแรกคือนครรัฐปัตตานี

รับไม่ได้กับการจาบจ้วงล่วงเกินพระมหากษัตริย์ สถาบันพระมหากษัตริย์ และยังกลับกลอกตีสองหน้ากล้าทำแต่ไม่กล้ารับ หรือยอมรับแต่แสดงอากัปกิริยาขอพระราชทานอภัยโทษทีทำประหนึ่งเป็นเพื่อนเล่น

รับไม่ได้กับการประพฤติตนเป็นข้าทาสเขมรของนักการเมือง ที่ไปค้อมหัวสวามิภักดิ์เขมรในยามที่มีความขัดแย้งระหว่างสองชาติ ตลอดจนการพูดจาสามหาวย่ำเหยียบมาตุภูมิของตน

เหล่านี้คือพลังจักรวาลชนิดหนึ่งที่มีชื่อว่าโลกนิติ ที่มีพลังทำลายล้างอันยิ่งใหญ่ ที่กำลังโถมทับทำลายอธรรมและอริราชศัตรูให้พังพินาศไปจากจิตใจของประชาชนชาวไทย แล้วจะมีพลังอำนาจใดไปล้มรัฐบาลของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก่อนสิ้นปีเล่า?
กำลังโหลดความคิดเห็น