xs
xsm
sm
md
lg

“ศิวรักษ์”ละครที่จบแล้ว แต่ “ทักษิณ-เพื่อไทย”ไม่ยอมให้จบ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


8 ธ.ค.ศาลกรุงพนมเปญตัดสินให้ “นายศิวรักษ์ ชุติพงษ์” มีความผิดในข้อหาจารกรรมข้อมูลการบินของ “นช.ทักษิณ ชินวัตร” พิพากษาจำคุก 7 ปีและเสียค่าปรับ 10 ล้านเรียล จากนั้นวันที่ 11 ธ.ค.กษัตริย์สีหมุนีแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาก็พระราชทานอภัยโทษให้กับนายศิวรักษ์อย่างทันทีทันควัน และมีพิธีปล่อยตัวในวันที่ 14 ธ.ค.

ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อว่า เพียงแค่ 7 วัน ฉากจบของละครเรื่องนี้จะสามารถถ่ายทำอย่างรวดเร็วถึงเพียงนี้ และด้วยความที่เร่งรีบถ่ายทำเกินไป ทำให้คนดูสามารถจับไต๋ได้ ไม่ว่าจะเป็นจากท่าทีที่ขึงขังของนายฮุนเซนเมื่อตอนที่จับกุมตัวนายศิวรักษ์กับภาพที่นายฮุนเซนเดินจูงมือนายศิวรักษ์หลังได้รับการปล่อยตัวซึ่งเป็นหนังคนละม้วน ภาพที่นช.ทักษิณเดินทางไปพูดคุยกับนายศิวรักษ์ก่อนได้รับการปล่อยตัวถึงในเรือนจำ รวมถึงท่าทีของนางสิมารักษ์ ณ นครพนม ผู้เป็นมารดาและแม้กระทั่งนายศิวรักษ์เองที่เปลี่ยนไปจากเดิม

ความจริง คงต้องบอกว่า ละครเรื่องนี้ได้จบลงอย่างบริบูรณ์แล้ว แต่ดูเหมือนว่า นช.ทักษิณและพรรคเพื่อไทยจะไม่ยอมให้จบ โดยพยายามดันทุรังให้มีการถ่ายทำภาค 2 เพราะมีวัตถุประสงค์เพื่อนำไปเล่นเกมการเมืองโค่นรัฐบาลและหวังให้นช.ทักษิณพ้นผิดเช่นเดียวกับนายศิวรักษ์

คนเหนือ ชื่อใต้ ใจเขมร

ก่อนที่“นายศิวรักษ์ ชุติพงษ์” จะได้รับการปล่อยตัวและเดินทางกลับมายังประเทศไทย มีภาพเหตุการณ์สำคัญๆ เกิดขึ้นและจำต้องบันทึกเอาไว้หลายภาพด้วยกัน

ภาพแรกเป็นภาพที่ “นช.ทักษิณ ชินวัตร” เข้าไปนั่งปั้นจิ้มปั้นเจ๋อราวกับเป็นนายกรัฐมนตรีหรือกษัตริย์กัมพูชา โดยมีธงชาติของกัมพูชาติดอยู่ทั้งด้านหน้าและด้านหลังในวันที่เดินทางไปเยี่ยม “นายศิวรักษ์” ถึงในเรือนจำเพซอ เมื่อวันที่ 13 ธ.ค. ซึ่งเป็นภาพที่ต้องบอกว่า ยิ่งใหญ่เหนือคำบรรยายจริงๆ

การนั่งอยู่ ณ ตรงนั้น เสมือนหนึ่งเป็นสัญลักษณ์แสดงให้เห็นว่า ณ บัดนี้ นักโทษหนีคดีแห่งราชอาณาจักรไทยคือข้าในขอบขัณฑสีมาของราชอาณาจักรกัมพูชาอย่างสมบูรณ์แบบ และต้องถือว่าเขาไม่ใช่คนไทยอีกต่อไป

แน่นอน บรรดาคนรักชาติเห็นแล้วคงปวดใจกับสิ่งที่นายฮุนเซนย่ำยีศักดิ์ศรีของชาติไทยถึงเพียงนี้

ขณะเดียวกันหลายคนอดที่จะเกิดคำถามในใจไม่ได้ว่า ในวันที่ นช.ทักษิณเข้าเยี่ยมนายศิวรักษ์นั้น มีการพูดคุยอะไรกันบ้าง และมีเงื่อนไขอะไรที่เราไม่รับรู้หรือไม่ เพราะหลังจากที่นายศิวรักษ์ได้รับการปล่อยตัวแล้ว คำพูดของนายศิวรักษ์ที่มีต่อนายคำรบ ปาลวัฒน์วิไชย เลขานุการเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงพนมเปญก็เปลี่ยนแปลงไป นั่นก็คือคำพูดที่ว่า “อยากให้นายคำรบออกมาพูดความจริง ก็จะทราบว่าความจริงเป็นอย่างไร ถ้ามีโอกาสเจอหน้าก็อยากจะถามเขาเหมือนกันว่า เอาข้อมูลไปทำอะไร”

เหตุที่ว่าเปลี่ยนแปลงไปก็เพราะก่อนหน้านี้นายศิวรักษ์ไม่เคยตั้งคำถามเอากับนายคำรบเลย มีแต่คำยืนยันว่า ตนเองเป็นผู้บริสุทธิ์และไม่ได้กระทำผิด แต่ไม่รู้ว่าหลังจากที่พรรคเพื่อไทยเข้ามาเกี่ยวข้อง และนช.ทักษิณมาพบก่อนการปล่อยตัว ได้มีการพูดคุยเพื่อให้ “ชุดข้อมูลใหม่” แก่นายศิวรักษ์หรือไม่ เพราะในเมื่อนายศิวรักษ์ยืนยันว่าตัวเองเป็นผู้บริสุทธิ์ และยืนยันว่านายคำรบโทร.มาหลังจากเครื่องบินเจ็ทของนช.ทักษิณลงจอดแล้ว 20 นาที แล้วทำไมในเวลาต่อมาถึงได้มีการเรียกร้องให้นายคำรบออกมาพูดความจริงอีก

”ศิวรักษ์” โคตรจารชน ฮุนเซนจับมือเฉกเช่นเพื่อนรัก

ภาพที่สองเกิดขึ้นในวันปล่อยตัวนายศิวรักษ์ ซึ่งคงต้องบอกว่า เป็นฉากจบของละครที่สมบูรณ์แบบจริงๆ สำหรับการที่กษัตริย์กัมพูชาพระราชทานอภัยโทษให้กับนายศิวรักษ์หลังศาลกัมพูชาพิพากษาจำคุก 7 ปีและปรับอีก 10 ล้านเรียล เพราะคงไม่มีจารชนที่เป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติคนไหนที่จะได้รับเกียรติสูงสุดเช่นนี้

เหตุที่ต้องบอกว่าได้รับเกียรติสูงสุดเป็นเพราะหลังนายศิวรักษ์พ้นโทษออกมาจากเรือนจำเพซอ เขาได้ถูกนำตัวออกจากเรือนจำด้วยขบวนรถยนต์ 3 คันเพื่อเดินทางไปยังเรือนรับรองวิมานเอกราช ซึ่งเป็นบ้านพักของนายกรัฐมนตรีกัมพูชา จากนั้นก็มีการประกอบพิธีมอบหนังสือพระราชทานอภัยโทษ แถมนายฮุนเซนยังให้เกียรติถึงขนาดเดินจูงมือนายศิวรักษ์เข้าสู่ห้องรับรองด้วยตนเองอีกต่างหาก

ภาพนายฮุนเซนเดินจูงมืออี๋อ๋อกับนายศิวรักษ์หลังจากการพระราชทานอภัยโทษ ก็เป็นหลักฐานที่ยืนยันถึงความเป็นดรามาของละครเรื่องนี้อย่างดี เพราะคงไม่มีประเทศไหนในโลกที่ใจดีและให้เกียรติโคตรๆ กับผู้ที่มีความผิดในข้อหาจารชนเยี่ยงนี้ มีแต่เขาจะรีบเนรเทศหรือส่งตัวกลับประเทศ

นอกจากนี้ นายฮุนเซนยังประกาศไฟเขียวให้นายศิวรักษ์ยังคงสามารถทำงานในกัมพูชาต่อไปได้ ทั้งๆ ที่กัมพูชาอ้างว่า นายศิวรักษ์กระทำการอันเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ แถมยังสั่งให้ CATS จ่ายเงินเดือนให้กับนายศิวรักษ์ในระหว่างที่ถูกจำคุกอีกด้วย

และที่ต้องไม่ลืมว่า ในระหว่างการสนทนานั้นนายฮุนเซนเรียกแทนตัวเองว่า “อา” และเรียกนายศิวรักษ์ว่า “หลาน” ทุกคำ

ปล่อยศิวรักษ์ ปล่อยทักษิณ?

แต่ที่เด็ดและซ่อนเงื่อนปมของฉากละครที่ยิ่งใหญ่ระดับโลกเรื่องนี้กระทั่งหลายคนคิดไม่ถึงก็คือ การเริ่มออกมาเปิดเผยถึงสิ่งที่ลึกที่สุดและเด็ดที่สุด นั่นก็คือการที่ทางพรรคเพื่อไทยได้หยิบยกคำพูดของนายฮุนเซนให้สัมภาษณ์เปรียบเปรยถึงการพระราชทานอภัยโทษให้กับนายศิวรักษ์ของกษัตริย์สีหมุนีว่า มีนัยที่ต้องการสื่อให้ไทยรู้จักปรองดอง

หรือพูดง่ายๆ ก็คือต้องการให้ลบล้างความผิดกับ นช.ทักษิณในทุกๆ คดีที่ผ่านมานั่นเอง

ผู้ที่ออกมาเปิดเผยข้อความตรงนี้ก็คือ นายชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทย ในฐานะคนสนิทของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ

นี่คือจุดหมายปลายทางของละครเรื่องนี้ใช่หรือไม่

นอกจากนี้ หากพิจารณาให้ดี จะเห็นว่า ละครฉากนี้มีการเปลี่ยนแปลงบทเล็กน้อย กล่าวคือในครั้งแรกนั้น พรรคเพื่อไทยมอบหมายให้ “เด็จพี่” พร้อมพงษ์ นพฤทธิ์ เป็นหัวหน้าคณะที่จะไปยื่นหนังสือขอพระราชทานอภัยโทษกับฮุนเซน และได้เปลี่ยนใจว่าจะไปยื่นที่สถานทูตกัมพูชาในประเทศไทย ในวันที่ 11 ธ.ค. แทน

แต่แล้ว... รัฐมนตรีข่าวสารของกัมพูชา นายเขียว กันหะริต ก็ได้ให้สัมภาษณ์ในช่วงเช้าวันที่ 11 ธ.ค.2552 ว่านายศิวรักษ์ได้รับพระราชทานอภัยโทษแล้ว ตามคำขอจากครอบครัวและนายเขียว สัมโบ ทนายความของนักโทษ และจะมอบตัวให้มารดาของนายศิวรักษ์ วันที่ 14 ธ.ค. 2552 ทำให้ “เด็จพี่” ยื่นหนังสือกับสถานทูตกัมพูชาในประเทศไทยไม่ทัน

ตรงนี้เหมือนกับที่ พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีต ผอ.กอง 2 ศูนย์รักษาความปลอดภัย(ศรภ.) สรุปว่า เหตุที่กัมพูชามีการพระราชทานอภัยโทษอย่างรวดเร็วนั้น เป็นเพราะกัมพูชาต้องการรีบจบเรื่องดังกล่าวเพราะกลัวฝ่ายไทยจะจุดประเด็นเรื่องการดักฟังโทรศัพท์ขึ้นมาโจมตี เนื่องจากการดักฟังโทรศัพท์ในสถานทูตประเทศอื่นนั้นเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย

ดังนั้น จึงกล่าวได้ว่า แม้ความจริงละครเรื่องนี้ได้จบลงบริบูรณ์แล้ว แต่นช.ทักษิณและพรรคเพื่อไทยยังไม่อยากให้ละครเรื่องนี้จบ เพราะอุตส่าห์ทุ่มเงินและทุ่มทุนในการอำนวยการสร้างไปเป็นจำนวนมหาศาล แต่ดอกผลที่ได้รับหลังจากลงจอกลับไม่คุ้มกับการลงทุนที่เสียไป ดังนั้น จึงต้องพยายามยืดเรื่องหรือสร้างภาพต่อโดยหวังว่า อาจจะมีอะไรดีขึ้นบ้าง ไม่มากก็น้อย
กำลังโหลดความคิดเห็น