กมธ.ต่างประเทศในส่วน ปชป. ระบุบัวแก้วเชื่อเขมรดักฟังโทรศัพท์ ต้นตอ “ศิวรักษ์” ถูกแจ้งข้อจารกรรมตารางการบิน เข้าข่ายละเมิดสนธิสัญญากรุงเวียนนา สับ พท.ใช้เวที กมธ.บิดเบือนข้อมูลพุ่งเป้าโยนบาป “คำรบ” ย้ำไม่จำเป็นสอบวินัยเพราะไม่ได้ทำผิด หวั่นตกเป็นขี้ปาก กมธ.เขมร
วันนี้ (17 ธ.ค.) น.ส.รัชดา ธนาดิเรก ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะโฆษกกรรมาธิการการต่างประเทศสภาผู้แทนราษฎร ชี้แจงข้อเท็จจริงถึงผลการประชุมของคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ ที่นายอิศร ปกมนตรี ทูตประจำกระทรวงการต่างประเทศมาให้ข้อมูลว่า ในที่ประชุมได้หารือในสองประเด็น คือ เรื่องที่มีการกล่าวหาว่ารัฐบาลใช้อำนาจเกินกว่าเหตุในการสั่งให้ฝูงบินเอฟ 16 ของกองทัพอากาศ ไล่สกัดเครื่องบินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เพื่อไม่ให้บินผ่านน่านฟ้าไทย และกรณีนายศิวรักษ์ ชุติพงษ์ ถูกจับข้อหาจารกรรมข้อมูลความมั่นคง โดยกรรมาธิการฯ ได้ตั้งคำถามไปที่การหาตัวผู้สั่งการให้นายศิวรักษ์ หาข้อมูลเส้นทางการบินของ พ.ต.ท.ทักษิณ โดยเฉพาะนายคำรบ ปาลวัฒน์วิไชย เลขานุการเอกประจำสถานทูตไทยในกัมพูชาที่โทรศัพท์ไปหานายศิวรักษ์ ซึ่งนายคำรบยืนยันว่าไม่มีการสั่งการให้จารกรรมข้อมูล แต่การเป็นข้าราชการที่มีวิจารณญาณจำเป็นต้องให้ความสนใจและห่วงใยต่อการเดินทางไปกัมพูชาของ พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะไม่ใช่ประชาชนทั่วไป แต่เป็นผู้ต้องหาหลบหนีคดี จึงอยากรู้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางไปถึงกัมพูชาหรือยัง ซึ่งนายศิวรักษ์ก็ออกมาระบุแต่เพียงว่าได้รับโทรศัพท์จากนายคำรบเท่านั้น
นอกจากนี้ กรรมาธิการฯ ยังตั้งคำถามถึงกระทรวงการต่างประเทศว่ามีการตรวจสอบดำเนินการทางวินัยกับนายคำรบหรือไม่ ก็ได้รับคำชี้แจงว่าไม่มี เพราะนายคำรบยืนยันชัดเจนว่าไม่มีการสั่งการให้จารกรรมข้อมูล อีกทั้งไม่มีผู้ร้องเรียนให้สอบสวนทางวินัย เพราะไม่เห็นว่าการกระทำของนายคำรบเป็นความผิด แต่ก็เห็นใจนายศิวรักษ์และชื่นชมที่ให้ความร่วมมือกับข้าราชการ โดยไม่คิดว่าการโทรศัพท์ไปของนายคำรบจะเป็นการสร้างความเสียหายแต่อย่างใด ในทางกลับกัน หากนายคำรบไม่ดำเนินการหาข้อมูลก็เท่ากับละเว้นการปฏิบัติหน้าที่
น.ส.รัชดา กล่าวด้วยว่า กรรมาธิการฯ ได้ตั้งคำถามเกี่ยวกับข้อกล่าวหาที่กัมพูชาระบุว่านายศิวรักษ์เป็นสายลับ ความคิดนี้มาจากแหล่งใด ซึ่งได้รับคำตอบจากกระทรวงการต่างประเทศว่า น่าจะมาจากการดักฟังทางโทรศัพท์ ที่ประชุมจึงเห็นว่าถ้าไทยถูกดักฟังโทรศัพท์อย่างง่ายดาย จะทำให้สายตาของสากลโลกมองการทูตของประเทศไทยอย่างไร และจะถือว่ากัมพูชาได้ละเมิดสนธิสัญญาเวียนนา พ.ศ.2504 หรือไม่ ซึ่งไม่ดีกับรัฐบาลกัมพูชาอย่างแน่นอน
“การที่นายต่อพงษ์ ไชยสาส์น ประธานกรรมาธิการฯ ออกมาให้ข้อมูลกับสื่อเป็นการให้ข้อมูลไม่ครบถ้วน จนทำให้ถูกวิจารณ์ว่านี่เป็นกรรมาธิการฯ ต่างประเทศของกัมพูชา หรือของประเทศไทยกันแน่ และที่ผ่านมาประธานฯ เป็นผู้สรุปในการประชุมเองว่าเรื่องนี้ยังไม่มีบทสรุป แต่กลับไปให้ข่าวในทำนองว่ากรรมาธิการฯ สืบหาตัวไอ้โม่งสั่งการเพียงประเด็นเดียว โดยไม่ได้ให้ข้อเท็จจริงทั้งหมดกับสังคม อีกทั้งยังพยายามชี้นำให้สังคมตั้งคำถามกับนายคำรบว่า เหตุใดจึงเงียบหายไม่ยอมชี้แจง ทั้งที่ตัวแทนจากกระทรวงการต่างประเทศชี้แจงแล้วว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นมีความละเอียดอ่อนกระทรวงการต่างประเทศ จึงไม่อยากยกระดับปัญหาให้บานปลายออกไปและจะชี้แจงเมื่อถึงเวลาที่สมควร” น.ส.รัชดากล่าว
น.ส.รัชดา กล่าวด้วยว่า กรรมาธิการฯเสนอว่าควรรับฟังข้อมูลสองฝ่าย ด้วยการเชิญนายคำรบ นายศิวรักษ์และมารดาโดยเฉพาะ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ซึ่งมีความสนิทสนมกับกัมพูชามาให้ข้อมูลด้วย น่าจะเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาของคณะกรรมาธิการฯ ซึ่งประธานฯก็รับจะไปประสาน แต่ยังไม่ทราบว่าบุคคลทั้งหมดจะมาให้ถ้อยคำกับกรรมาธิการฯ เมื่อใด