เคาะข่าวริมโขง : “2 ทรราช” ยังไม่หยุดป่วน ส่งลิ่วล้อ เดินเกมเสี้ยม “ศิวรักษ์” โยนบาปใส่ “คำรบ” เพื่อชิ่งถึง รบ.ไทย ยัน “คำรบ” ทำตามหน้าที่ ไม่ได้ล่วงละเมิดข้อมูลลับ ชี้เป็นเกม “นช.แม้ว” จับมือ “ฮุนเซน” ปั่นหัวไทยต่อ หวังสุมไฟให้ตีกันเอง
คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ "เคาะข่าวริมโขง"
รายการ “เคาะข่าวริมโขง” ออกอากาศทาง “อีสานทีวี” ช่วงเวลา 18.30-20.30 น. วันพุธที่ 16 ธันวาคม มี น.ส.วรรษมน ช่างปรีชา นายชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย รับหน้าที่เป็นผู้ดำเนินรายการ ซึ่งวันนี้ได้มีการเชิญ นายโสภณ องค์การณ์ อดีตบรรณาธิการข่าวเศรษฐกิจของหนังสือพิมพ์เดอะเนชั่น และหนึ่งในพิธีกรรายการ NEWS HOUR สุดสัปดาห์ และนายสำเริง คำพะอุ มาร่วมพูดคุยในรายการถึงประเด็นข่าวที่น่าสนใจ โดยเฉพาะกรณี ความคืบหน้า นายศิวรักษ์ ชุติพงษ์ วิศวกรไทย หลังถูกกัมพูชาปล่อยตัวจนได้รับอิสรภาพกลับมายังประเทศไทย แต่เหตุการณ์ความวุ่นวายยังไม่จบ เมื่อตอนนี้กำลังเตรียมเดินหน้าฟ้องร้อง นายคำรบ ปาลวัฒน์วิไชย เลขานุการเอกประจำสถานทูตไทย ณ กรุงพนมเปญ
น.ส.วรรษมน กล่าวเปิดประเด็นนี้ว่า นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้ออกมากล่าวถึงเรื่องนายศิวรักษ์ ที่ออกมาเรียกร้องให้นายคำรบรับผิดชอบ หลังจากนางสิมารักษ์ ณ นครพนม ผู้เป็นมารดานายศิวรักษ์ ได้โทษว่าที่วิศวกรไทยต้องติดคุกเพราะความผิดของนายคำรบที่สั่งให้จารกรรมข้อมูลตารางการบิน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นอกจากนี้ นายกษิตยังได้ระบุว่า ขอแสดงความยินดีที่นายศิวรักษ์ได้รับพระราชทานอภัยโทษจากกษัตริย์กัมพูชา พร้อมทั้งระบุว่า สิ่งที่นายคำรบทำไม่ถือว่าเป็นความผิด เนื่องจากตารางการบิน พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ถือเป็นความลับแต่อย่างใด โดยนายคำรบแค่ต้องการให้นายศิวรักษ์ ยืนยันข้อมูลเท่านั้น ดังนั้น เรื่องนี้ถือว่าทั้งนายคำรบและนายศิวรักษ์เป็นเหยื่อทางการเมือง ซึ่งปัญหาทุกอย่างที่เกิดขึ้นมาจากการกระทำ สมเด็จฯ ฮุนเซน ที่ก่อนหน้านี้เข้ามาแทรกแซงการเมืองไทย รวมถึววิพากษ์วิจารณ์ศาลไทยจนได้รับความเสียหาย
นายโสภณกล่าวเสริมประเด็นนี้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ มีความสุขและชื่นชอบเมื่อทำให้ไทยกับกัมพูชาทะเลาะกันได้ ดังนั้นจึงได้พยายามหาทางทุกอย่างเพื่อไม่ให้สมเด็จฯ ฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา คืนดีกับไทยได้ เพราะเวลานี้ พ.ต.ท.ทักษิณ เหลือเพียงแค่ สมเด็จฯ ฮุนเซน เป็นที่พึ่งสุดท้ายเท่านั้น แต่สิ่งที่น่าสังเวชใจ คือ การที่กัมพูชาปล่อยให้อาชญากรประเทศต่างๆ เข้ามาพักอาศัยและปักหลักใช้เป็นฐานปั่นป่วนบ้านเมืองประเทศอื่น
นายโสภณกล่าวต่อว่า ส่วนกรณีนายคำรบนั้น วันนี้นายกษิตได้ชี้แจงชัดเจนในฐานะตัวแทนกระทรวงการต่างประเทศ ว่านายคำรบ ทำตามหน้าที่ โดยแค่ซักถามนายศิวรักษ์ประโยคสั้นว่า “มาหรือยัง” ซึ่งตามหน้าที่นายศิวรักษ์ดูแลรับผิดชอบอยู่ก็สามารถล่วงรู้ทุกไฟล์ทบินที่จะขึ้นหรือลงในสนามบินดังกล่าว ดังนั้น จึงไม่ถือว่าข้อมูลตารางการบิน พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นภัยต่อความมั่นคงและความลับสำคัญของกัมพูชาตรงไหน ทั้งนี้ สิ่งที่เกิดขึ้น มันทำให้ตนคาดเดาว่า ต่อไปเชื่อว่าอาจจะเห็นทั้งนายศิวรักษ์กับนางสิมารักษ์ เดินเข้าไปสมัครเป็น ส.ส.พรรคเพื่อไทย เนื่องจากดูสายสัมพันธ์ทุกอย่าง มันชัดเจนในข้อเท็จจริง
น.ส.วรรษมน กล่าวเปิดประเด็นถึงเรื่องนายศิวรักษ์ ยอมรับว่ามีการดักฟังโทรศัพท์สถานทูตไทยในกัมพูชาจริง นายโสภณ กล่าวประเด็นนี้ว่า เรื่องการดักฟังโทรศัพท์มีอยู่ 2 ช่วงสำคัญ คือ ช่วงที่นายคำรบพูดคุยกับนายศิวรักษ์ และช่วงที่ก่อนหน้านี้ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ระบุว่า มีเทปสนทนาลับระหว่างนายกษิตกับนายคำรบ ซึ่งถูกอ้างว่า นายกษิตได้สั่งการให้นายคำรบไปใช้นายศิวรักษ์จารกรรมข้อมูลสำคัญ ดังนั้น เรื่องนี้หากมีการดักฟังทรศัพท์จริง ช่วงนายคำรบพูดคุยกับนายศิวรักษ์ อาจไม่น่าสนใจเท่าเทปลับที่อ้างว่านายกษิตสั่งการนายคำรบ เนื่องจาก ช่วงที่นายคำรบคุยกับนายศิวรักษ์ เกิดขึ้นในสถานทูตไทย ที่กัมพูชา แต่ในส่วนที่อ้างคำพูดนายกษิต นั้นแสดงว่า ต้องมีการดักฟังจากฝั่งไทยด้วย
นายสำเริงกล่าวว่า เวลานี้พรรคเพื่อไทยได้ยุนายศิวรักษ์ให้ฟ้องร้องนายคำรบ ซึ่งตนก็อยากเห็นเชื่อนั้น เพราะจะได้เป็นเครื่องพิสูจน์ให้ชัดเจนว่า ระหว่างกระบวนการยุติธรรมไทยกับกัมพูชามีข้อแตกต่างกันแค่ไหน
นายชัชวาลย์กล่าวเสริมว่า เรื่องนี้ทำให้มีแพะสองตัว คือ นายศิวรักษ์และนายคำรบ ซึ่งถ้าหากเวลานั้น นายคำรบไม่ได้เดินทางออกมาจากกัมพูชาก่อนหน้านี้ ก็อาจจะถูกคุมตัวพร้อมกับนายศิวรักษ์ก็ได้ โดยแท้จริงแล้ว ฝ่ายที่สมควรถูกตำหนิและประฌามคือ สมเด็จฯ ฮุนเซน และพ.ต.ท.ทักษิณ
นายสำเริงกล่าวว่า นางสิมารักษ์ มารดาของวิศวกรไทยน่าจะออกมาปกป้องศักดิ์ศรีของประเทศบ้าง เพราะถ้าหากดูเรื่องนี้กันจริง ที่ผ่านมา ไม่ได้เป็นห่วงเรื่องเกียรติภูมิของประเทศไทยเลย เนื่องจากการที่นายคำรบขอข้อมูลนายศิวรักษ์ ก็เป็นแค่ตารางการบิน พ.ต.ท.ทักษิณ ที่มีสถานะเป็นนักโทษชายหลบหนีคดี ซึ่งตามจริงด้วยหน้าที่ของนายคำรบ ไม่ถือเป็นความผิด หากแต่ต้องการหาข่าว ฉะนั้น คนที่นางสิมารักษ์และนายศิวรักษ์สมควรโทษว่าผิด คือ ผู้ที่อยู่เบื้องหลังทั้งหมด ทั้งฝ่ายกัมพูชาและพ.ต.ท.ทักษิณ
น.ส.วรรษมน กล่าวว่า นายต่อพงษ์ ไชยสาส์น ส.ส.เพื่อไทย ในฐานะประธานกรรมาธิการการต่างประเทศ สภาฯ ออกมาระบุว่า ต้องการให้ความเป็นธรรมแก่นางสิมารักษ์และนายศิวรักษ์ เพราะดูจากท่าทีและคำพูดของนายกษิต ถือว่ายังไม่ชัดเจน ดังนั้น อาจจะมีการเชิญนายกษิตและนายคำรบ มาชี้แจงความจริงต่อหน้านางสิมารักษ์และนายศิวรักษ์
นายโสภณกล่าวประเด็นนี้ว่า ก่อนหน้าที่จะดำเนินการใดๆ ตนอยากให้ นายต่อพงษ์ ดูว่าเรื่องราวทั้งหมดเป็นอย่างไร ไม่ใช่ตอนนี้ไปเข้าพวก พ.ต.ท.ทักษิณ แล้วจะใช้อำนาจหน้าที่ทุกอย่าง ตั้งตัวเองเป็นตัวแทนของพรรคการเมือง แล้วเดินเกมเล่นงานผู้อื่น ทั้งที่เรื่องนี้ มีการจับตัวคนไทยและยัดเยียดความผิดให้ แต่ทำไมพรรคเพื่อไทยหรือแม้แต่นายต่อพงษ์ รวมทั้งนายศิวรักษ์ และนางสิมารักษ์ ถึงมาเอาผิดกับคนไทยด้วยกันเอง ทั้งที่มันเป็นละครของสมเด็จฯ ฮุนเซน และ พ.ต.ท.ทักษิณ
คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ "เคาะข่าวริมโขง"
รายการ “เคาะข่าวริมโขง” ออกอากาศทาง “อีสานทีวี” ช่วงเวลา 18.30-20.30 น. วันพุธที่ 16 ธันวาคม มี น.ส.วรรษมน ช่างปรีชา นายชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย รับหน้าที่เป็นผู้ดำเนินรายการ ซึ่งวันนี้ได้มีการเชิญ นายโสภณ องค์การณ์ อดีตบรรณาธิการข่าวเศรษฐกิจของหนังสือพิมพ์เดอะเนชั่น และหนึ่งในพิธีกรรายการ NEWS HOUR สุดสัปดาห์ และนายสำเริง คำพะอุ มาร่วมพูดคุยในรายการถึงประเด็นข่าวที่น่าสนใจ โดยเฉพาะกรณี ความคืบหน้า นายศิวรักษ์ ชุติพงษ์ วิศวกรไทย หลังถูกกัมพูชาปล่อยตัวจนได้รับอิสรภาพกลับมายังประเทศไทย แต่เหตุการณ์ความวุ่นวายยังไม่จบ เมื่อตอนนี้กำลังเตรียมเดินหน้าฟ้องร้อง นายคำรบ ปาลวัฒน์วิไชย เลขานุการเอกประจำสถานทูตไทย ณ กรุงพนมเปญ
น.ส.วรรษมน กล่าวเปิดประเด็นนี้ว่า นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้ออกมากล่าวถึงเรื่องนายศิวรักษ์ ที่ออกมาเรียกร้องให้นายคำรบรับผิดชอบ หลังจากนางสิมารักษ์ ณ นครพนม ผู้เป็นมารดานายศิวรักษ์ ได้โทษว่าที่วิศวกรไทยต้องติดคุกเพราะความผิดของนายคำรบที่สั่งให้จารกรรมข้อมูลตารางการบิน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นอกจากนี้ นายกษิตยังได้ระบุว่า ขอแสดงความยินดีที่นายศิวรักษ์ได้รับพระราชทานอภัยโทษจากกษัตริย์กัมพูชา พร้อมทั้งระบุว่า สิ่งที่นายคำรบทำไม่ถือว่าเป็นความผิด เนื่องจากตารางการบิน พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ถือเป็นความลับแต่อย่างใด โดยนายคำรบแค่ต้องการให้นายศิวรักษ์ ยืนยันข้อมูลเท่านั้น ดังนั้น เรื่องนี้ถือว่าทั้งนายคำรบและนายศิวรักษ์เป็นเหยื่อทางการเมือง ซึ่งปัญหาทุกอย่างที่เกิดขึ้นมาจากการกระทำ สมเด็จฯ ฮุนเซน ที่ก่อนหน้านี้เข้ามาแทรกแซงการเมืองไทย รวมถึววิพากษ์วิจารณ์ศาลไทยจนได้รับความเสียหาย
นายโสภณกล่าวเสริมประเด็นนี้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ มีความสุขและชื่นชอบเมื่อทำให้ไทยกับกัมพูชาทะเลาะกันได้ ดังนั้นจึงได้พยายามหาทางทุกอย่างเพื่อไม่ให้สมเด็จฯ ฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา คืนดีกับไทยได้ เพราะเวลานี้ พ.ต.ท.ทักษิณ เหลือเพียงแค่ สมเด็จฯ ฮุนเซน เป็นที่พึ่งสุดท้ายเท่านั้น แต่สิ่งที่น่าสังเวชใจ คือ การที่กัมพูชาปล่อยให้อาชญากรประเทศต่างๆ เข้ามาพักอาศัยและปักหลักใช้เป็นฐานปั่นป่วนบ้านเมืองประเทศอื่น
นายโสภณกล่าวต่อว่า ส่วนกรณีนายคำรบนั้น วันนี้นายกษิตได้ชี้แจงชัดเจนในฐานะตัวแทนกระทรวงการต่างประเทศ ว่านายคำรบ ทำตามหน้าที่ โดยแค่ซักถามนายศิวรักษ์ประโยคสั้นว่า “มาหรือยัง” ซึ่งตามหน้าที่นายศิวรักษ์ดูแลรับผิดชอบอยู่ก็สามารถล่วงรู้ทุกไฟล์ทบินที่จะขึ้นหรือลงในสนามบินดังกล่าว ดังนั้น จึงไม่ถือว่าข้อมูลตารางการบิน พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นภัยต่อความมั่นคงและความลับสำคัญของกัมพูชาตรงไหน ทั้งนี้ สิ่งที่เกิดขึ้น มันทำให้ตนคาดเดาว่า ต่อไปเชื่อว่าอาจจะเห็นทั้งนายศิวรักษ์กับนางสิมารักษ์ เดินเข้าไปสมัครเป็น ส.ส.พรรคเพื่อไทย เนื่องจากดูสายสัมพันธ์ทุกอย่าง มันชัดเจนในข้อเท็จจริง
น.ส.วรรษมน กล่าวเปิดประเด็นถึงเรื่องนายศิวรักษ์ ยอมรับว่ามีการดักฟังโทรศัพท์สถานทูตไทยในกัมพูชาจริง นายโสภณ กล่าวประเด็นนี้ว่า เรื่องการดักฟังโทรศัพท์มีอยู่ 2 ช่วงสำคัญ คือ ช่วงที่นายคำรบพูดคุยกับนายศิวรักษ์ และช่วงที่ก่อนหน้านี้ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ระบุว่า มีเทปสนทนาลับระหว่างนายกษิตกับนายคำรบ ซึ่งถูกอ้างว่า นายกษิตได้สั่งการให้นายคำรบไปใช้นายศิวรักษ์จารกรรมข้อมูลสำคัญ ดังนั้น เรื่องนี้หากมีการดักฟังทรศัพท์จริง ช่วงนายคำรบพูดคุยกับนายศิวรักษ์ อาจไม่น่าสนใจเท่าเทปลับที่อ้างว่านายกษิตสั่งการนายคำรบ เนื่องจาก ช่วงที่นายคำรบคุยกับนายศิวรักษ์ เกิดขึ้นในสถานทูตไทย ที่กัมพูชา แต่ในส่วนที่อ้างคำพูดนายกษิต นั้นแสดงว่า ต้องมีการดักฟังจากฝั่งไทยด้วย
นายสำเริงกล่าวว่า เวลานี้พรรคเพื่อไทยได้ยุนายศิวรักษ์ให้ฟ้องร้องนายคำรบ ซึ่งตนก็อยากเห็นเชื่อนั้น เพราะจะได้เป็นเครื่องพิสูจน์ให้ชัดเจนว่า ระหว่างกระบวนการยุติธรรมไทยกับกัมพูชามีข้อแตกต่างกันแค่ไหน
นายชัชวาลย์กล่าวเสริมว่า เรื่องนี้ทำให้มีแพะสองตัว คือ นายศิวรักษ์และนายคำรบ ซึ่งถ้าหากเวลานั้น นายคำรบไม่ได้เดินทางออกมาจากกัมพูชาก่อนหน้านี้ ก็อาจจะถูกคุมตัวพร้อมกับนายศิวรักษ์ก็ได้ โดยแท้จริงแล้ว ฝ่ายที่สมควรถูกตำหนิและประฌามคือ สมเด็จฯ ฮุนเซน และพ.ต.ท.ทักษิณ
นายสำเริงกล่าวว่า นางสิมารักษ์ มารดาของวิศวกรไทยน่าจะออกมาปกป้องศักดิ์ศรีของประเทศบ้าง เพราะถ้าหากดูเรื่องนี้กันจริง ที่ผ่านมา ไม่ได้เป็นห่วงเรื่องเกียรติภูมิของประเทศไทยเลย เนื่องจากการที่นายคำรบขอข้อมูลนายศิวรักษ์ ก็เป็นแค่ตารางการบิน พ.ต.ท.ทักษิณ ที่มีสถานะเป็นนักโทษชายหลบหนีคดี ซึ่งตามจริงด้วยหน้าที่ของนายคำรบ ไม่ถือเป็นความผิด หากแต่ต้องการหาข่าว ฉะนั้น คนที่นางสิมารักษ์และนายศิวรักษ์สมควรโทษว่าผิด คือ ผู้ที่อยู่เบื้องหลังทั้งหมด ทั้งฝ่ายกัมพูชาและพ.ต.ท.ทักษิณ
น.ส.วรรษมน กล่าวว่า นายต่อพงษ์ ไชยสาส์น ส.ส.เพื่อไทย ในฐานะประธานกรรมาธิการการต่างประเทศ สภาฯ ออกมาระบุว่า ต้องการให้ความเป็นธรรมแก่นางสิมารักษ์และนายศิวรักษ์ เพราะดูจากท่าทีและคำพูดของนายกษิต ถือว่ายังไม่ชัดเจน ดังนั้น อาจจะมีการเชิญนายกษิตและนายคำรบ มาชี้แจงความจริงต่อหน้านางสิมารักษ์และนายศิวรักษ์
นายโสภณกล่าวประเด็นนี้ว่า ก่อนหน้าที่จะดำเนินการใดๆ ตนอยากให้ นายต่อพงษ์ ดูว่าเรื่องราวทั้งหมดเป็นอย่างไร ไม่ใช่ตอนนี้ไปเข้าพวก พ.ต.ท.ทักษิณ แล้วจะใช้อำนาจหน้าที่ทุกอย่าง ตั้งตัวเองเป็นตัวแทนของพรรคการเมือง แล้วเดินเกมเล่นงานผู้อื่น ทั้งที่เรื่องนี้ มีการจับตัวคนไทยและยัดเยียดความผิดให้ แต่ทำไมพรรคเพื่อไทยหรือแม้แต่นายต่อพงษ์ รวมทั้งนายศิวรักษ์ และนางสิมารักษ์ ถึงมาเอาผิดกับคนไทยด้วยกันเอง ทั้งที่มันเป็นละครของสมเด็จฯ ฮุนเซน และ พ.ต.ท.ทักษิณ