ผู้จัดการรายวัน - "เจ๊เพ็ญ" ก้นร้อน หลังถูกจับได้มีทัศนคติอันตรายต่อสถาบัน บุกนครพนมขอเคลียร์ "จิ๋ว" อ้างมีขบวนการจ้องทำลายและสร้างความแตกแยกในสังคม พร้อมวอนขอให้ช่วยอธิบาย เผย "จิ๋ว" รับปากแล้ว ด้าน ผบ.ทอ.รับทหารกังวลคำบรรยาย "จักรภพ" แนะสื่อเผยแพร่ข้อความให้สังคมตัดสิน ย้ำ คปค.ตั้ง คตส.ถูกต้อง เช่นเดียวกับ ส่วน ปชป.จี้รัฐบาลจัดการ 29 เว็บไซต์หมิ่นสถาบัน ยัน ปชป.ไม่กลัว "แม้ว" มีแต่พวกรับเงินกลัวลูกพี่ไม่จ่ายมากกว่า "จตุพร" ไม่สนคำเตือนทหาร ประกาศดึง "ป๋าเปรม" ขึ้นศาลแน่นอน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังจากมีการเผบแพร่คำบรรยายของนายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ต่อสโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศ ที่พบว่ามีทัศนคติที่อันตรายต่อสถาบันเบื้องสูง และต่อมา พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี ยังได้ให้สัมภาษณ์และเขียนลงในคำปรารภ ในหนังสือ "แนวทางประเทศไทย ยุทธศาตร์ ยุทธวิธี การต่อสู้เอาชนะภัยความมั่นคงของชาติ" โดยโปรยหนังสือ ระบุว่า "สงครามเปิดโปงขบวนการ ล้มปืน ล้มทุน ล้มเจ้า" โดยตอกย้ำให้เห็นว่า มีขบวนการต้องการโค้นล้มปืน ล้มทุน ล้มเจ้า จริง โดยมีแผนที่จะใช้เผด็จการรัฐสภาเปลี่ยนแปลงประเทศจากราชอาณาจักรไปเป็นสาธารณรัฐ
ล่าสุด วานนี้ (19 พ.ค.) นายจักรภพ เพ็ญแข ได้เดินทางไปรอพบ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ที่บริเวณจวนผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม หลังเก่า พร้อม บรรดา ส.ส.นครพนม พรรคพลังประชาชน ครบทีม โดย พล.อ.ชวฃิต มีกำหนดการไปเปิดงาน "ออนซอนนครพนม"
โดยนายจักรภพ กล่าวว่าที่มารอพบก็เพื่อให้ พล.อ.ชวลิต ได้เข้าใจและให้ทราบ ว่ามีขบวนการจ้องทำลายทางการเมือง และสร้างความขัดแย้งให้เกิดขึ้นในสังคม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อ พล.อ.ชวลิต เดินทางมาถึงได้เข้าไปเป็นประธานในพิธีเปิดงาน "ออนซอนนครพนม" โดยมี นายจักรภพ เข้าร่วมงานด้วย ซึ่งระหว่างพิธีเปิดงานนายจักรภพ ได้เข้าพูดคุยกับ พล.อ.ชวลิตเป็นการส่วนตัว โดยหลังจากนั้น นายจักรภพ กล่าวว่า พล.อ.ชวลิต จะช่วยชี้แจงกรณีการไปบรรยาย ที่สโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศและถูกกล่าวหาว่า กล่าวพาดพิงสถาบันด้วย
"เมื่อสักครู่นี้ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ได้กรุณามาก ท่านบอกว่า ตอนนี้ มีคนเข้าใจผิดเยอะเหลือเกิน จะช่วยอธิบายให้เกิดความเข้าใจว่า ขบวนการที่ตั้งใจจะเสี้ยมคนให้ชนกัน สร้างความแตกแยกในบ้านเมืองเป็นอย่างไร ผ ผมเองมาตรวจราชการจังหวัดนครพนมโชคดีเหลือเกิน ท่านก็มาเปิดพิพิธภัณฑ์ของเมืองพอดี ดังนั้น ถือว่า ชะตาชีวิตต้องกัน เลยมานัดเจอกันที่นี่ โดยท่านเองก็ไม่รู้"รมว.ประจำสำนักนายกฯ กล่าว
นายจักรภพ กล่าวว่า สำหรับข้อกล่าวหาในการบรรยาย ให้สโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศฟังโดยมีการกล่าวหาว่าพาดพิงสถาบันพระมหากษัตริย์นั้น ขณะนี้กำลังทำคำแปลเพื่อยืนยันความถูกต้อง คาดว่าจะเสร็จและนำข้อเท็จจริงมาเปิดเผยแพร่ต่อสื่อมวลชนได้ภายในวันพฤหัสบดีที่ 22 พ.ค.นี้อย่างแน่นอน
"ผมจะทำเรื่องนี้ให้กระจ่างและพร้อมจะตอบทุกคำถาม โดยคาดว่าจะแปลเอกสารดังกล่าวได้ก่อนวันพฤหัสบดีที่ 22 พ.ค.อย่างแน่นอน และจะเสนอข้อเท็จจริงทั้งหมดต่อสื่อมวลชนได้ในวันเดียวกัน อย่างไรก็ตาม ขอให้ประชาชนอย่าหวั่นไหวกับกระแสข่าวที่เกิดขึ้น เชื่อว่าเป็นเพียงการมุ่งทำลาย ทางการเมืองเท่านั้น"
ส่วนที่ฝ่ายค้านจะยืนถอดถอนนั้น นายจักรภพ กล่าวว่า เป็นหน้าที่ของฝ่ายค้าน ใครมีหน้าที่อะไรก็ทำหน้าที่ของตัวเอง
พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ปฎิเสธกระแสข่าวที่ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทาบทามให้เข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีแทนนายสมัคร สุนทรเวช โดยกล่าวว่าไม่เป็นความจริง เพราะตนไม่ได้เป็ ส.ส. เนื่องจากตามรัฐธรรมนูญผู้จะมาเป็นนายกรัฐมนตรีต้องมาจาก สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และนายสมัครก็ทำงานดีอยู่แล้ว
ผบ.ทอ.แนะสื่อตีแพร่คำพูด "จักรภพ"
พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข ผู้บัญชาการทหารอากาศ อดีต รักษาการ ประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) กล่าววานนี้ (19 พ.ค.) ถึงคำบรรยายของนายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่สโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศ มีทัศนคติที่ไม่ดีต่อสถาบันเบื้องสูงว่า รู้สึกกังวล ทหารทุกคนเป็นผู้ที่คำนึงถึงสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ สถาบันหลักของประเทศ กองทัพไม่ต้องการให้ใครมาทำให้สถาบันเสื่อมเสีย
"ผมเห็นว่าเป็นเรื่องดีหากสื่อจะนำเสนอข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องให้ประชาชนรับทราบว่าเป็นอย่างไร ประชาชนจะวิเคราะห์พิจารณาได้เอง ใครคงไม่สามารถคิดแทน คนอื่นได้"
ส่วนที่ พล.อ.พงษ์เทพ เทศประทีป อดีตเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ระบุว่ามีรัฐมนตรีของรัฐบาลชุดนี้บางคนมีทัศนคติที่เป็นอันตรายต่อสถาบัน นั้น พล.อ.อ.ชลิต กล่าวว่า ไม่ขอแสดงความเห็น
ผู้สื่อข่าวถามว่า อดีตแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปก.) เตรียมเสนอ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ มาให้ถ้อยคำ ในศาลกรณีดักฟังโทรศัพท์ว่า กฎหมายอยู่เหนือสิทธิส่วนบุคคล หากเป็นคดีสามารถ ชี้แจงเป็นเอกสาร หรือทำหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษรแทนได้ แต่ต้องไปดูว่า ข้อกฎหมายกำหนดไว้อย่างไร ทุกคนต้องให้ความร่วมมือกับศาล
"ชลิต"มั่นใจตั้ง คตส.ไม่ผิด กม.
พล.อ.อ.ชลิต ยังกล่าวถึงกรณีที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่ง ทางการเมืองเสนอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยอำนาจของ คณะกรรมการตรวจสอบ การกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ที่ คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) ตั้งขึ้นว่า ไม่ทราบรายละเอียดที่ชัดเจน แต่เรื่องดังกล่าวมี 2 ด้านทั้งการมีอำนาจและกฎหมายรองรับ สามารถตรวจสอบและเอาผิดกับกรณีที่เกิดขึ้นในอดีตได้ กับเรื่องของข้อกฎหมาย ที่ต้องตีความว่าสามารถทำได้หรือไม่ ต้องขึ้นอยู่กับตัวบทกฎหมายและตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่จะวินิจฉัย
"ที่ผ่านมาการตั้ง คตส.ทำมาแล้ว 2 ครั้ง โดยครั้งแรกในสมัยของสภารักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (รสช.) และครั้งที่ 2 ในสมัยของ คปค. ครั้งนี้ ผู้ที่เกี่ยวข้องทางกฎหมายของ คปค. และ คมช.ได้ศึกษาอย่างรอบคอบแล้ว คงไม่ทำอะไรผิดพลาดด้านข้อกฎมาย เพราะได้นำบทเรียนจากในอดีตมาปรับแก้ จึงไม่น่าเป็นห่วงและเชื่อว่าไม่น่าจะเป็นปัญหาต่อการตรวจสอบคดีในขณะนี้"
รักษาการ ประธานคมช. กล่าวเชื่อว่า คตส.ทุกคนมีขวัญและกำลังใจดีพร้อมจะทำงานให้คนในชาติให้ดีที่สุด และเห็นว่าดีเหมือนกันที่สื่อมวลชนถามเรื่องนี้ เพราะถ้ามีโอกาสจะได้ให้กำลังใจ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่ได้พูดคุยกันกับอดีต คมช. ถึงกรณีนี้ แต่คงจะหารือกันอย่างไม่เป็นทางการ เพื่อหาทางช่วย คตส.ต่อไป
ด้าน พล.ร.อ.สถิรพันธุ์ เกยานนท์ ผู้บัญชาการทหารเรือ กล่างถึงกรณีที่ ศาลฎีกาฯ ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสถานะของ คตส.ว่า เรื่องนี้ขอยอมแพ้ เพราะเป็นเรื่องของกฎหมาย ขนาดนักกฎหมายยังเถียงกัน ตนไม่ใช่นักกฎหมายจะไปเถียงอะไรใครได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในฐานะที่ อดีตสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ผู้ตั้ง คตส.ขึ้นมามีความเป็นห่วงหรือไม่ พล.ร.อ.สถิรพันธุ์ กล่าวเพียงสั้นๆ ว่า เรื่องนี้มันมีความเกิดแก่เจ็บตาย
พล.ร.อ.สถิรพันธุ์ ยังกล่าวถึงกรณีมีกลุ่ม การเมืองนำเอาสถาบันมาเป็นเงื่อนไข สร้างความชอบธรรม ในการเคลื่อนไหว ทางการเมืองว่า เรื่องนี้ไม่ควรแตะต้องอย่างยิ่ง พูดกันมาเป็นร้อยครั้งแล้วว่า สถาบันเบื้องสูงเป็นสิ่งที่เราเคารพนับถืออย่างมาก จะไม่แตะต้องหรือดึงลงมาเกี่ยวข้อง
"กองทัพไม่สบายใจมากๆ พูดกันมาหลายครั้งแล้ว ผมก็ไม่เข้าใจ คิดว่า มีทางเดียวคือสื่อมวลชนอย่าไปลงข่าวของคนนั้น ใครพูดอะไรก็ไม่ควรลง ให้จบๆ ไป"
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะขอร้องฝ่ายการเมืองให้ยุติการนำสถาบันเบื้องสูงมา เคลื่อนไหวหรือไม่ พล.ร.อ.สถิรพันธ์ กล่าวว่า พูดกันมาเป็นร้อยครั้งแล้ว ตนคิดว่า คนสุดท้ายที่จะช่วยได้ คือ สื่อมวลชน ที่จะไม่ลงข่าวผู้ที่ออกมาพูดเช่นนั้น คนไหนออกมาพูดไม่ต้องลงข่าว ต่อต้านหรือเลิกลงข่าวคนคนนั้นไปเลย
ผู้สื่อข่าวถามว่า จำเป็นหรือไม่ที่จะต้องมีการปฏิวัติเพื่อให้บ้านเมืองกลับเข้าสู่สถานการณ์ปกติ พล.ร.สถิรพันธุ์ กล่าวว่า "ตัวผมเอง ผมไม่สนับสนุนการปฏิวัติ" ส่วนกระแสข่าวการปฎิวัตินั้น ผบ.ทร.ยืนยันว่าไม่มีอะไร เมื่อถามว่า เหตุใดบางฝ่าย จึงพยายามผูกโยงเรื่องการปฏิวัติเข้ากับการเมือง พล.ร.อ.สถิรพันธุ์ กล่าวว่า ต้องไปถามเขาว่า เขามีเหตุผลอะไรตนตอบไม่ได้
ส่วนกระแสข่าวปฏิวัติจะส่งผลให้เกิดความวุ่นวายในสังคมหรือไม่ พล.ร.อ.สถิรพันธุ์ กล่าวว่า คงไม่วุ่นวาย เพราะทหารยืนยันอยู่ตลอดเวลา และตนยังไม่เห็นทหารคนไหนออกมาพูดว่า ปฏิวัติเลย
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ ผบ.ทร.เคยระบุว่า มีผู้ใหญ่ของบ้านเมือง คอยคลี่คลาย สถานการณ์ พล.ร.อ.สถิรพันธุ์ กล่าวว่า อย่าไปพูดเลย เพราะแล้วจะยาว แต่มันเป็นเรื่องที่ดี ขอให้จบว่าเป็นเรื่องที่ดี เราจะได้สบายใจ
จี้รัฐฟัน 13 เว็บเข้าข่ายหมิ่นเบื้องสูง
ขณะที่นายเทพไท เสนพงศ์ ผู้ช่วยเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ แถลงเรียกร้อง ให้รัฐบาลและกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ดำเนินการกับ เว็ปไซต์ที่จาบจ้วง และหมิ่นสถาบันเบื้องสูงโดยทันที เพราะจากการตรวจสอบของคณะทำงานส่วนตัวของตนนั้นพบว่ามีเว็ปไซต์ที่เข้าข่ายหมิ่นสถาบันเบื้องสูงมากกว่า 29 เว็ปไซต์ อาทิ http://downmerng.blogspots.com, http://truthaksin.com, http://thaksincomeback.org, http://www.prachathai.com, http://arayachon.org, http://www.thaiproplevoice.org เป็นต้น ซึ่งตนอยากให้รัฐบาล หรือ กระทรวงไอซีที ตั้งคณะกรรมการเฝ้าระวัง ติดตามเว็ปไซต์ดังกล่าวว่ามีการเคลื่อนไหว หรือ มีข้อความหมิ่นสถาบันเบื้องสูงหรือบุคคลอื่นใดหรือไม่ หากพบต้องเร่งดำเนินการปิดทันที เหมือนอย่างที่กระทรวงไอซีทีสั่งปิดเวปโป้ภายใน 3 วันหลังจากตรวจพบ
"ผมไม่อยากให้เรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นจนทำให้สังคมมองว่าเป็นความเคยชิน เป็นเรื่องธรรมดา และก่อให้เกิดทัศนคติที่ไม่ดี และอาจจะเกิดการลุกลามที่นำบุคคล ที่ไม่ยืนเคารพเพลงสรรเสริญพระบารมีในโรงภาพยนตร์มาออกรายการทีวี หรือ ลามไปในสภาผู้แทนราษฎร ที่บุคคลที่ยังไม่ได้รับการโปรดเกล้าฯ เป็นประธานสภา อย่างเป็นทางการ แต่กลับขึ้นไปทำหน้าที่ประธานสภา"นายเทพไท กล่าว
เย้ยมีคนกลัว "แม้ว" ไม่จ่ายเงินมากกว่า
นายเทพไท กล่าวว่า ตนขอยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่เคยกลัวพ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จนตัวสั่นอย่างที่คนของพรรคพลังประชาชนกล่าวหา เพราะหากยังจำได้สมัยที่พ.ต.ท. ทักษิณมีอำนาจ มีเงิน มีพร้อมทุกอย่าง พรรคประชาธิปัตย์ยังต่อสู้มาแล้วและในวันนี้ก็ยังได้ต่อสู้กับนอมินี หรือลูกจ้างทางการเมืองของ พ.ต.ท.ทักษิณด้วย ทั้งนี้ตนมองว่าคนที่จะกลัว พ.ต.ท.ทักษิณกลับเป็นคนที่ต้องการเงิน กลัว พ.ต.ท.ทักษิณไม่จ่ายเงินให้ จึงยอมขายตัว ขายวิญญาณ ขายอุดมการณ์เพื่อแลกกับเศษเงินจากพ.ต.ท.ทักษิณ
"สิ่งที่คุณทักษิณประกาศว่าจะเลิกเล่นการเมือง แต่พฤติกรรมความเคลื่อนไหว ยังเป็นเหมือนปากว่าตาขยิบ จะเห็นได้จากคุณทักษิณเข้าไปเป็นกาวใจ ประสาน ความแตกแยกในพรรคพลังประชาชน โดยการเรียก ลุงชัย ชิดชอบ และ ท่านรองสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ตกลงทำความเข้าใจกัน ซึ่งพฤติกรรมของคุณทักษิณ เหมือนคน ที่กำลังกินข้าวอย่าวมูมมาม แต่กลับปฏิเสธว่าไม่ได้กิน"
นายเทพไท กล่าวด้วยว่า กรณีที่ส.ส. พรรคพลังประชาชนบอกว่า มีมือที่มองไม่เห็นอยู่เบื้องหลัง พล.อ. ชวลิต ยงใจยุทธ และ พล.ต. จำลอง ศรีเมือง พร้อมกับพาดพิงว่าเป็นเสมือนหัวหน้าพรรคตัวจริงของประชาธิปัตย์ ตนอยากให้ คนของพรรคพลังประชาชนระบุให้ชัดว่ามือที่มองไม่เห็นคือใคร ทั้งนี้เชื่อได้ว่าจะไม่เกี่ยวข้องกับพรรคประชาธิปัตย์แน่นอน เพราะหัวหน้าพรรคตัวจริงของประชาธิปัตย์ คือ นาย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เท่านั้น ซึ่งก่อนที่พรรคพลังประชาชนจะตรวจสอบหัวหน้าพรรคตัวจริงของประชาธิปัตย์เป็นใคร ก็ควรที่จะตรวจสอบพรรคของตนก่อนว่า หัวหน้าพรรคตัวจริงนั้นเป็น นาย สมัคร สุนทรเวช หรือไม่
"จตุพร" ลั่นดึง "ป๋า" ขึ้นศาลแน่
นายจตุพร พรหมพันธ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคพลังประชาชน และอดีตแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปก.) กล่าวยืนยันว่าฝ่ายกฎหมายเตรียมใส่ชื่อ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ให้ไปเป็นพยายในคดีที่นายจักรภพ เพ็ญแข พร้อมแกนนำ นปก.ถูกแจ้งดำเนินคดี ในข้อหาดักฟังโทรศัพท์แน่นอน แม้จะมีผู้นำกองทัพหลายคนเห็นว่าไม่สมควรก็ตาม
นายจตุพร กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของความเหมาะสมหรือไม่เหมาะสม แต่เป็นเรื่องของสิทธิผู้ถูกกล่าวหา และ พล.อ.เปรม เป็นผู้ที่ถูกอ้างถึงในการสนทนา ของบุคคล 3 คน ในเทปดักฟังที่พวกตนนำออกมาเผยแพร่ จึงต้องนำมาเป็นพยาน เพราะถือเป็นหน้าที่ของเราที่จะนำผู้ที่เกี่ยวข้องมาให้ปากคำกับศาล จึงไม่อยากให้มองว่าใครเป็นใคร แต่อยากให้มองว่าเป็นเรื่องของสิทธิที่จะแสดงความบริสุทธิ์มากกว่า ส่วน พล.อ.เปรมจะมาหรือไม่นั้นอยู่ที่ศาลจะเป็นผู้ใช้ดุลพินิจ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังจากมีการเผบแพร่คำบรรยายของนายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ต่อสโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศ ที่พบว่ามีทัศนคติที่อันตรายต่อสถาบันเบื้องสูง และต่อมา พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี ยังได้ให้สัมภาษณ์และเขียนลงในคำปรารภ ในหนังสือ "แนวทางประเทศไทย ยุทธศาตร์ ยุทธวิธี การต่อสู้เอาชนะภัยความมั่นคงของชาติ" โดยโปรยหนังสือ ระบุว่า "สงครามเปิดโปงขบวนการ ล้มปืน ล้มทุน ล้มเจ้า" โดยตอกย้ำให้เห็นว่า มีขบวนการต้องการโค้นล้มปืน ล้มทุน ล้มเจ้า จริง โดยมีแผนที่จะใช้เผด็จการรัฐสภาเปลี่ยนแปลงประเทศจากราชอาณาจักรไปเป็นสาธารณรัฐ
ล่าสุด วานนี้ (19 พ.ค.) นายจักรภพ เพ็ญแข ได้เดินทางไปรอพบ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ที่บริเวณจวนผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม หลังเก่า พร้อม บรรดา ส.ส.นครพนม พรรคพลังประชาชน ครบทีม โดย พล.อ.ชวฃิต มีกำหนดการไปเปิดงาน "ออนซอนนครพนม"
โดยนายจักรภพ กล่าวว่าที่มารอพบก็เพื่อให้ พล.อ.ชวลิต ได้เข้าใจและให้ทราบ ว่ามีขบวนการจ้องทำลายทางการเมือง และสร้างความขัดแย้งให้เกิดขึ้นในสังคม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อ พล.อ.ชวลิต เดินทางมาถึงได้เข้าไปเป็นประธานในพิธีเปิดงาน "ออนซอนนครพนม" โดยมี นายจักรภพ เข้าร่วมงานด้วย ซึ่งระหว่างพิธีเปิดงานนายจักรภพ ได้เข้าพูดคุยกับ พล.อ.ชวลิตเป็นการส่วนตัว โดยหลังจากนั้น นายจักรภพ กล่าวว่า พล.อ.ชวลิต จะช่วยชี้แจงกรณีการไปบรรยาย ที่สโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศและถูกกล่าวหาว่า กล่าวพาดพิงสถาบันด้วย
"เมื่อสักครู่นี้ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ได้กรุณามาก ท่านบอกว่า ตอนนี้ มีคนเข้าใจผิดเยอะเหลือเกิน จะช่วยอธิบายให้เกิดความเข้าใจว่า ขบวนการที่ตั้งใจจะเสี้ยมคนให้ชนกัน สร้างความแตกแยกในบ้านเมืองเป็นอย่างไร ผ ผมเองมาตรวจราชการจังหวัดนครพนมโชคดีเหลือเกิน ท่านก็มาเปิดพิพิธภัณฑ์ของเมืองพอดี ดังนั้น ถือว่า ชะตาชีวิตต้องกัน เลยมานัดเจอกันที่นี่ โดยท่านเองก็ไม่รู้"รมว.ประจำสำนักนายกฯ กล่าว
นายจักรภพ กล่าวว่า สำหรับข้อกล่าวหาในการบรรยาย ให้สโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศฟังโดยมีการกล่าวหาว่าพาดพิงสถาบันพระมหากษัตริย์นั้น ขณะนี้กำลังทำคำแปลเพื่อยืนยันความถูกต้อง คาดว่าจะเสร็จและนำข้อเท็จจริงมาเปิดเผยแพร่ต่อสื่อมวลชนได้ภายในวันพฤหัสบดีที่ 22 พ.ค.นี้อย่างแน่นอน
"ผมจะทำเรื่องนี้ให้กระจ่างและพร้อมจะตอบทุกคำถาม โดยคาดว่าจะแปลเอกสารดังกล่าวได้ก่อนวันพฤหัสบดีที่ 22 พ.ค.อย่างแน่นอน และจะเสนอข้อเท็จจริงทั้งหมดต่อสื่อมวลชนได้ในวันเดียวกัน อย่างไรก็ตาม ขอให้ประชาชนอย่าหวั่นไหวกับกระแสข่าวที่เกิดขึ้น เชื่อว่าเป็นเพียงการมุ่งทำลาย ทางการเมืองเท่านั้น"
ส่วนที่ฝ่ายค้านจะยืนถอดถอนนั้น นายจักรภพ กล่าวว่า เป็นหน้าที่ของฝ่ายค้าน ใครมีหน้าที่อะไรก็ทำหน้าที่ของตัวเอง
พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ปฎิเสธกระแสข่าวที่ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทาบทามให้เข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีแทนนายสมัคร สุนทรเวช โดยกล่าวว่าไม่เป็นความจริง เพราะตนไม่ได้เป็ ส.ส. เนื่องจากตามรัฐธรรมนูญผู้จะมาเป็นนายกรัฐมนตรีต้องมาจาก สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และนายสมัครก็ทำงานดีอยู่แล้ว
ผบ.ทอ.แนะสื่อตีแพร่คำพูด "จักรภพ"
พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข ผู้บัญชาการทหารอากาศ อดีต รักษาการ ประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) กล่าววานนี้ (19 พ.ค.) ถึงคำบรรยายของนายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่สโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศ มีทัศนคติที่ไม่ดีต่อสถาบันเบื้องสูงว่า รู้สึกกังวล ทหารทุกคนเป็นผู้ที่คำนึงถึงสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ สถาบันหลักของประเทศ กองทัพไม่ต้องการให้ใครมาทำให้สถาบันเสื่อมเสีย
"ผมเห็นว่าเป็นเรื่องดีหากสื่อจะนำเสนอข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องให้ประชาชนรับทราบว่าเป็นอย่างไร ประชาชนจะวิเคราะห์พิจารณาได้เอง ใครคงไม่สามารถคิดแทน คนอื่นได้"
ส่วนที่ พล.อ.พงษ์เทพ เทศประทีป อดีตเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ระบุว่ามีรัฐมนตรีของรัฐบาลชุดนี้บางคนมีทัศนคติที่เป็นอันตรายต่อสถาบัน นั้น พล.อ.อ.ชลิต กล่าวว่า ไม่ขอแสดงความเห็น
ผู้สื่อข่าวถามว่า อดีตแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปก.) เตรียมเสนอ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ มาให้ถ้อยคำ ในศาลกรณีดักฟังโทรศัพท์ว่า กฎหมายอยู่เหนือสิทธิส่วนบุคคล หากเป็นคดีสามารถ ชี้แจงเป็นเอกสาร หรือทำหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษรแทนได้ แต่ต้องไปดูว่า ข้อกฎหมายกำหนดไว้อย่างไร ทุกคนต้องให้ความร่วมมือกับศาล
"ชลิต"มั่นใจตั้ง คตส.ไม่ผิด กม.
พล.อ.อ.ชลิต ยังกล่าวถึงกรณีที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่ง ทางการเมืองเสนอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยอำนาจของ คณะกรรมการตรวจสอบ การกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ที่ คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) ตั้งขึ้นว่า ไม่ทราบรายละเอียดที่ชัดเจน แต่เรื่องดังกล่าวมี 2 ด้านทั้งการมีอำนาจและกฎหมายรองรับ สามารถตรวจสอบและเอาผิดกับกรณีที่เกิดขึ้นในอดีตได้ กับเรื่องของข้อกฎหมาย ที่ต้องตีความว่าสามารถทำได้หรือไม่ ต้องขึ้นอยู่กับตัวบทกฎหมายและตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่จะวินิจฉัย
"ที่ผ่านมาการตั้ง คตส.ทำมาแล้ว 2 ครั้ง โดยครั้งแรกในสมัยของสภารักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (รสช.) และครั้งที่ 2 ในสมัยของ คปค. ครั้งนี้ ผู้ที่เกี่ยวข้องทางกฎหมายของ คปค. และ คมช.ได้ศึกษาอย่างรอบคอบแล้ว คงไม่ทำอะไรผิดพลาดด้านข้อกฎมาย เพราะได้นำบทเรียนจากในอดีตมาปรับแก้ จึงไม่น่าเป็นห่วงและเชื่อว่าไม่น่าจะเป็นปัญหาต่อการตรวจสอบคดีในขณะนี้"
รักษาการ ประธานคมช. กล่าวเชื่อว่า คตส.ทุกคนมีขวัญและกำลังใจดีพร้อมจะทำงานให้คนในชาติให้ดีที่สุด และเห็นว่าดีเหมือนกันที่สื่อมวลชนถามเรื่องนี้ เพราะถ้ามีโอกาสจะได้ให้กำลังใจ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่ได้พูดคุยกันกับอดีต คมช. ถึงกรณีนี้ แต่คงจะหารือกันอย่างไม่เป็นทางการ เพื่อหาทางช่วย คตส.ต่อไป
ด้าน พล.ร.อ.สถิรพันธุ์ เกยานนท์ ผู้บัญชาการทหารเรือ กล่างถึงกรณีที่ ศาลฎีกาฯ ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสถานะของ คตส.ว่า เรื่องนี้ขอยอมแพ้ เพราะเป็นเรื่องของกฎหมาย ขนาดนักกฎหมายยังเถียงกัน ตนไม่ใช่นักกฎหมายจะไปเถียงอะไรใครได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในฐานะที่ อดีตสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ผู้ตั้ง คตส.ขึ้นมามีความเป็นห่วงหรือไม่ พล.ร.อ.สถิรพันธุ์ กล่าวเพียงสั้นๆ ว่า เรื่องนี้มันมีความเกิดแก่เจ็บตาย
พล.ร.อ.สถิรพันธุ์ ยังกล่าวถึงกรณีมีกลุ่ม การเมืองนำเอาสถาบันมาเป็นเงื่อนไข สร้างความชอบธรรม ในการเคลื่อนไหว ทางการเมืองว่า เรื่องนี้ไม่ควรแตะต้องอย่างยิ่ง พูดกันมาเป็นร้อยครั้งแล้วว่า สถาบันเบื้องสูงเป็นสิ่งที่เราเคารพนับถืออย่างมาก จะไม่แตะต้องหรือดึงลงมาเกี่ยวข้อง
"กองทัพไม่สบายใจมากๆ พูดกันมาหลายครั้งแล้ว ผมก็ไม่เข้าใจ คิดว่า มีทางเดียวคือสื่อมวลชนอย่าไปลงข่าวของคนนั้น ใครพูดอะไรก็ไม่ควรลง ให้จบๆ ไป"
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะขอร้องฝ่ายการเมืองให้ยุติการนำสถาบันเบื้องสูงมา เคลื่อนไหวหรือไม่ พล.ร.อ.สถิรพันธ์ กล่าวว่า พูดกันมาเป็นร้อยครั้งแล้ว ตนคิดว่า คนสุดท้ายที่จะช่วยได้ คือ สื่อมวลชน ที่จะไม่ลงข่าวผู้ที่ออกมาพูดเช่นนั้น คนไหนออกมาพูดไม่ต้องลงข่าว ต่อต้านหรือเลิกลงข่าวคนคนนั้นไปเลย
ผู้สื่อข่าวถามว่า จำเป็นหรือไม่ที่จะต้องมีการปฏิวัติเพื่อให้บ้านเมืองกลับเข้าสู่สถานการณ์ปกติ พล.ร.สถิรพันธุ์ กล่าวว่า "ตัวผมเอง ผมไม่สนับสนุนการปฏิวัติ" ส่วนกระแสข่าวการปฎิวัตินั้น ผบ.ทร.ยืนยันว่าไม่มีอะไร เมื่อถามว่า เหตุใดบางฝ่าย จึงพยายามผูกโยงเรื่องการปฏิวัติเข้ากับการเมือง พล.ร.อ.สถิรพันธุ์ กล่าวว่า ต้องไปถามเขาว่า เขามีเหตุผลอะไรตนตอบไม่ได้
ส่วนกระแสข่าวปฏิวัติจะส่งผลให้เกิดความวุ่นวายในสังคมหรือไม่ พล.ร.อ.สถิรพันธุ์ กล่าวว่า คงไม่วุ่นวาย เพราะทหารยืนยันอยู่ตลอดเวลา และตนยังไม่เห็นทหารคนไหนออกมาพูดว่า ปฏิวัติเลย
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ ผบ.ทร.เคยระบุว่า มีผู้ใหญ่ของบ้านเมือง คอยคลี่คลาย สถานการณ์ พล.ร.อ.สถิรพันธุ์ กล่าวว่า อย่าไปพูดเลย เพราะแล้วจะยาว แต่มันเป็นเรื่องที่ดี ขอให้จบว่าเป็นเรื่องที่ดี เราจะได้สบายใจ
จี้รัฐฟัน 13 เว็บเข้าข่ายหมิ่นเบื้องสูง
ขณะที่นายเทพไท เสนพงศ์ ผู้ช่วยเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ แถลงเรียกร้อง ให้รัฐบาลและกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ดำเนินการกับ เว็ปไซต์ที่จาบจ้วง และหมิ่นสถาบันเบื้องสูงโดยทันที เพราะจากการตรวจสอบของคณะทำงานส่วนตัวของตนนั้นพบว่ามีเว็ปไซต์ที่เข้าข่ายหมิ่นสถาบันเบื้องสูงมากกว่า 29 เว็ปไซต์ อาทิ http://downmerng.blogspots.com, http://truthaksin.com, http://thaksincomeback.org, http://www.prachathai.com, http://arayachon.org, http://www.thaiproplevoice.org เป็นต้น ซึ่งตนอยากให้รัฐบาล หรือ กระทรวงไอซีที ตั้งคณะกรรมการเฝ้าระวัง ติดตามเว็ปไซต์ดังกล่าวว่ามีการเคลื่อนไหว หรือ มีข้อความหมิ่นสถาบันเบื้องสูงหรือบุคคลอื่นใดหรือไม่ หากพบต้องเร่งดำเนินการปิดทันที เหมือนอย่างที่กระทรวงไอซีทีสั่งปิดเวปโป้ภายใน 3 วันหลังจากตรวจพบ
"ผมไม่อยากให้เรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นจนทำให้สังคมมองว่าเป็นความเคยชิน เป็นเรื่องธรรมดา และก่อให้เกิดทัศนคติที่ไม่ดี และอาจจะเกิดการลุกลามที่นำบุคคล ที่ไม่ยืนเคารพเพลงสรรเสริญพระบารมีในโรงภาพยนตร์มาออกรายการทีวี หรือ ลามไปในสภาผู้แทนราษฎร ที่บุคคลที่ยังไม่ได้รับการโปรดเกล้าฯ เป็นประธานสภา อย่างเป็นทางการ แต่กลับขึ้นไปทำหน้าที่ประธานสภา"นายเทพไท กล่าว
เย้ยมีคนกลัว "แม้ว" ไม่จ่ายเงินมากกว่า
นายเทพไท กล่าวว่า ตนขอยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่เคยกลัวพ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จนตัวสั่นอย่างที่คนของพรรคพลังประชาชนกล่าวหา เพราะหากยังจำได้สมัยที่พ.ต.ท. ทักษิณมีอำนาจ มีเงิน มีพร้อมทุกอย่าง พรรคประชาธิปัตย์ยังต่อสู้มาแล้วและในวันนี้ก็ยังได้ต่อสู้กับนอมินี หรือลูกจ้างทางการเมืองของ พ.ต.ท.ทักษิณด้วย ทั้งนี้ตนมองว่าคนที่จะกลัว พ.ต.ท.ทักษิณกลับเป็นคนที่ต้องการเงิน กลัว พ.ต.ท.ทักษิณไม่จ่ายเงินให้ จึงยอมขายตัว ขายวิญญาณ ขายอุดมการณ์เพื่อแลกกับเศษเงินจากพ.ต.ท.ทักษิณ
"สิ่งที่คุณทักษิณประกาศว่าจะเลิกเล่นการเมือง แต่พฤติกรรมความเคลื่อนไหว ยังเป็นเหมือนปากว่าตาขยิบ จะเห็นได้จากคุณทักษิณเข้าไปเป็นกาวใจ ประสาน ความแตกแยกในพรรคพลังประชาชน โดยการเรียก ลุงชัย ชิดชอบ และ ท่านรองสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ตกลงทำความเข้าใจกัน ซึ่งพฤติกรรมของคุณทักษิณ เหมือนคน ที่กำลังกินข้าวอย่าวมูมมาม แต่กลับปฏิเสธว่าไม่ได้กิน"
นายเทพไท กล่าวด้วยว่า กรณีที่ส.ส. พรรคพลังประชาชนบอกว่า มีมือที่มองไม่เห็นอยู่เบื้องหลัง พล.อ. ชวลิต ยงใจยุทธ และ พล.ต. จำลอง ศรีเมือง พร้อมกับพาดพิงว่าเป็นเสมือนหัวหน้าพรรคตัวจริงของประชาธิปัตย์ ตนอยากให้ คนของพรรคพลังประชาชนระบุให้ชัดว่ามือที่มองไม่เห็นคือใคร ทั้งนี้เชื่อได้ว่าจะไม่เกี่ยวข้องกับพรรคประชาธิปัตย์แน่นอน เพราะหัวหน้าพรรคตัวจริงของประชาธิปัตย์ คือ นาย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เท่านั้น ซึ่งก่อนที่พรรคพลังประชาชนจะตรวจสอบหัวหน้าพรรคตัวจริงของประชาธิปัตย์เป็นใคร ก็ควรที่จะตรวจสอบพรรคของตนก่อนว่า หัวหน้าพรรคตัวจริงนั้นเป็น นาย สมัคร สุนทรเวช หรือไม่
"จตุพร" ลั่นดึง "ป๋า" ขึ้นศาลแน่
นายจตุพร พรหมพันธ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคพลังประชาชน และอดีตแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปก.) กล่าวยืนยันว่าฝ่ายกฎหมายเตรียมใส่ชื่อ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ให้ไปเป็นพยายในคดีที่นายจักรภพ เพ็ญแข พร้อมแกนนำ นปก.ถูกแจ้งดำเนินคดี ในข้อหาดักฟังโทรศัพท์แน่นอน แม้จะมีผู้นำกองทัพหลายคนเห็นว่าไม่สมควรก็ตาม
นายจตุพร กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของความเหมาะสมหรือไม่เหมาะสม แต่เป็นเรื่องของสิทธิผู้ถูกกล่าวหา และ พล.อ.เปรม เป็นผู้ที่ถูกอ้างถึงในการสนทนา ของบุคคล 3 คน ในเทปดักฟังที่พวกตนนำออกมาเผยแพร่ จึงต้องนำมาเป็นพยาน เพราะถือเป็นหน้าที่ของเราที่จะนำผู้ที่เกี่ยวข้องมาให้ปากคำกับศาล จึงไม่อยากให้มองว่าใครเป็นใคร แต่อยากให้มองว่าเป็นเรื่องของสิทธิที่จะแสดงความบริสุทธิ์มากกว่า ส่วน พล.อ.เปรมจะมาหรือไม่นั้นอยู่ที่ศาลจะเป็นผู้ใช้ดุลพินิจ