ASTVผู้จัดการรายวัน-"เทพไท"อัดส.ส.เพื่อไทยยกโขยงไปหา"พ่อแม้ว" ถึงพนมเปญ สมคบกับเขมร บ่อนทำลายชาติ ปลุกคนไทยร่วมกันต่อต้าน
หลังจากนายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกรัฐบาล กล่าวถึงความเป็นไปได้ที่ไทย-กัมพูชา จะฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการทูตกันได้นั้น สมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไข 3 ข้อ คือ ยุติการวิพากษ์วิจารณ์กระบวนการยุติธรรมของไทย หยุดแทรกแซง ก้าวก่ายกิจการทางการเมืองของไทย รวมทั้งต้องทบทวนการแต่งตั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลกัมพูชา และที่ปรึกษาส่วนตัวของสมเด็จฮุนเซน
หลังจากที่นายปณิธานได้แสดงท่าทีดังกล่าวของฝ่ายไทยออกไป สมเด็จฮุนเซน ก็ให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศตอบโต้กลับมาทันทีว่า การฟื้นความสัมพันธ์ระหว่างกันจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อไทยเปลี่ยนรัฐบาลใหม่แล้ว ไม่ใช่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคง กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ตนคงไม่ตอบโต้อะไรกับสมเด็จฮุนเซน เพราะว่าความสัมพันธ์แค่นี้ ก็ไม่ดีอยู่แล้ว
ผู้สื่อข่าวจึงบอกว่า สมเด็จฮุนเซน ถึงขนาดปลุกคนไทยว่า หากอยากเห็นความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศดีขึ้น ต้องลุกขึ้นมาขับไล่ รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะทำให้ขัดแย้งเพิ่มขึ้นหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ก็ต้องอดทนกันบ้าง แค่พูดอยู่ข้างนอก วิพากษ์วิจารณ์ไปเพราะไม่ชอบ เขาก็เสียหายเอง
ต่อข้อถามว่า เราต้องยึดตาม 3 ข้อ ที่นายปณิธาน ระบุไว้หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า สาเหตุมันมาอย่างนั้น ที่เราต้องเรียกทูตกลับ ที่เราต้องทบทวนเอ็มโอยู สาเหตุมาจากตรงนั้น ก็ต้องไปแก้ตรงนั้น
นายสุเทพยืนยันว่าไทยจะยังไม่ส่งทูตไปประจำที่กัมพูชา จนกว่ากัมพูชาจะปฏิบัติตามเงื่อนไขดังกล่าว แต่ถ้ายังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงก็ต้องอยู่กันอย่างนี้ไปก่อน และไม่มีการติดต่อกันเป็นการภายในแต่อย่างใด
ส่วนการที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และนายจักรภพ เพ็ญแข ซึ่งเป็นผู้ต้องหาหนีคดีไปหลบอยู่ที่กัมพูชานั้น หากมีหลักฐานชัดเจน ทางเราก็จะทำเรื่องขอตัวไป
ผู้สื่อข่าวถามว่าทางกัมพูชา มีข้อเรียกร้องอไรต่อฝ่ายไทยหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่เห็นกัมพูชาเรียกร้อง หรือมีเงื่อนไขอะไร
**จวก พท.สมคบเขมรทำลายไทย
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงความเคลื่อนไหวของส.ส.พรรคเพื่อไทย ที่เดินทางไปพบพ.ต.ท.ทักษิณ ที่ประเทศกัมพูชา โดยมีเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลกัมพูชา ขับรถนำขบวนอำนวยความสะดวกให้ตลอดทางว่า แสดงให้เห็นว่า ส.ส.พรรคเพื่อไทย กำลังสมคบกับรัฐบาลกัมพูชาเคลื่อนไหวทางการเมืองเพื่อกดดันรัฐบาลไทยและการที่สมเด็จฮุนเซน ประกาศว่า จะคืนความสัมพันธ์ทางการทูตกับไทย ก็ต่อเมื่อรัฐบาลชุดนี้ ออกไปแล้วนั้น ตนไม่อยากวิจารณ์ว่า ท่าทีเช่นนี้เป็นการผิดมารยาททางการทูต และของผู้นำประเทศหรือไม่ เพราะกฏบัตรของประเทศกลุ่มอาเซียน ระบุชัดว่ากลุ่มประเทศสมาชิกจะไม่แทรกแซงกิจการภายในต่อกัน แต่การที่รัฐบาลกัมพูชามีท่าทีเป็นปฏิปักษ์ต่อรัฐบาลไทย โจมตีกระบวนการยุติธรรมของไทย ให้คนที่ทำผิดกฎหมายไทยไปซ่องสุมกำลังในประเทศกัมพูชา นั้นเป็นการกระทำที่ถูกต้อง เหมาะสมหรือไม่
**ปลุกคนไทยต้านแก๊งทำลายชาติ
"ไม่ทราบว่าระหว่างสมเด็จฮุนเซน กับ พ.ต.ท.ทักษิณ และลิ่วล้อ ใครจะใช้ใครเป็นเครื่องมือทางการเมืองเพื่อทำลายประเทศไทยกันแน่ แต่ในที่สุดคนที่เสียหายมากที่สุดคือ ชาติไทยและคนไทย จึงอยากเรียกร้องให้คนไทยทั้งชาติ ลุกขึ้นมาแสดงออกปกป้องชาติ เพื่อให้คนพวกนี้เห็นว่า คุณเป็นคนไทย แต่กลับไปยืมมือคนต่างชาติมาทำลายล้างคนไทยด้วยกันเอง โดยไม่คำนึงถึงเกียรติยศ และศักดิ์ศรีของประเทศชาติ และไม่เข้าใจว่าคนอย่างพ.ต.ท.ทักษิณ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ และส.ส.พรรคเพื่อไทย เหตุใดจึงออกมาปกป้องสมเด็จฮุนเซน ที่มีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับการจับนายศิวรักษ์ ชุติพงษ์ วิศวกรชาวไทย อย่างออกหน้าออกตา เพราะเมื่อสมเด็จฮุนเซน ถูกตอบโต้จากคนไทย คนเหล่านี้กลับเป็นเดือดเป็นแค้น เจ็บแทนากกว่าที่จะปกป้องชาติและประชาชนคนไทย"นายเทพไท กล่าว
**กต.ยันไม่มีการสั่งจารกรรมข้อมูล
น.ส.รัชดา ธนาดิเรก ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะโฆษก กมธ.ต่างประเทศสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงผลการประชุมของ กมธ. ที่ได้เชิญ นายอิศร ปกมนตรี ทูตประจำกระทรวงการต่างประเทศ มาให้ข้อมูลว่า ได้มีการหารือในสองประเด็น คือ เรื่องที่มีการกล่าวหาว่า รัฐบาลใช้อำนาจเกินกว่าเหตุในการสั่งให้ฝูงบินเอฟ 16 ของกองทัพอากาศ ไล่สกัดเครื่องบินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ให้บินผ่านน่านฟ้าไทย และ กรณีนายศิวรักษ์ ชุติพงษ์ ถูกจับข้อหาจารกรรมข้อมูลความมั่นคงของกัมพูชา โดย กมธ.ได้ตั้งคำถามไปที่การหาตัวผู้สั่งการให้ นายศิวรักษ์ หาข้อมูลเส้นทางการบินของ พ.ต.ท.ทักษิณ โดยเฉพาะนายคำรบ ปาลวัฒน์วิไชย เลขานุการเอกประจำสถานทูตไทยในกัมพูชา ที่โทรศัพท์ไปหานายศิวรักษ์ ซึ่ง นายอิศร ยืนยันว่า ไม่มีการสั่งการให้จารกรรมข้อมูล แต่การเป็นข้าราชการที่มีวิจารณญาณ จำเป็นต้องให้ความสนใจ และห่วงใยต่อการเดินทางไปกัมพูชา ของ พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะไม่ใช่ประชาชนทั่วไป แต่เป็นผู้ต้องหาหลบหนีคดี จึงอยากรู้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางไปถึงกัมพูชาหรือยัง ซึ่งนายศิวรักษ์ ก็ออกมาระบุ แต่เพียงว่า ได้รับโทรศัพท์จากนายคำรบเท่านั้น
นอกจากนี้ กมธ.ยังตั้งคำถามถึงกระทรวงการต่างประเทศว่า มีการตรวจสอบดำเนินการทางวินัยกับนายคำรบหรือไม่ ก็ได้รับคำชี้แจงว่า ไม่มี เพราะนายคำรบยืนยันชัดเจนว่า ไม่มีการสั่งการให้จารกรรมข้อมูล อีกทั้งไม่มีผู้ร้องเรียน ให้สอบสวนทางวินัย เพราะไม่เห็นว่าการกระทำของนายคำรบ เป็นความผิด แต่ก็เห็นใจ นายศิวรักษ์ และชื่นชมที่ให้ความร่วมมือกับข้าราชการ โดยไม่คิดว่า การโทรศัพท์ไปของนายคำรบ จะเป็นการสร้างความเสียหายแต่อย่างใด ในทางกลับกันหากนายคำรบไม่ดำเนินการหาข้อมูล ก็เท่ากับละเว้นการปฏิบัติหน้าที่
**เชื่อเขมรดักฟังโทรศัพท์
น.ส.รัชดา กล่าวว่า กรรมาธิการฯ ได้ตั้งคำถามเกี่ยวกับข้อกล่าวหาที่กัมพูชา ระบุว่า นายศิวรักษ์ เป็นสายลับความคิดนี้มาจากแหล่งใด ซึ่งได้รับคำตอบจาก นายอิศร ว่า กระทรวงการต่างประเทศวิเคราะห์ว่า น่าจะมาจากการดักฟังทางโทรศัพท์ ที่ประชุม จึงเห็นว่าถ้าไทยถูกดักฟังโทรศัพท์อย่างง่ายดาย จะทำให้สายตาของ สากลโลกมองการทูตของประเทศไทยอย่างไร และจะถือว่ากัมพูชา ได้ละเมิดสนธิสัญญาเวียนนา พ.ศ.2504 หรือไม่ ซึ่งไม่ดีกับรัฐบาลกัมพูชาอย่างแน่นอน
"การที่นายต่อพงษ์ ไชยสาส์น ประธานกมธ.ต่างประเทศ ออกมาให้ข้อมูลกับสื่อ เป็นการให้ข้อมูลไม่ครบถ้วน จนทำให้ถูกวิจารณ์ว่า นี่เป็นกมธ.ต่างประเทศ ของกัมพูชา หรือของประเทศไทยกันแน่ และที่ผ่านมา ประธานฯเป็นผู้สรุปในการประชุมเอง ทั้งที่เรื่องนี้ยังไม่มีบทสรุป แต่กลับไปให้ข่าวในทำนองว่า กมธ. สืบหาตัวไอ้โม่งสั่งการเพียงประเด็นเดียว โดยไม่ได้ให้ข้อเท็จจริงทั้งหมดกับสังคม อีกทั้งยังพยายามชี้นำให้สังคมตั้งคำถามกับนายคำรบ ว่าเหตุใดจึงเงียบหาย ไม่ยอมชี้แจง ทั้งที่ตัวแทนจากกระทรวงการต่างประเทศ ชี้แจงแล้วว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นมีความละเอียดอ่อน กระทรวงการต่างประเทศจึงไม่อยากยกระดับปัญหาให้บานปลายออกไปและจะชี้แจงเมื่อถึงเวลาที่สมควร"
โฆษก กมธ.ต่างประเทศ ฯ กล่าวต่อว่า นายเจริญ คันธวงศ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะกมธ. ได้เสนอให้ที่ประชุมรับฟังข้อมูลทั้งสองฝ่าย โดยขอให้เชิญ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ นายศิวรักษ์ และนางสิมารักษ์ ณ นครพนม มารดานายศิวรักษ์ เข้าให้ข้อมูลต่อที่ประชุมด้วย เพราะจะได้ทราบว่า มีการจัดฉากหรือไม่ มีการล้วงข้อมูลหรือเปล่า ซึ่งประธานกมธ. รับปากจะไปประสานให้
ผู้สื่อข่าวถามว่า รู้สึกกลัวหรือไม่ที่พรรคเพื่อไทยได้ตั้งให้นายต่อพงษ์ เป็นหัวหน้าคณะทำงานในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ในเรื่องที่เกี่ยวกับกระทรวงการต่างประเทศ น.ส.รัชดา กล่าวว่า ไม่กลัว เพราะกมธ.มาจากหลายฝ่าย ข้อเท็จจริงก็คือข้อเท็จจริง ถ้านายต่อพงษ์อภิปรายฯ โดยอ้างข้อมูล ที่ไม่เป็นความจริง ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ก็สามารถแย้งได้ เพราะในสภาต้องพูดแต่ความจริง
"ในที่ประชุมได้ข้อสรุปชัดเจนว่า ในประเด็นเรื่องการเตรียมเครื่องบินขับไล่ไว้สกัดเครื่องบินของ พ.ต.ท.ทักษิณ นั้นไม่มีการกระทำที่เกินกว่าเหตุ เพราะการเข้าน่านฟ้าไทย จะต้องมีการขออนุญาต หากไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องบินอ้อมเข้าทางน่านฟ้าอื่น และทางตัวแทนกองทัพอากาศ ได้ชี้แจงว่า ปกติกองทัพอากาศ จะมีการฝึกบิน เตรียมความพร้อมทางการทหารอย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว ดังนั้นการที่มีเครื่องบิน บินลาดตระเวนตรวจสอบน่านฟ้า จึงไม่เกี่ยวกับการบินประกบ หรือสกัดกั้นเครื่องบินของ พ.ต.ท.ทักษิณ" น.ส.รัชดา กล่าว
ด้านนายต่อพงษ์ ไชยสาสน์ ได้กล่าวตอบโต้กรณีที่ น.ส.รัชดา ระบุว่า ตนรับฟังข้อมูลด้านเดียวแล้วด่วนสรุป จนทำปัญหาสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา บานปลาย ว่า เข้าใจว่า พรรคประชาธิปัตย์ ต้องปกป้องคนของตัวเอง ที่ผ่านมาทาง กมธ.ต่างประเทศ ไม่ได้รับความร่วมมือในการประสานจากคนของพรรคประชาธิปัตย์เลย ซึ่งถ้าอยากให้กมธ. มีความศักดิ์สิทธิ์ ก็ช่วยเรียนให้นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ และนายคำรบ มาให้ข้อเท็จจริงด้วย
ส่วนที่ น.ส.รัชดา ต้องการให้เชิญนายศิวรักษ์ นางสิมารักษ์ และพล.อ.ชวลิตมาให้ข้อมูล ทางตนก็ยินดีอยู่แล้ว ส่วนจะมาหรือไม่มาก็เป็นเอกสิทธิของเขา
**"กษิต"ยันไม่เคยสั่งให้หาข้อมูลแม้ว
นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ กล่าวยืนยัน ว่าการจารกรรมไม่ใช่หน้าที่ของข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศ การที่สถานทูตไทยต้องติดตามข่าวของพ.ต.ท.ทักษิณ ถือเป็นหลักปฏิบัติโดยปกติ เนื่องจากกระทรวงได้มีคำสั่งให้สถานทูต และสถานกงสุลใหญ่ไทยทั่วโลกติดตามความเคลื่อนไหวของพ.ต.ท.ทักษิณ เพราะต้องนำตัวกลับมา และเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ทุกคน ที่ต้องติดตามความเคลื่อนไหวอยู่แล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่ามีการสั่งการใดๆ เป็นพิเศษในช่วงนั้นหรือไม่ นายกษิต กล่าวว่า " ทำไมต้องทำ เพราะการเดินทางไปเยือนกัมพูชาไม่ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ หรือ พล.อ.ชวลิต ก็มีข่าวออกมาอยู่แล้ว ขอพูดให้ชัดว่า เรื่องการบินผ่านน่านฟ้าเรามีตารางบินอยู่ก่อนแล้ว เพราะตามหลักปฏิบัติ ระหว่างประเทศต้องมีการแจ้งล่วงหน้า และยังได้ส่งไปให้สถานทูตไทยที่กัมพูชาเพราะหน่วยงานไทยก็รู้"
ส่วนตนจะไปชี้แจงต่อกมธ.ต่างประเทศหรือไม่นั้น ต้องปรึกษากับส.ส.ของพรรคใน กมธ.ก่อนถึงความเหมาะสม จะต้องดูสาระและบรรยากาศ กระทรวงไม่เคยตกหล่นในการไปปรากฎตัวที่กมธ.ใดๆ ของสภา และได้ตั้งนายอิศร ปกมนตรี เอกอัครราชทูตประจำกระทรวงเป็นผู้ประสานงานกับรัฐสภา ซึ่งท่านก็ได้ทำหน้าที่อย่างดี ต่อเนื่องมาตลอด อีกทั้งที่ผ่านมาทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ก็ได้ชี้แจง และให้ข้อมูลในเรื่องนี้มาตลอด ไม่มีอะไรหลบซ่อนในกอไผ่
"ผมพร้อมจะชี้แจง แต่การจะมาวิพาษณ์วิจารณ์ก่อนว่า ผมปอดแหก ขี้ขลาด มันไม่ใช่การสร้างบรรยากาศของการให้ข้อมูลชี้แจง มันต้องถามด้วยว่า ประธานกรรมาธิการฯ ท่านมาจากพรรคอะไร ท่าทีของพรรคการเมืองนั้นต่อตัวผม มันเป็นอย่างไร เราไม่ใช่เด็กไร้เดียงสา ที่ไม่รู้อะไร ไม่ใช่กลัว ไม่มีความกลัวใดๆ ทั้งสิ้น แต่เราจะพูดกันด้วยเหตุด้วยผล หรือจะหาเรื่องตีรวนหรือ จะหยามกัน"นายกษิต กล่าว
**"ศิวรักษ์"บวชล้างซวย 9 วัน
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่านางสิมารักษ์ มารดานายศิวรักษ์ ได้โทรศัพท์มาถึงตน แจ้งว่านายศิวรักษ์ จะลาอุปสมบทเป็นเวลา 9 วัน ในวันที่ 20 ธ.ค. เวลา 7.00 น. ที่วัดป่าสุทธาราม อ.เมือง จ.นครราชสีมา สำหรับความคืบหน้าในการฟ้องร้องนั้น นางสิมารักษ์ อยู่ระหว่างการหารือ และปรึกษากับผู้ใหญ่
ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคเพื่อไทยจะสนับสนุนให้มีการฟ้องร้องหรือไม่ นายพร้อมพงศ์กล่าวว่า การจะฟ้องหรือไม่นั้น เป็นเรื่องของนางสิมารักษ์ วันนี้กระบวนการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมของพรรคเพื่อไทย จบแล้ว แต่การตรวจสอบของพรรคจะยังดำเนินต่อไป โดยนายต่อพงษ์ ประธานกมธ. ต่างประเทศ จะประสานกับคณะอนุกรรมการภาพลักษณ์ประเทศไทย เพื่อเรียกประชุมในวันที่ 23 ธ.ค. ซึ่งจะเชิญนายกษิต และนายคำรบ มาชี้แจงด้วย ที่สำคัญจะมีการตรวจสอบในประเด็นผู้บริหารระดับสูงในกระทรวงต่างประเทศ อักษรย่อ “ก” ได้โทรศัพท์ไปหานายคำรบ เพื่อให้ดำเนินการขอตารางการบินของพ.ต.ท.ทักษิณ ด้วย เนื่องจากมีหลักฐานในสำนวนการสอบสวนของนายศิวรักษ์ อย่างชัดเจนว่า มีไอ้โม่งโทรศัพท์ไปหานายคำรบ ระหว่างวันที่ 9-10 พ.ย.
**ป้องเขมรไม่ได้ดักฟังโทรศัพท์
สำหรับกรณีที่นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ประเทศกัมพูชาอาจมีการดักฟังโทรศัพท์ของประเทศไทยนั้น นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า การที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ออกมาระบุว่า เป็นเรื่องของความมั่นคงนั้น การดักฟังโทรศัพท์ของประเทศไทยนั้นไม่มี ยกตัวอย่างเช่น อาชญากรคนหนึ่งในประเทศไทย ไปจี้ชิงทรัพย์ ไปฆ่าเจ้าทรัพย์ แล้วเขาโทรไปหาใคร จะมีข้อมูลที่บริษัทต้นสังกัด มีข้อมูลการใช้ มีเบอร์โทรเข้า ซึ่งกรณีนี้เบอร์โทรศัพท์ ที่โทรหานายคำรบ เป็นใคร ก็คือไอ้โม่งตัวนั้นนั่นแหละ ไม่ใช่การดักฟัง หลักฐานเบอร์โทรศัพท์ของไอ้โม่งที่โทรไปหานายคำรบระหว่างวันที่ 9-10 พ.ย. เป็นใครมันโยงกันได้
**"มาตุภูมิ"ช่วยป้อง"แม้ว"อีกแรง
นายสุระ เตชะทัต ผู้ช่วยโฆษกพรรคมาตุภูมิ กล่าวว่ารัฐบาลไทยกำลังหลงทาง ที่นำประเทศชาติไปเป็นปัญหาผูกกับ พ.ต.ท.ทักษิณ มากเกินไป รัฐบาลควรกลับไปทบทวนว่า การมีปัญหากับพ.ต.ท.ทักษิณ เพียงคนๆเดียว กับเรื่องของผลประโยชน์ประเทศชาตินั้นควรแยกจากกัน ไม่ใช่นำเรื่องปัญหากับพ.ต.ท.ทักษิณ ไปผูกโยงความขัดแย้งของประเทศทั้งหมด และกำลังบานปลายขยายวงกว้าง ทำให้การฟื้นความสัมพันธุ์ระหว่างประเทศ เป็นเรื่องลำบาก รัฐบาลต้องยุติการตอบโต้รายวัน ต้องเลิกกล่าวหาว่า การจับนายศิวะรักษ์ เป็นการจัดฉาก
หลังจากนายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกรัฐบาล กล่าวถึงความเป็นไปได้ที่ไทย-กัมพูชา จะฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการทูตกันได้นั้น สมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไข 3 ข้อ คือ ยุติการวิพากษ์วิจารณ์กระบวนการยุติธรรมของไทย หยุดแทรกแซง ก้าวก่ายกิจการทางการเมืองของไทย รวมทั้งต้องทบทวนการแต่งตั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลกัมพูชา และที่ปรึกษาส่วนตัวของสมเด็จฮุนเซน
หลังจากที่นายปณิธานได้แสดงท่าทีดังกล่าวของฝ่ายไทยออกไป สมเด็จฮุนเซน ก็ให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศตอบโต้กลับมาทันทีว่า การฟื้นความสัมพันธ์ระหว่างกันจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อไทยเปลี่ยนรัฐบาลใหม่แล้ว ไม่ใช่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคง กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ตนคงไม่ตอบโต้อะไรกับสมเด็จฮุนเซน เพราะว่าความสัมพันธ์แค่นี้ ก็ไม่ดีอยู่แล้ว
ผู้สื่อข่าวจึงบอกว่า สมเด็จฮุนเซน ถึงขนาดปลุกคนไทยว่า หากอยากเห็นความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศดีขึ้น ต้องลุกขึ้นมาขับไล่ รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะทำให้ขัดแย้งเพิ่มขึ้นหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ก็ต้องอดทนกันบ้าง แค่พูดอยู่ข้างนอก วิพากษ์วิจารณ์ไปเพราะไม่ชอบ เขาก็เสียหายเอง
ต่อข้อถามว่า เราต้องยึดตาม 3 ข้อ ที่นายปณิธาน ระบุไว้หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า สาเหตุมันมาอย่างนั้น ที่เราต้องเรียกทูตกลับ ที่เราต้องทบทวนเอ็มโอยู สาเหตุมาจากตรงนั้น ก็ต้องไปแก้ตรงนั้น
นายสุเทพยืนยันว่าไทยจะยังไม่ส่งทูตไปประจำที่กัมพูชา จนกว่ากัมพูชาจะปฏิบัติตามเงื่อนไขดังกล่าว แต่ถ้ายังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงก็ต้องอยู่กันอย่างนี้ไปก่อน และไม่มีการติดต่อกันเป็นการภายในแต่อย่างใด
ส่วนการที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และนายจักรภพ เพ็ญแข ซึ่งเป็นผู้ต้องหาหนีคดีไปหลบอยู่ที่กัมพูชานั้น หากมีหลักฐานชัดเจน ทางเราก็จะทำเรื่องขอตัวไป
ผู้สื่อข่าวถามว่าทางกัมพูชา มีข้อเรียกร้องอไรต่อฝ่ายไทยหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่เห็นกัมพูชาเรียกร้อง หรือมีเงื่อนไขอะไร
**จวก พท.สมคบเขมรทำลายไทย
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงความเคลื่อนไหวของส.ส.พรรคเพื่อไทย ที่เดินทางไปพบพ.ต.ท.ทักษิณ ที่ประเทศกัมพูชา โดยมีเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลกัมพูชา ขับรถนำขบวนอำนวยความสะดวกให้ตลอดทางว่า แสดงให้เห็นว่า ส.ส.พรรคเพื่อไทย กำลังสมคบกับรัฐบาลกัมพูชาเคลื่อนไหวทางการเมืองเพื่อกดดันรัฐบาลไทยและการที่สมเด็จฮุนเซน ประกาศว่า จะคืนความสัมพันธ์ทางการทูตกับไทย ก็ต่อเมื่อรัฐบาลชุดนี้ ออกไปแล้วนั้น ตนไม่อยากวิจารณ์ว่า ท่าทีเช่นนี้เป็นการผิดมารยาททางการทูต และของผู้นำประเทศหรือไม่ เพราะกฏบัตรของประเทศกลุ่มอาเซียน ระบุชัดว่ากลุ่มประเทศสมาชิกจะไม่แทรกแซงกิจการภายในต่อกัน แต่การที่รัฐบาลกัมพูชามีท่าทีเป็นปฏิปักษ์ต่อรัฐบาลไทย โจมตีกระบวนการยุติธรรมของไทย ให้คนที่ทำผิดกฎหมายไทยไปซ่องสุมกำลังในประเทศกัมพูชา นั้นเป็นการกระทำที่ถูกต้อง เหมาะสมหรือไม่
**ปลุกคนไทยต้านแก๊งทำลายชาติ
"ไม่ทราบว่าระหว่างสมเด็จฮุนเซน กับ พ.ต.ท.ทักษิณ และลิ่วล้อ ใครจะใช้ใครเป็นเครื่องมือทางการเมืองเพื่อทำลายประเทศไทยกันแน่ แต่ในที่สุดคนที่เสียหายมากที่สุดคือ ชาติไทยและคนไทย จึงอยากเรียกร้องให้คนไทยทั้งชาติ ลุกขึ้นมาแสดงออกปกป้องชาติ เพื่อให้คนพวกนี้เห็นว่า คุณเป็นคนไทย แต่กลับไปยืมมือคนต่างชาติมาทำลายล้างคนไทยด้วยกันเอง โดยไม่คำนึงถึงเกียรติยศ และศักดิ์ศรีของประเทศชาติ และไม่เข้าใจว่าคนอย่างพ.ต.ท.ทักษิณ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ และส.ส.พรรคเพื่อไทย เหตุใดจึงออกมาปกป้องสมเด็จฮุนเซน ที่มีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับการจับนายศิวรักษ์ ชุติพงษ์ วิศวกรชาวไทย อย่างออกหน้าออกตา เพราะเมื่อสมเด็จฮุนเซน ถูกตอบโต้จากคนไทย คนเหล่านี้กลับเป็นเดือดเป็นแค้น เจ็บแทนากกว่าที่จะปกป้องชาติและประชาชนคนไทย"นายเทพไท กล่าว
**กต.ยันไม่มีการสั่งจารกรรมข้อมูล
น.ส.รัชดา ธนาดิเรก ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะโฆษก กมธ.ต่างประเทศสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงผลการประชุมของ กมธ. ที่ได้เชิญ นายอิศร ปกมนตรี ทูตประจำกระทรวงการต่างประเทศ มาให้ข้อมูลว่า ได้มีการหารือในสองประเด็น คือ เรื่องที่มีการกล่าวหาว่า รัฐบาลใช้อำนาจเกินกว่าเหตุในการสั่งให้ฝูงบินเอฟ 16 ของกองทัพอากาศ ไล่สกัดเครื่องบินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ให้บินผ่านน่านฟ้าไทย และ กรณีนายศิวรักษ์ ชุติพงษ์ ถูกจับข้อหาจารกรรมข้อมูลความมั่นคงของกัมพูชา โดย กมธ.ได้ตั้งคำถามไปที่การหาตัวผู้สั่งการให้ นายศิวรักษ์ หาข้อมูลเส้นทางการบินของ พ.ต.ท.ทักษิณ โดยเฉพาะนายคำรบ ปาลวัฒน์วิไชย เลขานุการเอกประจำสถานทูตไทยในกัมพูชา ที่โทรศัพท์ไปหานายศิวรักษ์ ซึ่ง นายอิศร ยืนยันว่า ไม่มีการสั่งการให้จารกรรมข้อมูล แต่การเป็นข้าราชการที่มีวิจารณญาณ จำเป็นต้องให้ความสนใจ และห่วงใยต่อการเดินทางไปกัมพูชา ของ พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะไม่ใช่ประชาชนทั่วไป แต่เป็นผู้ต้องหาหลบหนีคดี จึงอยากรู้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางไปถึงกัมพูชาหรือยัง ซึ่งนายศิวรักษ์ ก็ออกมาระบุ แต่เพียงว่า ได้รับโทรศัพท์จากนายคำรบเท่านั้น
นอกจากนี้ กมธ.ยังตั้งคำถามถึงกระทรวงการต่างประเทศว่า มีการตรวจสอบดำเนินการทางวินัยกับนายคำรบหรือไม่ ก็ได้รับคำชี้แจงว่า ไม่มี เพราะนายคำรบยืนยันชัดเจนว่า ไม่มีการสั่งการให้จารกรรมข้อมูล อีกทั้งไม่มีผู้ร้องเรียน ให้สอบสวนทางวินัย เพราะไม่เห็นว่าการกระทำของนายคำรบ เป็นความผิด แต่ก็เห็นใจ นายศิวรักษ์ และชื่นชมที่ให้ความร่วมมือกับข้าราชการ โดยไม่คิดว่า การโทรศัพท์ไปของนายคำรบ จะเป็นการสร้างความเสียหายแต่อย่างใด ในทางกลับกันหากนายคำรบไม่ดำเนินการหาข้อมูล ก็เท่ากับละเว้นการปฏิบัติหน้าที่
**เชื่อเขมรดักฟังโทรศัพท์
น.ส.รัชดา กล่าวว่า กรรมาธิการฯ ได้ตั้งคำถามเกี่ยวกับข้อกล่าวหาที่กัมพูชา ระบุว่า นายศิวรักษ์ เป็นสายลับความคิดนี้มาจากแหล่งใด ซึ่งได้รับคำตอบจาก นายอิศร ว่า กระทรวงการต่างประเทศวิเคราะห์ว่า น่าจะมาจากการดักฟังทางโทรศัพท์ ที่ประชุม จึงเห็นว่าถ้าไทยถูกดักฟังโทรศัพท์อย่างง่ายดาย จะทำให้สายตาของ สากลโลกมองการทูตของประเทศไทยอย่างไร และจะถือว่ากัมพูชา ได้ละเมิดสนธิสัญญาเวียนนา พ.ศ.2504 หรือไม่ ซึ่งไม่ดีกับรัฐบาลกัมพูชาอย่างแน่นอน
"การที่นายต่อพงษ์ ไชยสาส์น ประธานกมธ.ต่างประเทศ ออกมาให้ข้อมูลกับสื่อ เป็นการให้ข้อมูลไม่ครบถ้วน จนทำให้ถูกวิจารณ์ว่า นี่เป็นกมธ.ต่างประเทศ ของกัมพูชา หรือของประเทศไทยกันแน่ และที่ผ่านมา ประธานฯเป็นผู้สรุปในการประชุมเอง ทั้งที่เรื่องนี้ยังไม่มีบทสรุป แต่กลับไปให้ข่าวในทำนองว่า กมธ. สืบหาตัวไอ้โม่งสั่งการเพียงประเด็นเดียว โดยไม่ได้ให้ข้อเท็จจริงทั้งหมดกับสังคม อีกทั้งยังพยายามชี้นำให้สังคมตั้งคำถามกับนายคำรบ ว่าเหตุใดจึงเงียบหาย ไม่ยอมชี้แจง ทั้งที่ตัวแทนจากกระทรวงการต่างประเทศ ชี้แจงแล้วว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นมีความละเอียดอ่อน กระทรวงการต่างประเทศจึงไม่อยากยกระดับปัญหาให้บานปลายออกไปและจะชี้แจงเมื่อถึงเวลาที่สมควร"
โฆษก กมธ.ต่างประเทศ ฯ กล่าวต่อว่า นายเจริญ คันธวงศ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะกมธ. ได้เสนอให้ที่ประชุมรับฟังข้อมูลทั้งสองฝ่าย โดยขอให้เชิญ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ นายศิวรักษ์ และนางสิมารักษ์ ณ นครพนม มารดานายศิวรักษ์ เข้าให้ข้อมูลต่อที่ประชุมด้วย เพราะจะได้ทราบว่า มีการจัดฉากหรือไม่ มีการล้วงข้อมูลหรือเปล่า ซึ่งประธานกมธ. รับปากจะไปประสานให้
ผู้สื่อข่าวถามว่า รู้สึกกลัวหรือไม่ที่พรรคเพื่อไทยได้ตั้งให้นายต่อพงษ์ เป็นหัวหน้าคณะทำงานในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ในเรื่องที่เกี่ยวกับกระทรวงการต่างประเทศ น.ส.รัชดา กล่าวว่า ไม่กลัว เพราะกมธ.มาจากหลายฝ่าย ข้อเท็จจริงก็คือข้อเท็จจริง ถ้านายต่อพงษ์อภิปรายฯ โดยอ้างข้อมูล ที่ไม่เป็นความจริง ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ก็สามารถแย้งได้ เพราะในสภาต้องพูดแต่ความจริง
"ในที่ประชุมได้ข้อสรุปชัดเจนว่า ในประเด็นเรื่องการเตรียมเครื่องบินขับไล่ไว้สกัดเครื่องบินของ พ.ต.ท.ทักษิณ นั้นไม่มีการกระทำที่เกินกว่าเหตุ เพราะการเข้าน่านฟ้าไทย จะต้องมีการขออนุญาต หากไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องบินอ้อมเข้าทางน่านฟ้าอื่น และทางตัวแทนกองทัพอากาศ ได้ชี้แจงว่า ปกติกองทัพอากาศ จะมีการฝึกบิน เตรียมความพร้อมทางการทหารอย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว ดังนั้นการที่มีเครื่องบิน บินลาดตระเวนตรวจสอบน่านฟ้า จึงไม่เกี่ยวกับการบินประกบ หรือสกัดกั้นเครื่องบินของ พ.ต.ท.ทักษิณ" น.ส.รัชดา กล่าว
ด้านนายต่อพงษ์ ไชยสาสน์ ได้กล่าวตอบโต้กรณีที่ น.ส.รัชดา ระบุว่า ตนรับฟังข้อมูลด้านเดียวแล้วด่วนสรุป จนทำปัญหาสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา บานปลาย ว่า เข้าใจว่า พรรคประชาธิปัตย์ ต้องปกป้องคนของตัวเอง ที่ผ่านมาทาง กมธ.ต่างประเทศ ไม่ได้รับความร่วมมือในการประสานจากคนของพรรคประชาธิปัตย์เลย ซึ่งถ้าอยากให้กมธ. มีความศักดิ์สิทธิ์ ก็ช่วยเรียนให้นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ และนายคำรบ มาให้ข้อเท็จจริงด้วย
ส่วนที่ น.ส.รัชดา ต้องการให้เชิญนายศิวรักษ์ นางสิมารักษ์ และพล.อ.ชวลิตมาให้ข้อมูล ทางตนก็ยินดีอยู่แล้ว ส่วนจะมาหรือไม่มาก็เป็นเอกสิทธิของเขา
**"กษิต"ยันไม่เคยสั่งให้หาข้อมูลแม้ว
นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ กล่าวยืนยัน ว่าการจารกรรมไม่ใช่หน้าที่ของข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศ การที่สถานทูตไทยต้องติดตามข่าวของพ.ต.ท.ทักษิณ ถือเป็นหลักปฏิบัติโดยปกติ เนื่องจากกระทรวงได้มีคำสั่งให้สถานทูต และสถานกงสุลใหญ่ไทยทั่วโลกติดตามความเคลื่อนไหวของพ.ต.ท.ทักษิณ เพราะต้องนำตัวกลับมา และเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ทุกคน ที่ต้องติดตามความเคลื่อนไหวอยู่แล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่ามีการสั่งการใดๆ เป็นพิเศษในช่วงนั้นหรือไม่ นายกษิต กล่าวว่า " ทำไมต้องทำ เพราะการเดินทางไปเยือนกัมพูชาไม่ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ หรือ พล.อ.ชวลิต ก็มีข่าวออกมาอยู่แล้ว ขอพูดให้ชัดว่า เรื่องการบินผ่านน่านฟ้าเรามีตารางบินอยู่ก่อนแล้ว เพราะตามหลักปฏิบัติ ระหว่างประเทศต้องมีการแจ้งล่วงหน้า และยังได้ส่งไปให้สถานทูตไทยที่กัมพูชาเพราะหน่วยงานไทยก็รู้"
ส่วนตนจะไปชี้แจงต่อกมธ.ต่างประเทศหรือไม่นั้น ต้องปรึกษากับส.ส.ของพรรคใน กมธ.ก่อนถึงความเหมาะสม จะต้องดูสาระและบรรยากาศ กระทรวงไม่เคยตกหล่นในการไปปรากฎตัวที่กมธ.ใดๆ ของสภา และได้ตั้งนายอิศร ปกมนตรี เอกอัครราชทูตประจำกระทรวงเป็นผู้ประสานงานกับรัฐสภา ซึ่งท่านก็ได้ทำหน้าที่อย่างดี ต่อเนื่องมาตลอด อีกทั้งที่ผ่านมาทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ก็ได้ชี้แจง และให้ข้อมูลในเรื่องนี้มาตลอด ไม่มีอะไรหลบซ่อนในกอไผ่
"ผมพร้อมจะชี้แจง แต่การจะมาวิพาษณ์วิจารณ์ก่อนว่า ผมปอดแหก ขี้ขลาด มันไม่ใช่การสร้างบรรยากาศของการให้ข้อมูลชี้แจง มันต้องถามด้วยว่า ประธานกรรมาธิการฯ ท่านมาจากพรรคอะไร ท่าทีของพรรคการเมืองนั้นต่อตัวผม มันเป็นอย่างไร เราไม่ใช่เด็กไร้เดียงสา ที่ไม่รู้อะไร ไม่ใช่กลัว ไม่มีความกลัวใดๆ ทั้งสิ้น แต่เราจะพูดกันด้วยเหตุด้วยผล หรือจะหาเรื่องตีรวนหรือ จะหยามกัน"นายกษิต กล่าว
**"ศิวรักษ์"บวชล้างซวย 9 วัน
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่านางสิมารักษ์ มารดานายศิวรักษ์ ได้โทรศัพท์มาถึงตน แจ้งว่านายศิวรักษ์ จะลาอุปสมบทเป็นเวลา 9 วัน ในวันที่ 20 ธ.ค. เวลา 7.00 น. ที่วัดป่าสุทธาราม อ.เมือง จ.นครราชสีมา สำหรับความคืบหน้าในการฟ้องร้องนั้น นางสิมารักษ์ อยู่ระหว่างการหารือ และปรึกษากับผู้ใหญ่
ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคเพื่อไทยจะสนับสนุนให้มีการฟ้องร้องหรือไม่ นายพร้อมพงศ์กล่าวว่า การจะฟ้องหรือไม่นั้น เป็นเรื่องของนางสิมารักษ์ วันนี้กระบวนการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมของพรรคเพื่อไทย จบแล้ว แต่การตรวจสอบของพรรคจะยังดำเนินต่อไป โดยนายต่อพงษ์ ประธานกมธ. ต่างประเทศ จะประสานกับคณะอนุกรรมการภาพลักษณ์ประเทศไทย เพื่อเรียกประชุมในวันที่ 23 ธ.ค. ซึ่งจะเชิญนายกษิต และนายคำรบ มาชี้แจงด้วย ที่สำคัญจะมีการตรวจสอบในประเด็นผู้บริหารระดับสูงในกระทรวงต่างประเทศ อักษรย่อ “ก” ได้โทรศัพท์ไปหานายคำรบ เพื่อให้ดำเนินการขอตารางการบินของพ.ต.ท.ทักษิณ ด้วย เนื่องจากมีหลักฐานในสำนวนการสอบสวนของนายศิวรักษ์ อย่างชัดเจนว่า มีไอ้โม่งโทรศัพท์ไปหานายคำรบ ระหว่างวันที่ 9-10 พ.ย.
**ป้องเขมรไม่ได้ดักฟังโทรศัพท์
สำหรับกรณีที่นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ประเทศกัมพูชาอาจมีการดักฟังโทรศัพท์ของประเทศไทยนั้น นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า การที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ออกมาระบุว่า เป็นเรื่องของความมั่นคงนั้น การดักฟังโทรศัพท์ของประเทศไทยนั้นไม่มี ยกตัวอย่างเช่น อาชญากรคนหนึ่งในประเทศไทย ไปจี้ชิงทรัพย์ ไปฆ่าเจ้าทรัพย์ แล้วเขาโทรไปหาใคร จะมีข้อมูลที่บริษัทต้นสังกัด มีข้อมูลการใช้ มีเบอร์โทรเข้า ซึ่งกรณีนี้เบอร์โทรศัพท์ ที่โทรหานายคำรบ เป็นใคร ก็คือไอ้โม่งตัวนั้นนั่นแหละ ไม่ใช่การดักฟัง หลักฐานเบอร์โทรศัพท์ของไอ้โม่งที่โทรไปหานายคำรบระหว่างวันที่ 9-10 พ.ย. เป็นใครมันโยงกันได้
**"มาตุภูมิ"ช่วยป้อง"แม้ว"อีกแรง
นายสุระ เตชะทัต ผู้ช่วยโฆษกพรรคมาตุภูมิ กล่าวว่ารัฐบาลไทยกำลังหลงทาง ที่นำประเทศชาติไปเป็นปัญหาผูกกับ พ.ต.ท.ทักษิณ มากเกินไป รัฐบาลควรกลับไปทบทวนว่า การมีปัญหากับพ.ต.ท.ทักษิณ เพียงคนๆเดียว กับเรื่องของผลประโยชน์ประเทศชาตินั้นควรแยกจากกัน ไม่ใช่นำเรื่องปัญหากับพ.ต.ท.ทักษิณ ไปผูกโยงความขัดแย้งของประเทศทั้งหมด และกำลังบานปลายขยายวงกว้าง ทำให้การฟื้นความสัมพันธุ์ระหว่างประเทศ เป็นเรื่องลำบาก รัฐบาลต้องยุติการตอบโต้รายวัน ต้องเลิกกล่าวหาว่า การจับนายศิวะรักษ์ เป็นการจัดฉาก