ASTVผู้จัดการรายวัน - ปชป.เปลี่ยนจากรับเป็นรุก จี้ตรวจสอบประเด็น "จิ๋ว-พท." ดักฟังโทรศัพท์ แม้ยอมรับผลกระทบไทย-เขมร จากเหตุการณ์ "ศิวรักษ์" ได้ไม่คุ้มเสียขณะที่รัฐบาลประเมิน "แม้ว" ยังไม่หยุดเดินเกมป่วนทั้งในและนอกสภา ปลายทางหวังเจรจาล้มคดี-ขอคืนเงิน 7.6 หมื่นล้าน พร้อมหาทางกลับมามีอำนาจ เพื่อแก้กฎหมายหนีความผิด ด้านอดีต ผอ.ศรภ.ซัด "แม้ว-ฮุนเซน" ร่วมจัดฉากจริง ชี้เขมรเร่งจบละครลวงโลก หวั่นไทยรื้อคดีดักฟังโทรศัพท์
นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อวานนี้ (15 ธ.ค.) ว่า ที่ประชุมมีการวิเคราะห์ว่า กรณีการจับกุมตัวนายศิวรักษ์ ชุติพงษ์ วิศวกร บริษัทแคมโบเดีย แอร์ ทราฟฟิก เซอร์วิสเซส (CATS) ในข้อหาจารกรรมข้อมูลการบินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และต่อมามีการอภัยโทษให้ว่า ทั้งหมดนี้ เป็นเหยื่อจากการเคลื่อนไหวทางการเมืองของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เช่นเดียวกับนายคำรบ ปาลวัฒน์วิไชย เลขานุการเอกประจำสถานทูตไทยในกัมพูชา ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และการที่นายศิวรักษ์ ต้องติดคุก 32 วัน ไม่คุ้มกับความสูญเสีย เพื่อช่วงชิงความได้เปรียบทางการเมือง
**จี้ตรวจสอบการดักฟังโทรศัพท์
อย่างไรก็ตาม ข้อเท็จจริงที่ทำให้เกิดความสงสัย เกิดจากเคลื่อนไหวของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย พ.ต.ท.ทักษิณ และพรรคเพื่อไทย และเมื่อข้อมูลในเรื่องของเที่ยวบินปรากฏขึ้น ที่มาของการได้ข้อมูล ก็ถูกเปิดเผยโดยพรรคเพื่อไทย จากการที่ได้มีการดักฟังโทรศัพท์ ซึ่งเรื่องดังกล่าวถือว่าเป็นการกระทำผิดกฎหมายของไทย และของกัมพูชา แต่อยู่ที่ว่าการดักฟังโทรศัพท์เกิดขึ้นเมื่อไร และโดยใคร ดังนั้นหากมีการลักลอบดักฟังจริง ฝ่ายที่เกี่ยวข้องควรที่จะต้องตรวจสอบต่อไป
"เป็นที่น่าสังเกตว่า ถ้าการกล่าวหาว่าจารกรรม ซึ่งเป็นการกล่าวหาที่พรรคเพื่อไทยพยายามยัดเยียดให้คนไทยด้วยกันมาตลอดเป็นจริง เหตุใดเมื่อมีการอภัยโทษแล้ว ทางนายกรัฐมนตรีกัมพูชา จึงแสดงออกว่า สามารถอยู่ทำงานที่ประเทศกัมพูชาต่อไปได้ และการปฏิบัติหน้าที่ของนายศิวรักษ์ และนายคำรบ เป็นการปฏิบัติภารกิจตามปกติ ไม่ได้มีการจารกรรมแต่อย่างใด"
เมื่อถามว่า ได้มีการเสนอแนะให้ทางกระทรวงต่างประเทศ ดำเนินการอะไรหรือไม่หากมีการดักฟังจริง กรรมการบริหารพรรค กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวยังไม่เป็นที่ปรากฏชัด เพราะข้อมูลดังกล่าวมาจากในส่วนแกนนำของพรรคเพื่อไทย และก็ถูกปฏิเสธจากทางการของกัมพูชา และยังไม่ชัดเจนว่าข้อมูลดังกล่าวนั้น เกิดขึ้นนะที่ตรงไหน และมีการส่งข้อมูลมอบข้อมูลอย่างไร
**เขมรรีบจบกลัวถูกคุ้ยเรื่องดักฟัง
พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีต ผอ.กอง 2 ศูนย์รักษาความปลอดภัย (ศรภ.) กล่าวถึงกรณีที่ทางรัฐบาลกัมพูชาจัดพิธีปล่อยตัวนายศิวรักษ์ ว่า ตนรู้สึกแปลกใจเพราะตอนที่จับกุมตัวนั้น ทางรัฐบาลกัมพูชาอ้างว่ากระทำความผิดข้อหาร้ายแรง และเป็นภัยต่อความมั่นคง แต่กลับมีการต้อนรับขับสู้นายศิวรักษ์ เป็นอย่างดี ทั้งหมดล้วนชัดเจนแล้วว่า เรื่องนี้เป็นการจัดฉากจริงหรือไม่
ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า นายคำรบ ปาลวัฒน์วิไชย เลขานุการเอกประจำสถานทูตไทยในกัมพูชา เป็นบุคคลที่สั่งการให้นำตารางการบินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นั้น ตนทราบมาว่านายคำรบ โทรสั่งการขอข้อมูลกับนายศิวรักษ์ หลังจากที่พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางถึงกัมพูชาแล้ว อีกทั้งข้อมูลดังกล่าวไม่ได้เป็นความลับ เพราะทางการไทยทราบความเคลื่อนไหวของพ.ต.ท.ทักษิณ ตั้งแต่เครื่องบินเช่าลำดังกล่าวบินขึ้นน่านฟ้า และเครื่องบินลำดังกล่าวก็มีหมายเลขชัดเจนด้วย
" ดังนั้นเหตุที่กัมพูชายุติคดีนี้ และมีการให้อภัยโทษอย่างเร็วนั้น ผมตั้งข้อสังเกตว่ากัมพูชาต้องรีบจบเรื่องดังกล่าว เพราะกลัวว่าฝ่ายไทยจะจุดประเด็นเรื่องการดักฟังโทรศัพท์ขึ้นมาโจมตี ซึ่งเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมายที่ดักฟังข้อมูลในสถานทูตประเทศอื่น" พล.ท.นันทเดชกล่าว
**ไทยคง 3 เงื่อนไขฟื้นสัมพันธ์เขมร
นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา ว่า หลังมีการปล่อยตัวนายศิวรักษ์ ว่า ถือเป็นสัญญาณที่ดีในการพิจารณาความสัมพันธ์ของสองประเทศ
ส่วนที่ทางกัมพูชาเรียกร้องให้ไทยส่งเลขานุการเอกของไทยกลับไปทำหน้าที่ในกัมพูชาอีกครั้ง เรื่องนี้เรายังยืนยันว่าหากจะดำเนินการใดๆ กับทางกัมพูชาต้องดำเนินการตามเงื่อนไข 3 ข้อ คือ 1. การก้าวล่วงกระบวนการยุติธรรมของไทย 2. การไม่ก้าวก่ายการเมืองภายใน และ 3. กรณีการแต่งตั้งพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรเป็นที่ปรึกษาฯ ซึ่งทางกัมพูชาจะต้องไปพิจารณาว่า จะใช้วิธีการใด โดยที่เราจะไม่ไปกำหนดเวลา หรือ กดดันใดๆ แต่ยืนยันว่าไทยยังรักษาความสัมพันธ์ฉันท์เพื่อน กับทางกัมพูชา ส่วนวิธีการถือเป็นเรื่องภายในของกัมพูชาที่จะต้องไปหาวิธี ให้สอดคล้องกับเงื่อนไข 3 ข้อของเรา
ส่วนที่นายศิวรักษ์ เรียกร้องขอพบ เพื่อพูดคุยกับนายคำรบ ปาลวัฒน์วิไชย นั้น ทางรัฐบาลได้บอกผ่านไปถึง นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ให้ออกมาชี้แจง ซึ่ง นายกษิต แจ้งว่าทางกระทรวงการต่างประเทศจะให้ข่าวหลังจากที่นายศิวรักษ์ เดินทางกลับเมืองไทย ซึ่งการชี้แจงตามขั้นตอนของทางราชการ คงจะต้องมีการออกแถลงเป็นลายลักษณ์อักษร การสัมภาษณ์ส่วนตัว คงจะเป็นไปได้ยาก
อย่างไรก็ตาม หากนายคำรบ จะติดต่อกับนายศิวรักษ์ เป็นการส่วนตัวก็ถือว่าเป็นเรื่องของสองบุคคลที่อาจไปพูดกันโดยตรงได้
**จับตา"แม้ว"ยังเดินเกมกดดันต่อ
นายปณิธาน ยังกล่าวถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางมาที่กัมพูชาครั้งนี้ว่า การที่พ.ต.ท.ทักษิณ เคลื่อนไหวกดดันมากขึ้น เพื่อต้องการให้ทิศทางการเมืองในปีหน้าเป็นไปตามที่ พ.ต.ท.ทักษิณต้องการที่จะควบคุม ซึ่งเกี่ยวข้องกับคดีอายัดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาท และกระบวนการยุติธรรม แต่เชื่อว่าเกมนี้ จะไม่สามารถกดดันกระบวนการยุติธรรมของไทยได้ ขณะเดียวกันกระแสเศรษฐกิจในปีหน้า จะฟื้นตัวขึ้น พ.ต.ท.ทักษิณ จึงต้องการฉุดให้การเมืองเกิดความปั่นป่วน เมื่อการเมืองไม่นิ่ง ก็จะส่งผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจ แม้เศรษฐกิจโลกจะดีขึ้น แต่เมื่อการเมืองไม่นิ่งก็เป็นตัวฉุดเศรษฐกิจได้
ทั้งนี้ สาเหตุสำคัญที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องมาที่กัมพูชา เนื่องจากภายในกลุ่มคนเสื้อแดงขาดความเป็นเอกภาพพ.ต.ท.ทักษิณ จึงเข้ามากำหนดทิศทาง เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้การทำงานได้ง่ายขึ้น
นายปณิธาน กล่าวด้วยว่า การเคลื่อนไหวของพ.ต.ท..ทักษิณ เป็นการต่อสู้ที่เปิดเผย เพื่อเป้าหมายทางการเมือง คือหวังใช้เวทีในสภาในช่วงที่จะเปิดสมัยประชุมเคลื่อนไหว กับการชุมนุมนอกสภาฯ ซึ่งหลังจากเปิดสภาฯ จะทำให้การเคลื่อนไหวเข้มข้นขึ้น เพราะพ.ต.ท.ทักษิณ เกรงว่าจะเสียมวลชน หากไม่ดำเนินการอะไร เพราะเป้าหมายสำคัญก็คือ ต้องการให้เกิดภาพซ้อนว่า ต้องการที่จะเจรจาเพื่อต่อสู้คดี แต่ความจริงการเจรจาไม่สามารถเกิดขึ้นได้ ดังนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ จึงต้องทำทุกวิถีทางเพื่อให้เกิดการเลือกตั้ง และกลับเข้ามาแก้ไขคดี เพราะปัญหาทางการเมืองที่เกิดขึ้นไม่สามารถนำมาเจรจากับคดีที่เกิดขึ้นได้
**พท.เรียกร้องค่าเสียหายให้"ศิวรักษ์"
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ระบุว่า กระบวนการขอพระราชทานอภัยโทษให้นายศิวรักษ์ เป็นการเล่นละครจัดฉากของพ.ต.ท.ทักษิณ ว่า รู้สึกแปลกใจที่คนระดับรองนายกฯ จะออกมาพูดกลบเกลื่อนข้อเท็จจริง รวมทั้งอยากให้ใครก็ตามที่ออกมากล่าวหา หรือแม้แต่สื่อที่แสดงออกถึงการเลือกข้าง ให้ลองไปติดคุกแทนดูบ้าง พรรคเพื่อไทยแม้จะเป็นฝ่ายค้าน แต่เมื่อมีผู้ใหญ่ที่มีสายสัมพันธ์ที่ดีกับกัมพูชา ก็พร้อมให้ความช่วยเหลือ
อย่างไรก็ตาม ขอเรียกร้องให้รัฐบาลตั้งคณะกรรมการสอบสวน นายคำรบและคนที่มีอำนาจเหนือกว่าด้วย หากไม่กล้าสอบสวน แสดงว่ารัฐบาลไม่มีความจริงใจ
"นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ และนายคำรบ รวมทั้งคนที่เกี่ยวข้องได้ออกมาขอโทษนายศิวรักษ์ แล้วหรือยัง ถ้าเป็นลูกผู้ชายจริง ก็น่าจะออกมาแสดงความรับผิดชอบบ้าง"
นอกจากนี้อยากถามหาความรับผิดชอบจากความเสียหายที่เกิดขึ้นกับนายศิวรักษ์ และครอบครัวด้วย ทั้งเรื่องค่าใช้จ่าย ความรู้สึกที่ต้องติดคุก ชื่อเสียงเกียรติยศ รัฐบาลจะฟื้นฟูสภาพจิตใจ และรับผิดชอบความเสียหายอย่างไรบ้าง
**"ฮุนเซน"ฝากด่าเมืองไทย
นายพร้อมพงศ์ กล่าวด้วยว่า สมเด็จฯ ฮุนเซน นายกรัฐมนตรีของกัมพูชา ได้เปิดบ้านอนุญาตให้คณะของพรรคเพื่อไทยได้สนทนาด้วยราวชั่วโมงครึ่ง โดยสมเด็จฯ ฮุนเซนบอกว่าไม่เคยมีปัญหากับประเทศไทยหรือคนไทย แต่มีปัญหากับผู้นำบางคนในรัฐบาลนี้ ซึ่งก็คือนายอภิสิทธิ์และนายกษิต จุดนี้คือต้นเหตุของความสัมพันธ์ที่เสื่อมทรามลง ไม่ใช่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย หรือพรรคเพื่อไทยอย่างที่พยายามกล่าวหา
นอกจากนี้ สมเด็จฯ ฮุนเซน ยังเล่าให้ฟังถึงประวัติศาสตร์ของประเทศกัมพูชาสมัยที่แบ่งเป็น 4 ฝ่ายด้วยว่า ต่อสู้จนมาเป็นชาติอย่างวันนี้ได้ เพราะยึดหลักความปรองดองสมานฉันท์ แต่ประเทศไทยตั้งแต่ปี 49 เป็นต้นมา นายอภิสิทธิ์ ได้ทำเรื่องนี้ให้สังคมไทยแล้วหรือยัง อยากให้ดูประเทศกัมพูชาบ้าง ปัญหาการเมืองที่แก้ไขไม่ได้วันนี้ เพราะเรามีผู้นำที่เลือกข้าง แบ่งฝ่าย ไม่มีเมตตา ไม่รู้จักการให้อภัย เอาแต่ซื้อเวลาไปวันๆ ไม่ทำหน้าที่ผู้บริหารประเทศ ทำเพียงบทบาทผู้บริหารพรรคการเมือง จึงหาความสมานฉันท์ไม่ได้ จึงอยากให้นายอภิสิทธิ์ทบทวนตัวเอง เพราะถ้าหากแก้ปัญหานี้ไม่ได้ หรือไม่กล้าที่จะแก้ก็ควรลาออกหรือยุบสภาให้มีการเลือกตั้งใหม่ หาคนที่ทำหน้าที่ตรงนี้ได้มาดำเนินการแทน
**"กษิต-คำรบ"พร้อมแจง กมธ.
นายต่อพงษ์ ไชยสาสน์ ประธาน กมธ.ต่างประเทศ สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า ได้รับหนังสือตอบรับจากกระทรวงการต่างประเทศแล้ว ในการมาชี้แจงต่อ กมธ.การต่างประเทศ ในวันพุธที่ 16 ธ.ค.นี้ เวลา 09.30 น. อาคารรัฐสภา 3 หลังจาก กมธ.การต่างประเทศ ได้มีหนังสือไปยังนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ และหน่วยงานต้นสังกัดของ นายคำรบ ปาลวัฒน์วิไชย เพื่อเข้าชี้แจงกรณีข้อเท็จจริงที่มีการระบุว่า เป็นคนใช้ให้นำตารางบินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งทางกมธ.การต่างประเทศได้เคยประณามมาแล้วครั้งหนึ่ง ที่นายกษิต ไม่มาชี้แจงตามที่ได้มีหนังสือไป ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะให้ความสำคัญอีกหรือเปล่า เพราะที่ผ่านมามีคำถามจากประชาชนว่า นายคำรบ ละเมิดสิทธิของเพื่อนบ้านหรือเปล่า จนทำให้นายศิวรักษ์ ต้องตกเป็นเหยื่อการเมือง แต่ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศไม่ออกมาแสดงความรับผิดชอบอะไรทั้งสิ้น.
นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อวานนี้ (15 ธ.ค.) ว่า ที่ประชุมมีการวิเคราะห์ว่า กรณีการจับกุมตัวนายศิวรักษ์ ชุติพงษ์ วิศวกร บริษัทแคมโบเดีย แอร์ ทราฟฟิก เซอร์วิสเซส (CATS) ในข้อหาจารกรรมข้อมูลการบินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และต่อมามีการอภัยโทษให้ว่า ทั้งหมดนี้ เป็นเหยื่อจากการเคลื่อนไหวทางการเมืองของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เช่นเดียวกับนายคำรบ ปาลวัฒน์วิไชย เลขานุการเอกประจำสถานทูตไทยในกัมพูชา ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และการที่นายศิวรักษ์ ต้องติดคุก 32 วัน ไม่คุ้มกับความสูญเสีย เพื่อช่วงชิงความได้เปรียบทางการเมือง
**จี้ตรวจสอบการดักฟังโทรศัพท์
อย่างไรก็ตาม ข้อเท็จจริงที่ทำให้เกิดความสงสัย เกิดจากเคลื่อนไหวของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย พ.ต.ท.ทักษิณ และพรรคเพื่อไทย และเมื่อข้อมูลในเรื่องของเที่ยวบินปรากฏขึ้น ที่มาของการได้ข้อมูล ก็ถูกเปิดเผยโดยพรรคเพื่อไทย จากการที่ได้มีการดักฟังโทรศัพท์ ซึ่งเรื่องดังกล่าวถือว่าเป็นการกระทำผิดกฎหมายของไทย และของกัมพูชา แต่อยู่ที่ว่าการดักฟังโทรศัพท์เกิดขึ้นเมื่อไร และโดยใคร ดังนั้นหากมีการลักลอบดักฟังจริง ฝ่ายที่เกี่ยวข้องควรที่จะต้องตรวจสอบต่อไป
"เป็นที่น่าสังเกตว่า ถ้าการกล่าวหาว่าจารกรรม ซึ่งเป็นการกล่าวหาที่พรรคเพื่อไทยพยายามยัดเยียดให้คนไทยด้วยกันมาตลอดเป็นจริง เหตุใดเมื่อมีการอภัยโทษแล้ว ทางนายกรัฐมนตรีกัมพูชา จึงแสดงออกว่า สามารถอยู่ทำงานที่ประเทศกัมพูชาต่อไปได้ และการปฏิบัติหน้าที่ของนายศิวรักษ์ และนายคำรบ เป็นการปฏิบัติภารกิจตามปกติ ไม่ได้มีการจารกรรมแต่อย่างใด"
เมื่อถามว่า ได้มีการเสนอแนะให้ทางกระทรวงต่างประเทศ ดำเนินการอะไรหรือไม่หากมีการดักฟังจริง กรรมการบริหารพรรค กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวยังไม่เป็นที่ปรากฏชัด เพราะข้อมูลดังกล่าวมาจากในส่วนแกนนำของพรรคเพื่อไทย และก็ถูกปฏิเสธจากทางการของกัมพูชา และยังไม่ชัดเจนว่าข้อมูลดังกล่าวนั้น เกิดขึ้นนะที่ตรงไหน และมีการส่งข้อมูลมอบข้อมูลอย่างไร
**เขมรรีบจบกลัวถูกคุ้ยเรื่องดักฟัง
พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีต ผอ.กอง 2 ศูนย์รักษาความปลอดภัย (ศรภ.) กล่าวถึงกรณีที่ทางรัฐบาลกัมพูชาจัดพิธีปล่อยตัวนายศิวรักษ์ ว่า ตนรู้สึกแปลกใจเพราะตอนที่จับกุมตัวนั้น ทางรัฐบาลกัมพูชาอ้างว่ากระทำความผิดข้อหาร้ายแรง และเป็นภัยต่อความมั่นคง แต่กลับมีการต้อนรับขับสู้นายศิวรักษ์ เป็นอย่างดี ทั้งหมดล้วนชัดเจนแล้วว่า เรื่องนี้เป็นการจัดฉากจริงหรือไม่
ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า นายคำรบ ปาลวัฒน์วิไชย เลขานุการเอกประจำสถานทูตไทยในกัมพูชา เป็นบุคคลที่สั่งการให้นำตารางการบินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นั้น ตนทราบมาว่านายคำรบ โทรสั่งการขอข้อมูลกับนายศิวรักษ์ หลังจากที่พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางถึงกัมพูชาแล้ว อีกทั้งข้อมูลดังกล่าวไม่ได้เป็นความลับ เพราะทางการไทยทราบความเคลื่อนไหวของพ.ต.ท.ทักษิณ ตั้งแต่เครื่องบินเช่าลำดังกล่าวบินขึ้นน่านฟ้า และเครื่องบินลำดังกล่าวก็มีหมายเลขชัดเจนด้วย
" ดังนั้นเหตุที่กัมพูชายุติคดีนี้ และมีการให้อภัยโทษอย่างเร็วนั้น ผมตั้งข้อสังเกตว่ากัมพูชาต้องรีบจบเรื่องดังกล่าว เพราะกลัวว่าฝ่ายไทยจะจุดประเด็นเรื่องการดักฟังโทรศัพท์ขึ้นมาโจมตี ซึ่งเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมายที่ดักฟังข้อมูลในสถานทูตประเทศอื่น" พล.ท.นันทเดชกล่าว
**ไทยคง 3 เงื่อนไขฟื้นสัมพันธ์เขมร
นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา ว่า หลังมีการปล่อยตัวนายศิวรักษ์ ว่า ถือเป็นสัญญาณที่ดีในการพิจารณาความสัมพันธ์ของสองประเทศ
ส่วนที่ทางกัมพูชาเรียกร้องให้ไทยส่งเลขานุการเอกของไทยกลับไปทำหน้าที่ในกัมพูชาอีกครั้ง เรื่องนี้เรายังยืนยันว่าหากจะดำเนินการใดๆ กับทางกัมพูชาต้องดำเนินการตามเงื่อนไข 3 ข้อ คือ 1. การก้าวล่วงกระบวนการยุติธรรมของไทย 2. การไม่ก้าวก่ายการเมืองภายใน และ 3. กรณีการแต่งตั้งพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรเป็นที่ปรึกษาฯ ซึ่งทางกัมพูชาจะต้องไปพิจารณาว่า จะใช้วิธีการใด โดยที่เราจะไม่ไปกำหนดเวลา หรือ กดดันใดๆ แต่ยืนยันว่าไทยยังรักษาความสัมพันธ์ฉันท์เพื่อน กับทางกัมพูชา ส่วนวิธีการถือเป็นเรื่องภายในของกัมพูชาที่จะต้องไปหาวิธี ให้สอดคล้องกับเงื่อนไข 3 ข้อของเรา
ส่วนที่นายศิวรักษ์ เรียกร้องขอพบ เพื่อพูดคุยกับนายคำรบ ปาลวัฒน์วิไชย นั้น ทางรัฐบาลได้บอกผ่านไปถึง นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ให้ออกมาชี้แจง ซึ่ง นายกษิต แจ้งว่าทางกระทรวงการต่างประเทศจะให้ข่าวหลังจากที่นายศิวรักษ์ เดินทางกลับเมืองไทย ซึ่งการชี้แจงตามขั้นตอนของทางราชการ คงจะต้องมีการออกแถลงเป็นลายลักษณ์อักษร การสัมภาษณ์ส่วนตัว คงจะเป็นไปได้ยาก
อย่างไรก็ตาม หากนายคำรบ จะติดต่อกับนายศิวรักษ์ เป็นการส่วนตัวก็ถือว่าเป็นเรื่องของสองบุคคลที่อาจไปพูดกันโดยตรงได้
**จับตา"แม้ว"ยังเดินเกมกดดันต่อ
นายปณิธาน ยังกล่าวถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางมาที่กัมพูชาครั้งนี้ว่า การที่พ.ต.ท.ทักษิณ เคลื่อนไหวกดดันมากขึ้น เพื่อต้องการให้ทิศทางการเมืองในปีหน้าเป็นไปตามที่ พ.ต.ท.ทักษิณต้องการที่จะควบคุม ซึ่งเกี่ยวข้องกับคดีอายัดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาท และกระบวนการยุติธรรม แต่เชื่อว่าเกมนี้ จะไม่สามารถกดดันกระบวนการยุติธรรมของไทยได้ ขณะเดียวกันกระแสเศรษฐกิจในปีหน้า จะฟื้นตัวขึ้น พ.ต.ท.ทักษิณ จึงต้องการฉุดให้การเมืองเกิดความปั่นป่วน เมื่อการเมืองไม่นิ่ง ก็จะส่งผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจ แม้เศรษฐกิจโลกจะดีขึ้น แต่เมื่อการเมืองไม่นิ่งก็เป็นตัวฉุดเศรษฐกิจได้
ทั้งนี้ สาเหตุสำคัญที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องมาที่กัมพูชา เนื่องจากภายในกลุ่มคนเสื้อแดงขาดความเป็นเอกภาพพ.ต.ท.ทักษิณ จึงเข้ามากำหนดทิศทาง เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้การทำงานได้ง่ายขึ้น
นายปณิธาน กล่าวด้วยว่า การเคลื่อนไหวของพ.ต.ท..ทักษิณ เป็นการต่อสู้ที่เปิดเผย เพื่อเป้าหมายทางการเมือง คือหวังใช้เวทีในสภาในช่วงที่จะเปิดสมัยประชุมเคลื่อนไหว กับการชุมนุมนอกสภาฯ ซึ่งหลังจากเปิดสภาฯ จะทำให้การเคลื่อนไหวเข้มข้นขึ้น เพราะพ.ต.ท.ทักษิณ เกรงว่าจะเสียมวลชน หากไม่ดำเนินการอะไร เพราะเป้าหมายสำคัญก็คือ ต้องการให้เกิดภาพซ้อนว่า ต้องการที่จะเจรจาเพื่อต่อสู้คดี แต่ความจริงการเจรจาไม่สามารถเกิดขึ้นได้ ดังนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ จึงต้องทำทุกวิถีทางเพื่อให้เกิดการเลือกตั้ง และกลับเข้ามาแก้ไขคดี เพราะปัญหาทางการเมืองที่เกิดขึ้นไม่สามารถนำมาเจรจากับคดีที่เกิดขึ้นได้
**พท.เรียกร้องค่าเสียหายให้"ศิวรักษ์"
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ระบุว่า กระบวนการขอพระราชทานอภัยโทษให้นายศิวรักษ์ เป็นการเล่นละครจัดฉากของพ.ต.ท.ทักษิณ ว่า รู้สึกแปลกใจที่คนระดับรองนายกฯ จะออกมาพูดกลบเกลื่อนข้อเท็จจริง รวมทั้งอยากให้ใครก็ตามที่ออกมากล่าวหา หรือแม้แต่สื่อที่แสดงออกถึงการเลือกข้าง ให้ลองไปติดคุกแทนดูบ้าง พรรคเพื่อไทยแม้จะเป็นฝ่ายค้าน แต่เมื่อมีผู้ใหญ่ที่มีสายสัมพันธ์ที่ดีกับกัมพูชา ก็พร้อมให้ความช่วยเหลือ
อย่างไรก็ตาม ขอเรียกร้องให้รัฐบาลตั้งคณะกรรมการสอบสวน นายคำรบและคนที่มีอำนาจเหนือกว่าด้วย หากไม่กล้าสอบสวน แสดงว่ารัฐบาลไม่มีความจริงใจ
"นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ และนายคำรบ รวมทั้งคนที่เกี่ยวข้องได้ออกมาขอโทษนายศิวรักษ์ แล้วหรือยัง ถ้าเป็นลูกผู้ชายจริง ก็น่าจะออกมาแสดงความรับผิดชอบบ้าง"
นอกจากนี้อยากถามหาความรับผิดชอบจากความเสียหายที่เกิดขึ้นกับนายศิวรักษ์ และครอบครัวด้วย ทั้งเรื่องค่าใช้จ่าย ความรู้สึกที่ต้องติดคุก ชื่อเสียงเกียรติยศ รัฐบาลจะฟื้นฟูสภาพจิตใจ และรับผิดชอบความเสียหายอย่างไรบ้าง
**"ฮุนเซน"ฝากด่าเมืองไทย
นายพร้อมพงศ์ กล่าวด้วยว่า สมเด็จฯ ฮุนเซน นายกรัฐมนตรีของกัมพูชา ได้เปิดบ้านอนุญาตให้คณะของพรรคเพื่อไทยได้สนทนาด้วยราวชั่วโมงครึ่ง โดยสมเด็จฯ ฮุนเซนบอกว่าไม่เคยมีปัญหากับประเทศไทยหรือคนไทย แต่มีปัญหากับผู้นำบางคนในรัฐบาลนี้ ซึ่งก็คือนายอภิสิทธิ์และนายกษิต จุดนี้คือต้นเหตุของความสัมพันธ์ที่เสื่อมทรามลง ไม่ใช่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย หรือพรรคเพื่อไทยอย่างที่พยายามกล่าวหา
นอกจากนี้ สมเด็จฯ ฮุนเซน ยังเล่าให้ฟังถึงประวัติศาสตร์ของประเทศกัมพูชาสมัยที่แบ่งเป็น 4 ฝ่ายด้วยว่า ต่อสู้จนมาเป็นชาติอย่างวันนี้ได้ เพราะยึดหลักความปรองดองสมานฉันท์ แต่ประเทศไทยตั้งแต่ปี 49 เป็นต้นมา นายอภิสิทธิ์ ได้ทำเรื่องนี้ให้สังคมไทยแล้วหรือยัง อยากให้ดูประเทศกัมพูชาบ้าง ปัญหาการเมืองที่แก้ไขไม่ได้วันนี้ เพราะเรามีผู้นำที่เลือกข้าง แบ่งฝ่าย ไม่มีเมตตา ไม่รู้จักการให้อภัย เอาแต่ซื้อเวลาไปวันๆ ไม่ทำหน้าที่ผู้บริหารประเทศ ทำเพียงบทบาทผู้บริหารพรรคการเมือง จึงหาความสมานฉันท์ไม่ได้ จึงอยากให้นายอภิสิทธิ์ทบทวนตัวเอง เพราะถ้าหากแก้ปัญหานี้ไม่ได้ หรือไม่กล้าที่จะแก้ก็ควรลาออกหรือยุบสภาให้มีการเลือกตั้งใหม่ หาคนที่ทำหน้าที่ตรงนี้ได้มาดำเนินการแทน
**"กษิต-คำรบ"พร้อมแจง กมธ.
นายต่อพงษ์ ไชยสาสน์ ประธาน กมธ.ต่างประเทศ สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า ได้รับหนังสือตอบรับจากกระทรวงการต่างประเทศแล้ว ในการมาชี้แจงต่อ กมธ.การต่างประเทศ ในวันพุธที่ 16 ธ.ค.นี้ เวลา 09.30 น. อาคารรัฐสภา 3 หลังจาก กมธ.การต่างประเทศ ได้มีหนังสือไปยังนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ และหน่วยงานต้นสังกัดของ นายคำรบ ปาลวัฒน์วิไชย เพื่อเข้าชี้แจงกรณีข้อเท็จจริงที่มีการระบุว่า เป็นคนใช้ให้นำตารางบินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งทางกมธ.การต่างประเทศได้เคยประณามมาแล้วครั้งหนึ่ง ที่นายกษิต ไม่มาชี้แจงตามที่ได้มีหนังสือไป ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะให้ความสำคัญอีกหรือเปล่า เพราะที่ผ่านมามีคำถามจากประชาชนว่า นายคำรบ ละเมิดสิทธิของเพื่อนบ้านหรือเปล่า จนทำให้นายศิวรักษ์ ต้องตกเป็นเหยื่อการเมือง แต่ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศไม่ออกมาแสดงความรับผิดชอบอะไรทั้งสิ้น.