เคาะข่าวริมโขง : จี้รัฐสอบเขมรล้วงลูกสถานทูตไทย ดักฟัง “ศิวรักษ์” คุย “คำรบ” หลังศาลเขมรยกเป็นข้ออ้างตัดสินคดี ป้ายสี รบ.ไทยส่งวิศวกรมาจารกรรมข้อมูลสำคัญ ชี้หากงานนี้มีหลักฐานยืนยัน “เขมร” สมควรเป็นฝ่ายถูกประฌาม ในฐานะจารกรรมข้อมูลความมั่นคงไทย
ชม หลักฐานคาปาก "ทักษิณ" พูดเอง รู้เรื่องโทรศัพท์ เข้า-ออก สถานทูตไทยในกัมพูชา
เพี้ยนหนัก บอก มาร์ค-กษิต ใล่ฆ่าเหมือนหนังไทย !!
คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ "เคาะข่าวริมโขง"
รายการ “เคาะข่าวริมโขง” ออกอากาศทาง “อีสานทีวี” ช่วงเวลา 18.30-20.30 น. วันอังคารที่ 15 ธันวาคม มี น.ส.วรรษมน ช่างปรีชา นายชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย รับหน้าที่เป็นผู้ดำเนินรายการ ซึ่งวันนี้ได้มีการเชิญ พล.ร.ท.ประทีป ชื่นอารมณ์ โฆษกพรรคการเมืองใหม่ และนายปฏินันท์ สันติเมทนีดล สื่อมวลชนอาวุโส มาร่วมพูดคุยถึงประเด็นข่าวที่น่าสนใจ โดยเฉพาะกรณี ประเด็นดักฟังโทรศัพท์นายศิวรักษ์ ชุติพงษ์ ที่หลายฝ่ายอยากให้รัฐบาลเข้าไปตรวจสอบเรื่องนี้ เนื่องจาก หากเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นจริงเท่ากับว่ารัฐบาลกัมพูชามีการดักฟังโทรศัพท์ภายในสถานทูตไทยประจำกัมพูชา
น.ส.วรรษมน กล่าวเปิดประเด็นถึงความเคลื่อนไหวกรณีนายศิวรักษ์ว่า วันนี้นางสิมารักษ์ ณ นครพนม มารดานายศิวรักษ์ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนหลังจากที่นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ออกมาระบุว่า นายคำรบ ปาลวัฒน์วิไชย เลขานุการเอกประจำสถานทูตไทย ณ กรุงพนมเปญ ได้พยายามติดต่อนายศิวรักษ์หลายครั้ง ทันทีที่วิศวกรไทยเดินทางกลับประเทศ แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่สามารถติดต่อได้ โดยนางสิมารักษ์ ได้กล่าวตัดพ้อกรณีนี้ว่า หากนายคำรบ ต้องการติดต่อนายศิวรักษ์จริงก็น่าจะได้พูดคุยกัน แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้รับการติดต่อ ส่วนบุคคลที่กล่าวหาว่าเรื่องนี้คือละครลวงโลก นางสิมารักษ์ได้กล่าวตอบโต้ว่า คนที่พูดเช่นนี้แสดงว่าแต่งเรื่องเก่งไม่แพ้ไม่กัน รวมทั้งมารดาวิศวกรไทยไม่ต้องการให้สื่อมวลชนหรือฝ่ายใดขุดคุ้ยเรื่องบิดานายศิวรักษ์ที่มีกระแสข่าวว่าสมัยอดีตเคยรู้จักและสนิทสนมกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นอย่างดี
น.ส.วรรษมน กล่าวต่อว่า ทางด้านนายปณิธานได้ออกมาสรุปล่าสุดว่า นายคำรบเตรียมชี้แจงข้อเท็จจริงดังกล่าว หลังจากที่ทางฝ่ายรัฐบาลได้ซักถามไปแล้วเบื้องต้นถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น ซึ่งนายคำรบก็ยืนยันว่า บทสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่างนายศิวรักษ์ ไม่ได้มีอะไรที่เป็นภัยร้ายแรงต่อความมั่นคงกัมพูชา โดยนายคำรบจะชี้แจงผ่านทางลายลักษณ์อักษรในอีก 1-2 วันข้างหน้า
พล.ร.ท.ประทีป กล่าวประเด็นนี้ว่า ตนจะวางใจให้เป็นกลางและอยากตั้งคำถามถึงหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เริ่มจากอยากถามนางสิมารักษ์ ว่าในฐานะที่มีบทบาทเป็นมารดานายศิวรักษ์ กรณีที่ลูกชายถูกกัมพูชาจับกุมตัวด้วยคดีร้ายแรงและเป็นภัยต่อความมั่นคง แต่มีเหตุผลอะไรที่นางสิมารักษ์ ปฏิเสธการประกันตัวนายศิวรักษ์ก่อนหน้านี้ ทั้งที่ด้วยสิทธิ์สามารถทำได้ นอกจากนี้ นางสิมารักษ์ยังให้ลูกชายยอมรับสารภาพ เพื่อฝากความหวังไว้กับการขอพระราชทานอภัยโทษเพียงอย่างเดียว ทั้งที่นั่นถือว่า กลายเป็นให้นายศิวรักษ์ยอมรับความผิด โดยที่ยังไม่ได้ต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรมอย่างเต็มที่
พล.ร.ท.ประทีป กล่าวอีกว่า ต่อมาตนอยากตั้งคำถามถึงสมเด็จฯ ฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ว่านายศิวรักษ์ ต้องโทษคดีเป็นภัยต่อความมั่นคง แต่ทำไมสมเด็จฯ ฮุนเซน ถึงจัดพิธีส่งตัวนักโทษอย่างเอิกเกริกเสมือนดีใจว่านายศิวรักษ์ได้รับการพระราชทานอภัยโทษจากความสถานเบา รวมทั้งตนอยากถามพรรคเพื่อไทยว่า เป็นไปได้อย่างไรที่ ส.ส.และคนในพรรคเพื่อไทยต่างรุมกรูเข้าไปดูแลนายศิวรักษ์ ผู้ซึ่งเป็นนักโทษคดีขโมยข้อมูลตารางบิน พ.ต.ท.ทักษิณ และสุดท้ายตนอยากถาม พ.ต.ท.ทักษิณ ว่าในเมื่อนายศิวรักษ์ โดนกล่าวหาว่าเป็นบุคคลที่มีภัยร้ายแรงต่อความมั่นคงกัมพูชา อีกทั้ง ยังถือว่าเป็นภัยร้ายแรงต่อความปลอดภัย พ.ต.ท.ทักษิณ เนื่องจากโดนกล่าวหาว่าเป็นสายลับส่งมาจารกรรมขโมย แต่ทำไมสุดท้ายพ.ต.ท.ทักษิณ กลับช่วยเหลือคนที่เป็นภัยคุกคามตนเอง ทั้งหมดของคำถามเหล่านี้ สรุปสั้นๆคือ เรื่องนายศิวรักษ์เกี่ยวข้องกับการเมืองและจัดฉากขึ้นโดยคนบางกลุ่ม
น.ส.วรรษมน กล่าวว่า นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ออกมาทวงถามรัฐบาลไทยและกระทรวงการต่างประเทศ ว่าจะรับผิดชอบชีวิตนายศิวรักษ์อย่างไร หลังจากที่นางสิมารักษ์ ออกมาให้นายคำรบแสดงความรับผิดชอบ
นายปฏินันท์กล่าวประเด็นนี้ว่า คนที่นางสิมารักษ์ควรกล่าวโทษมากที่สุด ไม่ใช่นายคำรบ แต่สมควรจะเป็นสมเด็จฯ ฮุนเซน ผู้นำกัมพูชามากกว่า เพราะเรื่องนี้เกิดขึ้นโดยสมเด็จฯ ฮุนเซน พยายามหาทางล้มรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และขับไล่นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ จึงได้ร่วมมือกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ในการแต่งเรื่องนี้ขึ้น โดยเหตุการณ์ดังกล่าวมันสอดคล้องกับที่สมเด็จฯ ฮุนเซน เคยประกาศอย่างแข็งกร้าวว่า หากยังมีนายอภิสิทธิ์และนายกษิต ตัวเองจะไม่มีความสุข ฉะนั้น การกระทำดังกล่าวมันชัดเจนในเหตุผล ก็เหมือนกับที่นายสม รังษี ผู้นำฝ่ายค้านกัมพูชา ที่ออกมากล่าวถึงสมเด็จฯ ฮุนเซน ว่าเป็นผู้ที่ชอบใช้ภาษาต่ำ และมีพฤติกรรมก้าวร้าว สำหรับในส่วนนายคำรบ ตนคิดว่าเป็นการกระทำตามหน้าที่ ไม่ถือว่ามีความผิดอะไร แค่โทรไปขอข้อมูลนายศิวรักษ์ว่าเครื่องบินลำดังกล่าวเดินทางมาถึงกัมพูชาแล้วจริงหรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้รัฐบาลไทยก็ทราบข่าวล่วงหน้าแล้ว นายคำรบแต่ต้องการเช็คข้อมูล
นายปฏินันท์กล่าวต่อว่า แต่ประเด็นที่หลายฝ่ายกำลังสนใจมากที่สุด คือ การดักฟังโทรศัพท์ ซึ่งหากถ้าเป็นเช่นนั้นจริงถือเป็นความผิดระหว่างประเทศที่ร้ายแรง ที่มีการดักฟังข้อมูลในสถานทูตไทย โดยแบบนี้อาจจะเป็นไปได้ว่า สถานทูตประเทศต่างๆที่ประจำอยู่ในกัมพูชา มีสิทธิ์ถูกดักฟังข้อมูลได้ ซึ่งนับว่าเป็นการกระทำที่น่าละอาย โดยในประเทศที่มีอธิปไตยอย่างชัดเจน จะไม่มีการล่วงละเมิดสิทธิ์ดังกล่าวเด็ดขาด
“การดักฟังโทรศัพท์ หากยังจำได้ก่อนหน้านี้ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ได้ออกมาป่าวประกาศว่ามีเทปลับนายกษิต สั่งการให้ล้วงลูกเขมร ซึ่งต่อมาเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกัมพูชาอย่างน้อย 2 คน ได้ออกมาปฏิเสธเรื่องนี้ว่า ทางกัมพูชาไม่มีเทปบันทึกเสียงการสนทนาใดๆแน่นอน ซึ่งประเด็นนี้ อยากให้รัฐบาลไทยตรวจสอบอย่างเข้มข้น เพราะเกี่ยวข้องกับอธิปไตยของประเทศและถือว่าเป็นความผิดที่ให้อภัยไม่ได้” นายปฏินันท์กล่าว
นายชัชวาลย์กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นการแต่งละครเพื่อหาเรื่อง โดย พ.ต.ท.ทักษิณหวังจะทำลายความน่าเชื่อถือนายอภิสิทธิ์ และต้องการสร้างภาพให้ผู้อื่นเห็นว่ารัฐบาลไทยกลั่นแกล้ง รวมทั้งจงใจจะลอบสังหาร ซึ่งเรื่องนี้นับว่าน่าเป็นห่วงสำหรับการรับรู้ของชาวบ้านธรรมดาที่อาจรู้ไม่เท่าทันเล่ห์เหลี่ยม พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งละครเรื่องนี้ตนขอตั้งชื่อให้ว่า “จารชนหน้าใสกับฮีโร่หน้าเหลี่ยม”
เพี้ยนหนัก บอก มาร์ค-กษิต ใล่ฆ่าเหมือนหนังไทย !!
คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ "เคาะข่าวริมโขง"
รายการ “เคาะข่าวริมโขง” ออกอากาศทาง “อีสานทีวี” ช่วงเวลา 18.30-20.30 น. วันอังคารที่ 15 ธันวาคม มี น.ส.วรรษมน ช่างปรีชา นายชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย รับหน้าที่เป็นผู้ดำเนินรายการ ซึ่งวันนี้ได้มีการเชิญ พล.ร.ท.ประทีป ชื่นอารมณ์ โฆษกพรรคการเมืองใหม่ และนายปฏินันท์ สันติเมทนีดล สื่อมวลชนอาวุโส มาร่วมพูดคุยถึงประเด็นข่าวที่น่าสนใจ โดยเฉพาะกรณี ประเด็นดักฟังโทรศัพท์นายศิวรักษ์ ชุติพงษ์ ที่หลายฝ่ายอยากให้รัฐบาลเข้าไปตรวจสอบเรื่องนี้ เนื่องจาก หากเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นจริงเท่ากับว่ารัฐบาลกัมพูชามีการดักฟังโทรศัพท์ภายในสถานทูตไทยประจำกัมพูชา
น.ส.วรรษมน กล่าวเปิดประเด็นถึงความเคลื่อนไหวกรณีนายศิวรักษ์ว่า วันนี้นางสิมารักษ์ ณ นครพนม มารดานายศิวรักษ์ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนหลังจากที่นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ออกมาระบุว่า นายคำรบ ปาลวัฒน์วิไชย เลขานุการเอกประจำสถานทูตไทย ณ กรุงพนมเปญ ได้พยายามติดต่อนายศิวรักษ์หลายครั้ง ทันทีที่วิศวกรไทยเดินทางกลับประเทศ แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่สามารถติดต่อได้ โดยนางสิมารักษ์ ได้กล่าวตัดพ้อกรณีนี้ว่า หากนายคำรบ ต้องการติดต่อนายศิวรักษ์จริงก็น่าจะได้พูดคุยกัน แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้รับการติดต่อ ส่วนบุคคลที่กล่าวหาว่าเรื่องนี้คือละครลวงโลก นางสิมารักษ์ได้กล่าวตอบโต้ว่า คนที่พูดเช่นนี้แสดงว่าแต่งเรื่องเก่งไม่แพ้ไม่กัน รวมทั้งมารดาวิศวกรไทยไม่ต้องการให้สื่อมวลชนหรือฝ่ายใดขุดคุ้ยเรื่องบิดานายศิวรักษ์ที่มีกระแสข่าวว่าสมัยอดีตเคยรู้จักและสนิทสนมกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นอย่างดี
น.ส.วรรษมน กล่าวต่อว่า ทางด้านนายปณิธานได้ออกมาสรุปล่าสุดว่า นายคำรบเตรียมชี้แจงข้อเท็จจริงดังกล่าว หลังจากที่ทางฝ่ายรัฐบาลได้ซักถามไปแล้วเบื้องต้นถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น ซึ่งนายคำรบก็ยืนยันว่า บทสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่างนายศิวรักษ์ ไม่ได้มีอะไรที่เป็นภัยร้ายแรงต่อความมั่นคงกัมพูชา โดยนายคำรบจะชี้แจงผ่านทางลายลักษณ์อักษรในอีก 1-2 วันข้างหน้า
พล.ร.ท.ประทีป กล่าวประเด็นนี้ว่า ตนจะวางใจให้เป็นกลางและอยากตั้งคำถามถึงหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เริ่มจากอยากถามนางสิมารักษ์ ว่าในฐานะที่มีบทบาทเป็นมารดานายศิวรักษ์ กรณีที่ลูกชายถูกกัมพูชาจับกุมตัวด้วยคดีร้ายแรงและเป็นภัยต่อความมั่นคง แต่มีเหตุผลอะไรที่นางสิมารักษ์ ปฏิเสธการประกันตัวนายศิวรักษ์ก่อนหน้านี้ ทั้งที่ด้วยสิทธิ์สามารถทำได้ นอกจากนี้ นางสิมารักษ์ยังให้ลูกชายยอมรับสารภาพ เพื่อฝากความหวังไว้กับการขอพระราชทานอภัยโทษเพียงอย่างเดียว ทั้งที่นั่นถือว่า กลายเป็นให้นายศิวรักษ์ยอมรับความผิด โดยที่ยังไม่ได้ต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรมอย่างเต็มที่
พล.ร.ท.ประทีป กล่าวอีกว่า ต่อมาตนอยากตั้งคำถามถึงสมเด็จฯ ฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ว่านายศิวรักษ์ ต้องโทษคดีเป็นภัยต่อความมั่นคง แต่ทำไมสมเด็จฯ ฮุนเซน ถึงจัดพิธีส่งตัวนักโทษอย่างเอิกเกริกเสมือนดีใจว่านายศิวรักษ์ได้รับการพระราชทานอภัยโทษจากความสถานเบา รวมทั้งตนอยากถามพรรคเพื่อไทยว่า เป็นไปได้อย่างไรที่ ส.ส.และคนในพรรคเพื่อไทยต่างรุมกรูเข้าไปดูแลนายศิวรักษ์ ผู้ซึ่งเป็นนักโทษคดีขโมยข้อมูลตารางบิน พ.ต.ท.ทักษิณ และสุดท้ายตนอยากถาม พ.ต.ท.ทักษิณ ว่าในเมื่อนายศิวรักษ์ โดนกล่าวหาว่าเป็นบุคคลที่มีภัยร้ายแรงต่อความมั่นคงกัมพูชา อีกทั้ง ยังถือว่าเป็นภัยร้ายแรงต่อความปลอดภัย พ.ต.ท.ทักษิณ เนื่องจากโดนกล่าวหาว่าเป็นสายลับส่งมาจารกรรมขโมย แต่ทำไมสุดท้ายพ.ต.ท.ทักษิณ กลับช่วยเหลือคนที่เป็นภัยคุกคามตนเอง ทั้งหมดของคำถามเหล่านี้ สรุปสั้นๆคือ เรื่องนายศิวรักษ์เกี่ยวข้องกับการเมืองและจัดฉากขึ้นโดยคนบางกลุ่ม
น.ส.วรรษมน กล่าวว่า นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ออกมาทวงถามรัฐบาลไทยและกระทรวงการต่างประเทศ ว่าจะรับผิดชอบชีวิตนายศิวรักษ์อย่างไร หลังจากที่นางสิมารักษ์ ออกมาให้นายคำรบแสดงความรับผิดชอบ
นายปฏินันท์กล่าวประเด็นนี้ว่า คนที่นางสิมารักษ์ควรกล่าวโทษมากที่สุด ไม่ใช่นายคำรบ แต่สมควรจะเป็นสมเด็จฯ ฮุนเซน ผู้นำกัมพูชามากกว่า เพราะเรื่องนี้เกิดขึ้นโดยสมเด็จฯ ฮุนเซน พยายามหาทางล้มรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และขับไล่นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ จึงได้ร่วมมือกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ในการแต่งเรื่องนี้ขึ้น โดยเหตุการณ์ดังกล่าวมันสอดคล้องกับที่สมเด็จฯ ฮุนเซน เคยประกาศอย่างแข็งกร้าวว่า หากยังมีนายอภิสิทธิ์และนายกษิต ตัวเองจะไม่มีความสุข ฉะนั้น การกระทำดังกล่าวมันชัดเจนในเหตุผล ก็เหมือนกับที่นายสม รังษี ผู้นำฝ่ายค้านกัมพูชา ที่ออกมากล่าวถึงสมเด็จฯ ฮุนเซน ว่าเป็นผู้ที่ชอบใช้ภาษาต่ำ และมีพฤติกรรมก้าวร้าว สำหรับในส่วนนายคำรบ ตนคิดว่าเป็นการกระทำตามหน้าที่ ไม่ถือว่ามีความผิดอะไร แค่โทรไปขอข้อมูลนายศิวรักษ์ว่าเครื่องบินลำดังกล่าวเดินทางมาถึงกัมพูชาแล้วจริงหรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้รัฐบาลไทยก็ทราบข่าวล่วงหน้าแล้ว นายคำรบแต่ต้องการเช็คข้อมูล
นายปฏินันท์กล่าวต่อว่า แต่ประเด็นที่หลายฝ่ายกำลังสนใจมากที่สุด คือ การดักฟังโทรศัพท์ ซึ่งหากถ้าเป็นเช่นนั้นจริงถือเป็นความผิดระหว่างประเทศที่ร้ายแรง ที่มีการดักฟังข้อมูลในสถานทูตไทย โดยแบบนี้อาจจะเป็นไปได้ว่า สถานทูตประเทศต่างๆที่ประจำอยู่ในกัมพูชา มีสิทธิ์ถูกดักฟังข้อมูลได้ ซึ่งนับว่าเป็นการกระทำที่น่าละอาย โดยในประเทศที่มีอธิปไตยอย่างชัดเจน จะไม่มีการล่วงละเมิดสิทธิ์ดังกล่าวเด็ดขาด
“การดักฟังโทรศัพท์ หากยังจำได้ก่อนหน้านี้ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ได้ออกมาป่าวประกาศว่ามีเทปลับนายกษิต สั่งการให้ล้วงลูกเขมร ซึ่งต่อมาเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกัมพูชาอย่างน้อย 2 คน ได้ออกมาปฏิเสธเรื่องนี้ว่า ทางกัมพูชาไม่มีเทปบันทึกเสียงการสนทนาใดๆแน่นอน ซึ่งประเด็นนี้ อยากให้รัฐบาลไทยตรวจสอบอย่างเข้มข้น เพราะเกี่ยวข้องกับอธิปไตยของประเทศและถือว่าเป็นความผิดที่ให้อภัยไม่ได้” นายปฏินันท์กล่าว
นายชัชวาลย์กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นการแต่งละครเพื่อหาเรื่อง โดย พ.ต.ท.ทักษิณหวังจะทำลายความน่าเชื่อถือนายอภิสิทธิ์ และต้องการสร้างภาพให้ผู้อื่นเห็นว่ารัฐบาลไทยกลั่นแกล้ง รวมทั้งจงใจจะลอบสังหาร ซึ่งเรื่องนี้นับว่าน่าเป็นห่วงสำหรับการรับรู้ของชาวบ้านธรรมดาที่อาจรู้ไม่เท่าทันเล่ห์เหลี่ยม พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งละครเรื่องนี้ตนขอตั้งชื่อให้ว่า “จารชนหน้าใสกับฮีโร่หน้าเหลี่ยม”