xs
xsm
sm
md
lg

“พล.ท.นันทเดช” ดักคอเขมร กลัวความลับดักฟังรั่ว รีบชิ่งอวสานละครปาหี่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“พล.ท.นันทเดช” ดักคอเขมร กลัวความลับดักฟังรั่ว รีบชิ่งอวสานละครปาหี่ ชี้คดี “ศิวรักษ์” หากต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรมเต็มที่ มีสิทธิ์ลุ้น เพราะตารางการบิน “นช.แม้ว” ไม่ถือเป็นความลับ เชื่อ รบ.อภิสิทธิ์ กำลังโดนวางยา หลังมีคนในข่าวกรองจงใจปล่อยข่าวจับเครื่องบินขนอาวุธสงคราม เสี้ยมให้ผิดใจต่างชาติ

 คลิกที่นี่ เพื่อฟัง รายการ "รู้ทันประเทศไทย" 

รายการ “รู้ทันประเทศไทย” ออกอากาศทาง เอเอสทีวี-ทีวีของประชาชน วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 18.30-20.00 น. โดยในวันจันทร์ที่ 14 ธ.ค. มี ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง และนายสันติสุข มะโรงศรี เป็นผู้ดำเนินรายการ ได้เชิญ พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหน้าหน่วยปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ มาร่วมพูดคุยถึงประเด็นจารกรรมข้อมูลลับ ไม่ว่าจะเป็นกรณี นายศิวรักษ์ ชุติพงษ์ วิศวกรชาวไทย หรือจะเป็นกรณี จับกุมเครื่องบินขนอาวุธสงครามได้ที่สนามบินดอนเมือง

นายสันติสุขกล่าวเปิดประเด็นถึงนายศิวรักษ์ว่า วันนี้ทางรัฐบาลกัมพูชาได้จัดพิธีปล่อยตัววิศวกรไทยอย่างเอิกเกริก ทั้งที่มีสถานะเป็นนักโทษจารกรรมข้อมูลอันเป็นภัยร้ายแรงต่อความมั่นคงกัมพูชา ซึ่ง พล.ท.นันทเดช กล่าวประเด็นนี้ว่า จากการที่ตนได้ดูพิธีส่งมอบตัวนายศิวรักษ์ ทำให้อดแปลกใจไม่ได้ว่า เมื่อตอนที่จับกุมตัววิศวกรไทย ทางรัฐบาลกัมพูชายืนยันว่าได้กระทำความผิดข้อหาร้ายแรง และเป็นภัยต่อความมั่นคง แต่ทำไมเดี๋ยวนี้กลับต้อนรับขับสู้นายศิวรักษ์เป็นอย่างดี ซึ่งก่อนหน้านี้ ตนเคยทำนายจุดจบของเรื่องนี้ไว้แล้วว่า สุดท้ายจะเป็นเช่นไร แล้วก็เป็นจริงตามนั้น แต่ตนไม่คิดว่าจะจัดพิธีอย่างยิ่งใหญ่เช่นนี้ จึงถูกมองว่าเป็นเรื่องตลก ที่เริ่มจากการที่รัฐบาลไทย ขอให้ทางฝ่ายกัมพูชาส่งตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่หนีคุก 2 ปี แล้วไปหลบหนีอยู่ต่างประเทศ โดยรัฐบาลไทยต้องการให้กัมพูชาส่งตัวในฐานะที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นผู้ร้ายข้ามแดน แต่ทางกัมพูชาปฏิเสธ ด้วยการที่ สมเด็จฯ ฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ใช้เวลา 3 ชั่วโมง แบบไม่ต้องพึ่งกระบวนการยุติธรรมของประเทศ ก็สามารถตัดสินใจไม่ส่งตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ให้แก่รัฐบาลไทย

พล.ท.นันทเดช กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ภาพยิ่งชัดเจนขึ้นเมื่อมีการยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ เพื่อขอเปลี่ยนตัวทนายความ เพราะถ้าพูดกันตามความจริง หากนายศิวรักษ์ ต้องการสู้คดีจริง ก็สามารถชนะได้ เนื่องจากข้อมูลตารางการบิน พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้เป็นความลับ และถ้ากัมพูชาจะเล่นประเด็นคำสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่าง นายคำรบ ปาลวัฒน์วิไชย เลขานุการเอกประจำสถานเอกอัครราชทูตไทย กับนายศิวรักษ์ ก็เท่ากับว่า รัฐบาลกัมพูชามีการดักฟังโทรศัพท์ ไม่เช่นนั้นจะรู้ได้อย่างไรว่า นายคำรบพูดอะไรกับนายศิวรักษ์ ซึ่งถ้าหากเป็นเช่นนั้นจริง นับว่าเป็นเรื่องที่ผิดกฏหมายที่ดักฟังข้อมูลในสถานทูตประเทศอื่น โดยเหตุที่กัมพูชาต้องรีบจบเรื่องดังกล่าว เพราะกลัวว่าฝ่ายไทยจะจุดประเด็นเรื่องดักโทรศัพท์ขึ้นมาโจมตี

พล.ท.นันทเดช กล่าวอีกว่า ตอนนี้มีหลายฝ่ายให้ความสนใจเรื่องประเด็นการดักฟังโทรศัพท์ ซึ่งถ้าพูดกันจริงๆ ประเทศที่ปกครองด้วยระบอบเผด็จการ ก็ย่อมเกิดเหตุการณ์เช่นนี้บ่อยครั้ง แต่ถึงอย่างไร ตนเชื่อว่าเรื่องนายศิวรักษ์ หากกัมพูชาจะนำประเด็นนี้ไปพูดต่อระหว่างประเทศ ก็เชื่อว่าคงไม่กล้า เพราะถ้าเอาไปพูดก็ถูกมองว่าเป็นตัวตลก

ดร.เจิมศักดิ์ กล่าวว่า มีคนตั้งข้อสังเกตว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องการสร้างเหตุการณ์ที่กัมพูชา ให้เหมือนกับการที่เกาหลีเหนือจับกุมตัวผู้สื่อข่าวสหรัฐฯ และบิล คลินตัน อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ เป็นฮีโร่ไปช่วยเหลือ

พล.ท.นันทเดช กล่าวว่า เรื่องเกาหลีเหนือจับกุมผู้สื่อข่าวสหรัฐฯ กับเรื่องของนายศิวรักษ์ ไม่เหมือนกัน เพราะแตกต่างกันด้วยหลายปัจจัย โดยถ้าหากสังเกตให้ดี ตอนที่นายศิวรักษ์ ถูกจับติดคุกก็ไม่ได้สีหน้ากังวลเหมือนโดนกดดันอะไร นอกจากนี้ ตนยังได้ข้อมูลจากผู้สื่อข่าวว่า รถที่นายศิวรักษ์ นั่งมาในวันที่ศาลตัดสิน ไม่ได้แล่นออกมาจากเรือนจำที่อ้างว่าขังนายศิวรักษ์ ดังนั้น เรื่องนี้ถือเป็นการจัดฉากและร่วมมือกัน

พล.ท.นันทเดช กล่าวอีกว่า จากการที่ตนได้พูดคุยกับเอ็นจีโอหลายคน เห็นว่าในคำพิพากษาศาลกัมพูชามีข้อความอยู่ท่อนหนึ่งที่เป็นปริศนา คือ “พ.ต.ท.ทักษิณ ถือเป็นคนของรัฐบาลกัมพูชา ดังนั้น จึงย่อมต้องมีพันธะคุ้มครองชีวิต” เรื่องนี้ก็เท่ากับว่าศาลกัมพูชาไม่ได้ตัดสินด้วยความเป็นอิสระ แต่อยู่ภายในการชี้นำของสมเด็จฯ ฮุนเซน

ดร.เจิมศักดิ์ กล่าวว่า หาก พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องการเชื่อมโยงการขอพระราชทานอภัยโทษตัวเองกับนายศิวรักษ์ ก็ถ้าหาก พ.ต.ท.ทักษิณ คิดเช่นนั้น ก็ต้องยอมกลับมาติดคุกที่ประเทศก่อน เพราะนายศิวรักษ์ก็ติดคุกในกัมพูชาอยู่หลายวันเช่นกัน

ช่วงต่อมา นายสันติสุขกล่าวถึงประเด็นเครื่องบินขนอาวุธสงคราม มาลงจอดเติมน้ำมันที่สนามบินดอนเมือง พล.ท.นันทเดช กล่าวประเด็นนี้ว่า ตนสงสัยว่าเรื่องนี้ทำไมกลายเป็นเรื่องใหญ่ เพราะปกติแล้วหากมีเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น จะไม่มีการนำข้อมูลมาเปิดเผยในที่สาธารณะ อีกทั้ง ในอดีตประเทศไทยก็เคยเกิดเหตุการณ์อย่างนี้มาแล้ว 3-4 ครั้ง โดยเรื่องนี้อาจจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์กับเกาหลีเหนือ เนื่องจากทำให้มองหน้ากันลำบาก เพราะไทยมีความสัมพันธ์กับเกาหลีเหนือด้วยดีมาตลอด แต่เหตุการณ์ครั้งนี้อาจต้องแคลงใจกัน นอกจากนี้ ตนยังเป็นห่วงความรู้สึกของกลุ่มชาวมุสลิมว่าจะมองรัฐบาลไทยทำงานให้ซีไอเอ

ดร.เจิมศักดิ์ กล่าวว่า นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทย ออกมาเปิดเผยว่ามีแหล่งข่าวที่ไม่สามารถเผยตัวตนได้แจ้งว่า รัฐบาลได้รับเงิน 7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นค่ารางวัลนำจับเครื่องบินขนอาวุธสงครามครั้งนี้

พล.ท.นันทเดช กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่มีอย่างที่นายจตุพรพูดแน่นอน โดยทางออกของเรื่องนี้รัฐบาลไทยต้องรีบคุยกับเกาหลีเหนือให้เข้าใจเรื่องราวความจริงว่ามีอะไรเกิดขึ้น แต่สิ่งที่น่าสงสัย คือ ข่าวนี้รั่วไหลมาได้อย่างไร ก็อาจเป็นเพราะรัฐบาลชุดนี้ไม่ค่อยให้ความสำคัญกับหน่วยงานข่าวกรองสักเท่าไหร่ ซึ่งปกติแล้วหากฝ่ายใดได้มาเป็นรัฐบาลต้องจัดหาคนของตนเองมาไว้ที่หน่วยงานข่าวกรอง เพื่อคอยเป็นหูเป็นตาให้ แต่รัฐบาลชุดนี้ไม่มี มันทำให้ตนมั่นใจว่าที่เหตุการณ์ครั้งนี้ลุกลามใหญ่โต เนื่องจากรัฐบาลไทยถูกวางยาแน่
ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง
พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์
กำลังโหลดความคิดเห็น