ที่ประชุม กก.บห.ปชป.ชี้ผลกระทบไทย-เขมร จากเหตุการณ์ “ศิวรักษ์” ได้ไม่คุ้มเสีย แนะตรวจสอบ “จิ๋ว-เพื่อไทย” ดักฟังโทรศัพท์ ผิดกฎหมาย จับผิดล่วงรู้ผลคำพิพากษาก่อนอภัยโทษ เชื่อยังเดินเกมให้สื่อรองปลุกระดมล้างสมอง ปชช.พ ร้อมมีมติไม่ส่ง ส.ส.เลือกตั้งซ่อม จ.มหาสารคาม-ปราจีนฯ
เพี้ยนหนัก บอก มาร์ค-กษิต ใล่ฆ่าเหมือนหนังไทย !!
วันนี้ (15 ธ.ค.) นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวหลังการประชุมคณะ กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ว่า ที่ประชุมมีการหารือถึงสถานการณ์ทางการเมือง โดยเฉพาะเรื่องปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ โดยวิเคราะห์ว่ากรณีการจับกุมตัวนายศิวรักษ์ ชุติพงษ์ วิศวกรชาวไทย เป็นเหยื่อจากการเคลื่อนไหวทางการเมืองของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เช่นเดียวกับนายคำรบ ปาลวัฒน์วิไชย เลขานุการเอกประจำสถานทูตไทย ณ กรุงพนมเปญ ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และการที่ติดคุกของนายศิวรักษ์ 32 วัน ในเรือนจำเปรยซอร์ ไม่คุ้มกับความสูญเสีย เพื่อช่วงชิงความได้เปรียบทางการเมือง
อย่างไรก็ตาม ข้อเท็จจริงที่ทำให้เกิดความสงสัย เกิดจากเคลื่อนไหวของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย พ.ต.ท.ทักษิณ และพรรคเพื่อไทย และเมื่อข้อมูลในเรื่องของเที่ยวบินปรากฏขึ้น ที่มาของการได้ข้อมูล ก็ถูกเปิดเผยโดยพรรคเพื่อไทย จากการที่ได้มีการดักฟังโทรศัพท์ ซึ่งเรื่องดังกล่าวถือว่าเป็นการกระทำผิดกฎหมายของไทยและของกัมพูชา แต่อยู่ที่ว่าการดักฟังโทรศัพท์เกิดขึ้นเมื่อไหร่และโดยใคร ดังนั้น หากมีการลักลอบดักฟังจริง ฝ่ายที่เกี่ยวข้องควรที่จะต้องตรวจสอบต่อไป ส่วนประเด็นการแสดงออกในการล่วงรู้กระบวนการยุติธรรม ก่อนที่จะมีคำวินิจฉัยของอดีตนายกฯ ทั้ง 2 ท่าน และพรรคเพื่อไทย หรือกรณีของคำวินิจฉัยที่ไม่ได้พูดถึงการจารกรรม
“เป็นที่น่าสังเกตว่า ถ้าการกล่าวหาว่าจารกรรม ซึ่งเป็นการกล่าวหาที่พรรคเพื่อไทยพยายามยัดเยียดให้คนไทยด้วยกันมาตลอดเป็นจริง เหตุใดที่มีการอภัยโทษแล้ว ทางนายกรัฐมนตรีกัมพูชาจึงแสดงออกว่าสามารถอยู่ทำงานที่ประเทศกัมพูชาต่อไปได้ และการปฏิบัติหน้าที่ของนายศิวรักษ์และนายคำรบเป็นการปฏิบัติภารกิจตามปกติ ไม่ได้มีการจารกรรมแต่อย่างใด”
นพ.บุรณัชย์ กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวเป็นการเคลื่อนไหวเพื่อเบี่ยงเบนประเด็นจากต้นเหตุของปัญหา คือการเคลื่อนไหวทางการเมืองที่เริ่มต้นจากการเดินทางของอดีตนายกฯ ทั้ง 2 ท่าน ไปที่ประเทศกัมพูชาก่อนประชุมอาเซียน และการประชุมเอเปก และหากมีการหยุดการเคลื่อนไหวของต้นเหตุได้ ก็เชื่อว่าสถาณการณ์ในความสัมพันธ์ก็จะคลี่คลายไปในทางที่ดีได้
เมื่อถามว่าได้มีการเสนอแนะให้ทางกระทรวงต่างประเทศดำเนินการอะไรหรือไม่ หากมีการดักฟังจริง กรรมการบริหารพรรคกล่าวว่า เรื่องดังกล่าวยังไม่เป็นที่ปรากฏชัด เพราะข้อมูลดังกล่าวมาจากในส่วนแกนนำของพรรคเพื่อไทย และก็ถูกปฏิเสธจากทางการของกัมพูชา และยังไม่ชัดเจนว่าข้อมูลดังกล่าวนั้นเกิดขึ้นนะที่ตรงไหน และมีการส่งข้อมูลมอบข้อมูลอย่างไร
นพ.บุรณัชย์ กล่าวว่า นอกจากนี้ยังได้มีการประเมินสถานการณ์โดยรวม และคิดว่าแนวโน้มในการใช้สื่อกระแสรอง เช่น เว็บไซต์ ใบปลิว วิทยุชุมชน ก็ยังมีความกังวลอยู่ในหลายๆ ส่วน ที่ยังมีการใช้วิธิการปลุกระดม ล้างสมอง มีการยุยงให้จัดกิจกรรมต้านรัฐบาลด้วยรูปแบบต่างๆ ซึ่งพรรคมองว่าหากรูปแบบในการจัดกิจกรรมนั้นเป็นไปตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ชุมนุมกันโดยสงบ และมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจอย่างสร้างสรรค์ ตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล ตนเชื่อว่าประชาชนมีความมั่นใจมากขึ้น แต่ในทางกลับกัน ถ้าหากใช้เวลาดังกล่าวขับเคลื่อนการเมืองนอกสภาให้เกิดความวุ่นวายอีกครั้ง จะส่งกระทบต่อความเชื่อมั่นกลับคืนมา หลังจากเศรษฐกิจที่กลับมาเป็นบวกในเดือนธันวาคม
นพ.บุรณัชย์ ยังกล่าวถึงผลการประชุมคณะกรรมการบริการพรรค ต่อกรณีการส่งตัวผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคลงเลือกตั้งซ่อม จ.มหาสารคาม และ จ.ปราจีนบุรี ว่าที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบตามข้อเสนอของคณะกรรมการคัดเลือกผู้สมัครที่ได้ประเมินผลคะแนนเลือกตั้งเมื่อวันที่ 27 ม.ค.51 ซึ่ง จ.มหาสารคาม พรรคมองว่าไม่มีผู้สมัครที่มีคุณสมบัติครบถ้วน พรรคจึงมีมติไม่ส่งลงพื้นที่ดังกล่าว ส่วน จ.ปราจีนบุรี ก็ได้มีการประเมินจากคะแนนเลือกตั้งครั้งสุดท้าย และเนื่องจากผู้สมัครของพรรคก็ได้คะแนนเป็นลำดับที่ 2 จึงมีมติไม่ส่งผู้สมัครลงเลือกตั้งซ่อมใน จ.ปราจีนบุรี เช่นเดียวกัน