xs
xsm
sm
md
lg

BOIปิดทางฝรั่งฮุบเกษตรไทย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นางอรรชกา สีบุญเรือง เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือบีโอไอ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ที่มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน วานนี้(12พ.ย.) ว่า บอร์ดเห็นชอบให้มีการปรับปรุงบัญชีประเภทกิจการที่ได้รับส่งเสริม หมวด 1 เกษตรกรรมและผลิตผลจากการเกษตร ในเรื่อง ประเภท ขนาด เงื่อนไข และสิทธิประโยชน์ ด้วยการกำหนดลดสัดส่วนการถือหุ้นของนักลงทุนต่างชาติในกิจการเพาะขยายพันธุ์พืชและปรับปรุงพันธุ์พืชท้องถิ่นของไทย เช่น ข้าว กล้วยไม้ สมุนไพร และผลไม้ ต้องมีนักลงทุนสัญชาติไทยถือหุ้นรวมกันไม่น้อยกว่า 51%ของทุนจดทะเบียน

“บีโอไอถือเป็นหน่วยงานนำร่องที่ประกาศปกป้องผลประโยชน์ของเกษตรกรเพื่อรับมือกับการเปิดเสรีทางการลงทุนและการเปิดเสรีการลงทุนอาเซียนหรืออาฟตา เพื่อไม่ให้ผู้ประกอบการไทยได้รับผลกระทบในการเข้ามาลงทุนของต่างชาติ เนื่องจากเป็นกิจการที่ผู้ประกอบการไทยยังไม่พร้อมแข่งขันซึ่งเดิมการเพราะและปรับปรุงพันธุ์พืชนี้เป็นกิจการที่ให้นักลงทุนต่างชาติถือได้100% เพราะกิจการดังกล่าวเป็นกิจการในบัญชี 3 ของพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 ของกระทรวงพาณิชย์”นางอรรชกากล่าว

สำหรับกิจการปลูกป่าและการเลี้ยงสัตว์ (รวมถึงการเลี้ยงสัตว์น้ำ) ที่เป็นข้อกังวลของภาคประชาชนนั้น เป็นกิจการในบัญชี 1 ของพรบ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว ที่ห้ามต่างชาติเข้ามาลงทุนอยู่แล้ว และบีโอไอได้กำหนดเงื่อนไขให้ต้องมีผู้มีสัญชาติไทยถือหุ้นรวมกันไม่น้อยกว่า 51 %ของทุนจดทะเบียนอยู่แล้ว ตามประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ที่ 1/2543

นอกจากนี้ที่ประชุมยังเห็นชอบให้ปรับปรุงนโยบายส่งเสริมการลงทุนแก่วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) โดยให้มีการเพิ่มประเภทกิจการที่สามารถขอรับส่งเสริมการลงทุน จากเดิม 10 ประเภท เป็น 57 ประเภทพร้อมเห็นชอบให้เอสเอ็มอีที่ได้รับการส่งเสริมภายใต้นโยบายนี้สามารถนำเครื่องจักรใช้แล้วในประเทศมาขอรับส่งเสริมฯรวมกับเครื่องจักรใหม่ได้แต่มูลค่าเครื่องจักรใช้แล้วจะต้องไม่เกิน 10 ล้านบาท และ ต้องลงทุน เครื่องจักรใหม่เพิ่มเติมไม่น้อยกว่า 1 ใน 4 ของมูลค่าเครื่องจักรใช้แล้ว โดยเมื่อรวมขนาดการลงทุนแล้ว (ไม่รวมค่าที่ดินและทุนหมุนเวียนของโครงการ) ต้องไม่เกิน 20 ล้านบาท

“มาตรการนี้เป็นมาตรการชั่วคราว เพื่อให้ความช่วยเหลือเป็นพิเศษแก่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี โดยมีผลไปจนถึงสิ้นปี 2554 แต่กิจการเอสเอ็มอีที่ลงทุนตั้งแต่ 500,000 บาทและได้รับส่งเสริมการลงทุนภายใต้นโยบายนี้ จะได้รับสิทธิประโยชน์สูงสุด ยกเว้นภาษีเงินได้ 8 ปี ไม่จำกัดวงเงินที่ได้รับยกเว้น และสามารถตั้งกิจการในเขตที่ตั้งใดก็ได้”นางอรรชกากล่าว

นางอรรชกากล่าวถึงผลสำรวจโครงการศึกษาและวิเคราะห์ความเชื่อมั่นนักลงทุนต่างชาติในประเทศไทยประจำปี 2552 ซึ่งจัดทำระหว่างเดือนเมษายน – มิถุนายน 2552 และมีบริษัทที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน และบริษัทที่ไม่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอ ตอบแบบสอบถามทั้งสิ้น 576 ราย พบว่า ไม่มีนักลงทุนรายใดมีแผนที่จะถอนการลงทุนออกจากประเทศไทย ทั้งนี้นักลงทุน 60% ระบุว่า ยังคงรักษาระดับการลงทุนในประเทศไทยเท่ากับปัจจุบัน
กำลังโหลดความคิดเห็น