xs
xsm
sm
md
lg

“อภิสิทธิ์” ฝากนักลงทุนเป็นแกนนำขับเคลื่อนศก. เตรียมแผน 2 กู้วิกฤต Q3

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


นายกรัฐมนตรี ยกให้นักลงทุนเป็นผู้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทยตัวจริง พร้อมรับปากรัฐบาลจะมีหน้าที่ในการสร้างความมั่นใจ ปรับปรุงกฎระเบียบและขั้นตอน ให้นักลงทุนคลายความกังวล พร้อมชูจุดแข็งด้านอุตสาหกรรมอาหารและพลังงานทดแทน เป็นโอกาสในการลงทุนของประเทศไทย "บีโอไอ" คาดการลงทุนคงไม่เห็นผลในทันที แต่จะได้ผลเชิงจิตวิทยาและความเชื่อมั่น ส่วนมาตรการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจชุดแรก หากไม่ได้ผล เตรียมงัดแผน 2 รับมือ

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษในงาน “นายกรัฐมนตรีพบนักลงทุน” ซึ่งจัดขึ้นโดย สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน สมาคมไทยญี่ปุ่น ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย โดยระบุว่า นักลงทุนเป็นผู้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทย ความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจขึ้นอยู่กับพลังของภาคเอกชน ส่วนรัฐบาลมีหน้าที่สร้างความมั่นใจ การกำกับดูแลอย่างโปร่งใส มีธรรมาภิบาล พร้อมทั้งมีมาตรการสนับสนุนภาคเอกชน

สำหรับโอกาสทางเศรษฐกิจของไทย ในภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอยนั้น นายกรัฐมนตรี มองว่า ประเทศไทยยังมีโอกาสอยู่ เพราะโลกยังคงต้องการอาหารและพลังงาน ซึ่งจะเป็นโอกาสของภาคอุตสาหกรรมอาหารและพลังงานทดแทน ซึ่งน่าจะขยายตัวได้มากขึ้น

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังให้ความสำคัญในเรื่องการปรับปรุงกฎระเบียบ และการดำเนินงานของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ บีโอไอ ซึ่งนายกรัฐมนตรีเคยกำกับดูแลบีโอไอมาแล้วในช่วง ปี 2540-2543 เพื่อให้สามารถให้บริการแบบเบ็ดเสร็จ (One Stop Service) อำนวยความสะดวก ลดขั้นตอนและความล่าช้า เช่น ระยะเวลาในการพิจารณาให้การส่งเสริมการลงทุน รวมทั้งรัฐบาลจะให้ความสำคัญกับการปฏิรูปการศึกษา เพื่อให้แรงงานสามารถรองรับความต้องการของภาคธุรกิจในอนาคตได้

นายอภิสิทธิ์ ยอมรับว่า รัฐบาลเตรียมแผนสำรองหากการดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในชุดแรกไม่ประสบผลสำเร็จ โดยกระทรวงการคลังได้เตรียมจัดหาเงินทุนและแหล่งทุนไว้แล้ว ซึ่งการกู้เงินจากต่างประเทศก็เป็นแนวทางหนึ่งที่เป็นไปได้ แต่ทั้การจะนำแผนสำรองดังกล่าวออกมาใช้หรือไม่ต้องขึ้นกับสถานการณ์เป็นหลัก

“เราก็มีแผนกระตุ้นเศรษฐกิจในรอบแรก ก็หวังว่าจะทำได้ตั้งแต่ไตรมาส 1 , 2 และ 3 แต่ก็ไม่มีใครทราบว่าพอถึงไตรมาส 3 สถานการณ์จะเป็นอย่างไร เราก็ต้องมีการเตรียมแผนรองรับไว้ ซึ่งกระทรวงการคลังก็เตรียมไว้ทั้งในแง่แหล่งเงินทุนต่างๆ ที่มีความเป็นไปได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะต้องใช้ ต้องดูสถานการณ์”

พร้อมย้ำว่า รัฐบาลจำเป็นต้องเตรียมพร้อมไว้ เพราะการดำเนินการใดๆ จำเป็นต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของความไม่ประมาท โดยแผนสำรองดังกล่าว นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จะไปพิจารณาจากโครงสร้างทางเศรษฐกิจที่ต้องปูพื้นฐาน นำไปสู่นโยบายระยะกลางและระยะยาวต่อไป

ส่วนจะถึงขั้นต้องกู้เงินจากต่างประเทศเพื่อนำมาใช้กับแผนสำรองดังกล่าวหรีอไม่นั้น ขณะนี้ยังไม่มีการพิจารณาว่าจะใช้ในจำนวนมากน้อยเพียงใด จะถึงระดับแสนล้านบาทอย่างที่มีผู้ตั้งข้อสังเกตหรือไม่ และคงต้องขึ้นอยู่กับสัดส่วนของหนี้สาธารณะเป็นหลัก

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงโอกาสที่ได้พบปะและรับประทานอาหารกับนักลงทุนในวันนี้ โดยระบุว่า รัฐบาลต้องการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุน โดยให้คำยืนยันว่าประเทศไทยยังมีความเข้มแข็งเหมือนเดิม และรัฐบาลกำลังเดินหน้าแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า โดยไม่ลืมที่จะมองโอกาสในการพัฒนาประเทศในระยะยาว ซึ่งที่จะพิสูจน์ได้อย่างชัดเจนคือการทำงานของรัฐบาล

นายอภิสิทธิ์ เชื่อว่า วันนี้นักลงทุนคงจะเห็นได้ถึงความตั้งใจ ตลอดจนแผนงานและทิศทางการทำงานของรัฐบาลที่ชัดเจนมากขึ้น แต่การเรียกความเชื่อมั่นเพียงวันเดียวคงจะไม่พอ รัฐบาลยังจำเป็นต้องเดินสายทำความเข้าใจแก่นานาประเทศต่อไปด้วย

**หวังผลจิตวิทยา-บรรยากาศลงทุน

นางอรรชกา สีบุญเรือง บริมเบิล เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) กล่าวว่า การจัดงานครั้งนี้ อาจไม่ได้ส่งผลให้การลงทุนจากต่างประเทศเพิ่มขึ้นมาทันที เนื่องจากเศรษฐกิจโลกอยูในภาวะชะลอตัว แต่เป็นการส่งสัญญาณให้บริษัทแม่ในต่างประเทศรู้ว่าไทยมีความพร้อมในการเปิดรับการลงทุนจากต่างประเทศ ส่วนเป้าหมายในการส่งเสริมการลงทุนในปีนี้ ขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจโลกและการสร้างบรรยากาศให้เอื้อกับการลงทุน ซึ่งกระทรวงอุตสาหกรรมตั้งเป้าหมายไว้ที่ 6.5 แสนล้านบาท

นางอรรชกา กล่าวว่า การที่นายกรัฐมนตรีได้มาร่วมในงาน “นายกฯ พบนักลงทุน” ถือว่าช่วยสร้างความมั่นใจให้นักลงทุนต่างชาติ โดยนักลงทุนให้ความสนใจเข้ารับฟังนายกรัฐมนตรีมากถึง 650 คน ซึ่งบีโอไอคาดหวังว่า เมื่อนักลงทุนทราบนโยบายรัฐบาลที่เดินหน้าช่วยบรรเทาภาวะวิกฤติเศรษฐกิจ จะช่วยสร้างความมั่นใจได้มากขึ้น และรัฐบาลจะมีนโยบายดูแลกฎระเบียบและสถานการณ์การเมืองในประเทศให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย

ทั้งนี้ บีโอไอตั้งตัวเลขขอรับการส่งเสริมการลงทุนไว้ที่ 650,000 ล้านบาท ตามเป้าหมายเดิมที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมได้กำหนดไว้ โดยเป็นการส่งเสริมการลงทุนตามโครงการ Thailand Investment year ทั้งนี้ยอมรับว่า ปัญหาเศรษฐกิจโลกส่งผลกระทบต่อการลงทุน อย่างไรก็ตาม การสร้างความมั่นใจให้นักลงทุน คงต้องใช้เวลาต่อเนื่องจากนี้ไป

นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า กระทรวงอุตสาหกรรม จะเดินหน้าชักชวนนักลงทุนรายใหม่ ด้วยการออกไปโรดโชว์ในต่างประเทศ โดยเตรียมการไว้แล้ว และมีนายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้าคณะเดินทางไป โดยวันที่ 6-7 กุมภาพันธ์ 2552 จะเดินทางไปญี่ปุ่น เนื่องจากนักลงทุนญี่ปุ่นลงทุนในประเทศไทยเป็นจำนวนมาก จึงต้องการเชิญชวนเอกชนรายใหม่เข้าลงทุนเพิ่มขึ้น จากนั้นจะไปจีนในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์-ต้นเดือน มีนาคม 2552 สำหรับอุตสาหกรรมที่ต้องการให้เข้ามาลงทุนคือ อุตสาหกรรมไฮเทค

นายชาญชัย กล่าวว่า ขณะนี้นักลงทุนต่างชาติได้ยื่นข้อเสนอขอรับบีโอไอจากรัฐบาล โดยเฉพาะเรื่องภาษี ซึ่งจะนำเข้าคณะรัฐมนตรีโดยเร็วที่สุด และหากสิ่งใดที่กระทรวงอุตสาหกรรมสามารถดำเนินการได้ ก็จะทำทันที และหากเกี่ยวข้องกับหน่วยงานใดก็จะประสานงานไปทันที
กำลังโหลดความคิดเห็น