xs
xsm
sm
md
lg

หลากสีเนืองแน่สนามหลวงรวมพลังรักชาติป้องสถาบัน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

คนไทยผู้รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ที่สวมเสื้อหลากสีสัน ออกมาแสดงพลังานเนื่องแน่นเต็มพื้นที่ “ท้องสนามหลวง” แสดงพลังเทอดทูลสถาบันพระมหากษิตริย์ ต่อต้านการกระทำของ นช.แม้ว-นายฮุนเซน “สนธิ” ย้ำ “ทำไมต้องสู้เพื่อในหลวง” นัด 5 ธ.ค.แสดงพลังครั้งประวัติศาสตร์ “คำนูณ”ชำแหละจากทักษิโนมิคถึงฮุนเซนโมเดล

วานนี้(15 พ.ย.) การรวมตัวกันของประชาชนผู้รักชาติ ต่างใส่เสื้อหลากสี ไม่ว่าจะเป็นเหลือง แดง น้ำเงิน ชมพู ในงาน“รวมพลังแผ่นดินพิทักษ์ชาติ ศาสน์ กษัตริย์” ที่ท้องสนามหลวง ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่ที่เดินทางมาในวันนี้ กล่าวด้วยน้ำเสียงเดียกวันว่า “ไม่พอใจที่นช.ทักษิณ ที่รวมหัวกับนายฮุนเซน ปลุกปั่นเพิ่อทำลายประเทศไทย” จึงต้องออกมาแสดงพลังในวันนี้นั้น
ก่อนเปิดเวทีอย่างเป็นทางการแนวร่วมพันธมิตรฯ ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ได้ทยอยเดินทางเข้าร่วมอย่างต่อเนื่อง จนเต็มพื้นที่สนามหลวงฝั่งวัดพระศรีรัตนศาสดาราม โดยเฉพาะจากจังหวัดนครราชสีมา มีผู้เดินทางมาด้วยรถทัวร์จำนวน 11 คัน รวมถึงรถตู้และรถส่วนตัวอีกจำนวนหนึ่ง ขณะที่กลุ่มผู้รักชาติ จ.บุรีรัมย์ ได้ทยอยเดินทางทั้งรถบัส รถตู้ รถไฟ และรถยนต์ส่วนตัว ไปสมทบในการชุมนุมใหญ่ครั้งนี้อีกไม่น้อยกว่า 1,000 คน เช่นเดียวกันจังหวัดต่าง ๆทั่วประเทศ
จนกระทั่งเวลา 16.00 น. มีการเปิดเวทีอย่างเป็นทางการ โดยมีแนวร่วมพันธมิตรฯ ทยอยขึ้นเวทีปราศรัย เนื้อหาส่วนใหญ่เป็นการโจมตี สมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา และพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ส่วนการรักษาความปลอดภัยได้มีการใช้กำลังตำรวจจากกองบังคับการตำรวจนครบาล 1 ทั้งในและนอกเครื่องแบบ รวมทั้งเจ้าหน้าที่เทศกิจกว่า 1,500 นาย กระจายกำลังดูแลความเรียบร้อยโดยรอบพื้นที่ชุมนุม และอำนวยความสะดวกด้านการจราจร แต่บรรยากาศทั่วไปเป็นไปด้วยความเรียบร้อยขณะที่รักษาการ ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ตำรวจตรวจเข้มโดยรอบพื้นที่สนามหลวง ป้องกันผู้ไม่หวังดีอาจก่อกวนโดยใช้อาวุธระยะไกล เพื่อสร้างสถานการณ์ปั่นป่วน
นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวว่าการชุมนุมครั้งนี้ ไม่ได้จัดในนามพันธมิตรฯ แต่พันธมิตรฯ เป็นเจ้าภาพในการเชิญประชาชนมาแสดงความรักชาติและปกป้องสถาบัน รวมถึงต้องการสื่อไปยัง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และสมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชาว่า สิ่งที่ปฏิบัติอยู่ไม่ควรทำ สิ่งที่สมเด็จฮุน เซน ปฏิบัติถือเป็นการแทรกแซงกิจการภายในประเทศ และก้าวล่วงกระบวนการยุติธรรมของไทย ผิดมารยาทของเพื่อนบ้านและผิดกฎบัตรอาเซียนในการแทรกแซงกิจการภายใน ทั้งนี้ไม่กลัวว่าการชุมนุมครั้งนี้ จะเกิดความขัดแย้งมากขึ้น เพราะความขัดแย้งเกิดขึ้นแล้ว

“คำนูณ”ชำแหละจากทักษิโนมิคถึงฮุนเซนโมเดล
เวลา 19.00 น. นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา กล่าวตอนหนึ่งเรื่อง “จากทักษิโนมิคถึงฮุนเซ็นโมเดล” ว่า นช.ทักษิณ ถือว่า เป็นคนที่ไม่มีอะไรจะเสียมากกว่านี้อีกแล้ว จึงจะยอมเป็นหมาก ยอมเป็นเบี้ย แลกกับการใช้ดินแดนกัมพูชาเป็นฐานคืนสู่อำนาจในไทย แม้จะต้องจ่ายค่าตอบแทนมากพอสมควร โดยเฉพาะเรื่องบุญคุณต่างตอบแทนในเชิงอำนาจ
สิ่งที่ นช.ทักษิณจะได้อย่างเต็มที่สำหรับเหตุการณ์ครั้งนี้คือ เปิดช่องทางที่เป็นกลยุทธ์การต่อสู้ชิงอำนาจคืนมากขึ้นในช่วงธันวาคม 2552 – ต้นปี 2553 นี้ ที่เกมในสภาจะลดระดับลงเพราะมีสมัยประชุมนิติบัญญัติจะปิดลงในวันที่ 28 พฤศจิกายนนี้ ขณะที่การชุมนุมมวลชนในประเทศจะรุกหนัก ล้อมทำเนียบ หรืออาจถึงขั้นยึดทำเนียบ อาจปัดฝุ่นแนวคิด “เดินทัพทางไกล” หรือ “ลองมาร์ช” ให้ พ.ต.ท.ทักษิณเดินทางเข้ามาจากกัมพูชา มีมวลชนจัดตั้งจำนวนมากไปห้อมล้อมและพากันเดินทางเข้ากรุง ประสานกับปฏิบัติการมวลชนที่ทำเนียบ และทั่วประเทศ และอาจประสานกับยุทธวิธีใต้ดิน นอกระบบ ของอดีตนายทหารบางคนที่ขึ้นชื่อลือชาทางด้านนี้ที่หันไปสวามิภักดิ์
นช.ทักษิณ ยังหวังผลขั้นแรกคือ รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ยุบสภา พรรคการเมืองของพ.ต.ท.ทักษิณได้รับเลือกด้วยเสียงข้างมากเกินครึ่ง นิรโทษกรรมทุกฝ่าย นำประเทศกลับไปสู่ช่วงก่อน 19 กันยายน 2549

“สนธิ”นัดถวายพระพรในหลวง 5 ธ.ค.
เวลา 19.40 น.นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ และว่าที่หัวหน้าพรรคการเมืองใหม่ ได้ขึ้นเวทีปาฐกถาเรื่อง “ทำไมต้องสู้เพื่อในหลวง” ว่า วันนี้ชาติต้องการพลังของประชาชน เพราะชาติคือศาสนาและพระมหากษัตริย์ เพราะเมื่อสถาบันแข็งแกร่งชาติก็จะแข็งแกร่ง และนี่คือสิ่งที่จะแยกจะออกจากกันไม่ได้ ประเทศไทยในวันนี้เกิดขึ้นมาได้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่มีเพราะบรรพบุรุษได้ลุกขึ้นมาต่อสู้ปกป้องแผ่นดินไทยจนมีอยู่ทุกในวันนี้ แต่การเมืองไทยในวันนี้มีแต่พวกนักการเมืองน้ำเน่า ที่จ้องหากินบนผลประโยชน์ชาติซึ่งถือเป็นเรื่องที่อับอายเป็นอย่างยิ่ง
“ทำไมเราต้องสู้เพื่อในหลวง 4 ปีที่ผ่านมา ผมต้องทนเสียงก่นด่าหาว่าดึงฟ้าลงต่ำ แต่ก็ได้พิสูจน์แล้วว่าหากไม่มีพันธมิตรฯ วันนี้ประเทศคงไม่มีอะไรเหลือ การชุมนุม 193 วัน ที่เราเคยชุมนุม เคยพูดกันตลอดว่าพระเจ้าอยู่หัวไม่ที่พึ่งอีกแล้ว นอกจากพวกเรา อย่าไปปล่อยให้คนบางกลุ่มทำให้สถาบันกษัตริย์เป็นเพียงแค่สัญลักษณ์ เช่นเดียวกับนายฮุนเซน ที่ต้องการให้เป็นเหมือนกษัตริย์ของเขา” นายสนธิกล่าว และว่า การต่อสู้แม้จะต้องแลกด้วยชีวิตและเลือดเนื้อ ก็ขอให้สถาบันเป็นพึ่งของพสกนิกร หากวันนี้สถาบันพระกษัตริย์อ่อนแอ สถาบันศาสนาก็เสื่อมถอย และวันนั้นชาติก็ล่มสลาย ดังนั้นสามสิ่งนี้ก็จะแยกขาดจากกันมิได้
นายสนธิกล่าวว่า ออกมาชุมนุมในครั้งนี้ถือเป็นการให้กำลังใจพระเจ้าอยู่หัว ที่ให้เป็นที่ประจักษ์ว่ายังมีพสกนิกรยืนเคียงข้างพระองค์ท่าน และขอรบกวนพี่น้องประชาชนอีกครั้งให้มารวมพลังกันอีกครั้งในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธ.ค.52 นี้

15 พ.ย.มวลมหาประชาชนรักชาติ
นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตร ได้ขึ้นอ่านประกาศเจตนารมณ์ของประชาชนชาวไทย แทนคนไทยว่า ให้เป็นที่ประจักษ์ต่อประชาชาติต่างๆทั่วโลกว่าพวกเราประชาชนแห่งราชอาณาจักรไทย เป็นพสกนิกรผู้รักชาติ มีศรัทธาต่อศาสนา และจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ ซึ่งได้มาพร้อมเพรียงกันอยู่บริเวณ ท้องสนามหลวง กรุงเทพมหานคร ราชอาณาจักรไทย และที่ได้ร่วมแรงจิตเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน จากพื้นที่ต่างๆทั่วราชอาณาจัก
1.ราชอาณาจักรไทย เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน จะแบ่งแยกมิได้ ประชาชาติไทย มีความจงรักภักดี ต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ และการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข และไม่มีวันที่จะเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่นโดยเด็ดขาด ทั้งพร้อมที่จะพลีชีวิต เพื่อพิทักษ์รักษาไว้ ซึ่งชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เอกราช อธิปไตย และผลประโยชน์แห่งชาติ จนถึงที่สุ
2.นักโทษชายทักษิณ ชินวัตร ผู้ซึ่งหลบหนีหมายจับของศาลฎีกาของราชอาณาจักรไทยในคดีใช้อำนาจหน้าที่โดยทุจริต และหลบหนีหมายจับของศาลในคดีทุจริตคอร์รัปชั่นอีกหลายเรื่อง ได้สร้างความเสียหายให้แก่ราชอาณาจักรไทยและคนไทย มากที่สุดในประวัติศาสตร์ของชาติไทย จะต้องชดใช้ บรรดาความเสียหายทั้งหมด และคืนทรัพย์สินทั้งหมดที่ทุจริตฉ้อโกงไปจากราชอาณาจักรไทยประชาชนชาวไทย จะติดตาม ทวงถาม และเรียกเอาคืน จนถึงที่สุดตลอดไป
3.ขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า บัดนี้นักโทษชายทักษิณ ชินวัตร ได้ทำตัวเป็นอริราชศัตรู เป็นผู้ทรยศชาติ ทำการบ่อนทำลายความมั่นคงของประเทศชาติ เป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และได้เข้าไปสมคบกับศัตรูผู้ที่มาทำลายเกียรติภูมิของประเทศ
ทั้งได้ยุยงส่งเสริม และกระทำการทำให้เกิดความขัดแย้งขึ้นอย่างกว้างขวางและใหญ่หลวงภายในราชอาณาจักรไทย และระหว่างราชอาณาจักรไทยกับราชอาณาจักรกัมพูชา ซึ่งกำลังส่งผลทำให้เกิดความแตกแยกขึ้นในประชาคมอาเซียน นับเป็นภัยอันร้ายแรงต่อประชาชาติไทย ต่อประชาชาติกัมพูชา และต่อประชาชาติทั้งหลายในภูมิภาคนี้ด้วย
4.เราขอประกาศว่า ศาลสถิตยุติธรรมของราชอาณาจักรไทย คือที่พึ่งแหล่งสุดท้ายของประชาชนอย่าแท้จริง ได้ประสาทความยุติธรรมให้เป็นที่ประจักษ์ โดยอาศัยหลักนิติศาสตร์ มนุษยธรรม และเมตตาธรรม ตลอดมา แม้นักโทษชายทักษิณเองก็ได้อาศัยศาลยุติธรรมไทยเป็นที่พึ่งในการดำเนินคดีฟ้องร้องผู้อื่นนับเป็นจำนวนคดีมากที่สุดในประวัติศาสตร์
เราขอประณามนักโทษชายทักษิณ ชินวัตร และนายฮุน เซนที่กล่าวร้ายและดูหมิ่นเหยียดหยามศาลยุติธรรมของราชอาณาจักรไทย ว่าเป็นการทำร้ายจิตใจของประชาชนชาวไทยที่รุนแรงที่สุด ที่ไม่พึงได้รับการอภัย
5.ราชอาณาจักรไทยกับราชอาณาจักรกัมพูชา และประชาชนของประเทศทั้งสอง ไม่ได้เป็นศัตรูต่อกัน ไม่ได้มีความขัดแย้งกัน เราจึงขอให้ นายฮุน เซน ได้รับรู้และปฏิบัติให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของประเทศและประชาชนของทั้งสองประเทศ ยุติการสมรู้ร่วมคิดในการนำเอาราชอาณาจักรกัมพูชามาเป็นศัตรูกับราชอาณาจักรไทยในทันที รีบเสริมสร้าง ความรักสมัครสมาน ระหว่างประเทศทั้งสองทันที ให้เร่งรีบดำเนินการตามพระราชสาสน์ในสมเด็จพระนโรดมสีหนุโดยทันที
6.ประชาชนชาวไทยเป็นประชาชาติที่รักสันติ มีความเสียสละ อดทน ตามแบบอย่างบรรพบุรุษของเรา เราจะร่วมมือกับประชาชาติต่างๆ และรัฐบาลของประเทศต่างๆ ในการพิทักษ์รักษาสันติภาพ สิทธิเสรีภาพและภราดรภาพของมวลมนุษย์ เพื่อประโยชน์และความสุขของมนุษยชาติโดยถ้วนหน้า
การมารวมตัวของมวลมหาประชาชนในครั้งนี้ มีความหมายและมีคุณค่าต่อการดำรงอยู่ของชาติไทย เพราะเป็นการแสดงออกด้วยจิตสำนึกแห่งความรับผิดชอบในการปกป้องชาติ ราชบัลลังก์ และการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และเป็นการทำหน้าที่ของปวงชนชาวไทยตามบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกประการ ประกาศเอาไว้ให้เพื่อทราบเป็นที่ประจักษ์ต่อประชาชนชาวโลก ในวันอาทิตย์ที่ 15 พฤศจิกายน พุทธศักราช 2552 ณ ท้องสนามหลวง
จากนั้น แกนนำพันธมิตรฯ นำโดย พล.ต.จำลอง ศรีเมือง นายสมศักดิ์ โกศัยสุข และนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ได้ขึ้นปราศัยและนำผู้ชุมนุมจุดเทียนร้องเพลงสดุดีมหาราชา และเพลงสรรเสริญพระบารมี โดยหันหน้าไปทางรพ.ศิริราช ที่ประทับของพระบาทสมเด้จพระเจ้าอยู่หัวฯ ก่อนจะสลายการชุมนุมในเวลาประมาณ 23.00 น.

สื่อนอกเกาะติดคนไทยรักชาติ
วันเดียวกันสำนักข่าวต่างประเทศ ทั้งเอเอฟพี และรอยเตอร์ต่างเกาะติดรายงานบรรยากาศการชุมนุมอย่างคึกคักของกลุ่มคนไทยผู้รักชาติที่ท้องสนามหลวง ซึ่งออกมาแสดงพลังปกป้องสถาบันชาติ ศาสน์ และพระมหากษัตริย์ พร้อมแสดงความไม่พอใจรัฐบาลกัมพูชา ที่แต่งตั้ง ทักษิณ ชิณวัตร นักโทษหนีคดีอาญาขึ้นเป็นที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจ ทั้งยังปฏิเสธคำร้องขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนให้ทางการไทย
เอเอฟพี รายงานการประเมินโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่ระบุว่า มีผู้คนมาร่วมชุมนุมกันที่ท้องสนามหลวงจากทั่วทุกสารทิศ ขณะที่รอยเตอร์รายงานว่า ในเวลา 17.00 น. ผู้ร่วมชุมนุมปกป้องชาติครั้งนี้เป็นการชุมนุมครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเลยทีเดียว
นายสมศักดิ์ โกศัยสุข 1 ในแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ เผยกับสำนักข่าวเอเอฟพี ว่า “หน้าที่ของเราคือปกป้อง และรักษาเกียรติยศ และความภาคภูมิของประเทศ รวมถึงองค์พระมหากษัตริย์ กัมพูชาละเมิดสนธิสัญญาส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน และยินยอมให้บุคคลที่ต้องโทษอาญาเป็นที่ปรึกษาให้” “การกระทำเช่นนี้ทำลายเกียรติภูมิของประเทศของเรา เราจึงขอประณามทั้งนักโทษ ทักษิณ และฮุนเซน ในการชุมนุมของเราครั้งนี้” นายสมศักดิ์ กล่าว

นักวิเคราห์ต่างชาติชี้แม้วกำลังเสื่อม
ขณะที่ คริส เบเกอร์ นักวิเคราะห์การเมือง ซึ่งเขียนชีวประวัติของ นช.ทักษิณ ชี้ว่า การที่อดีตนายกรัฐมนตรีเข้าหาทางการกัมพูชาจะทำให้เขาสูญเสียเสียงสนับสนุน
“การแสดงตัวเข้าด้วยกับฮุนเซน ถือเป็นความผิดพลาดทางการเมืองอย่างร้ายแรง ผมคิดว่าทักษิณทำให้ความนิยมของตัวเองเสื่อมลงอย่างมาก เขาอยู่ในสภาพจนตรอกที่พยายามจะเจรจาด้วยเงินของเขา และเขาก็สำคัญอำนาจตัวเองผิดไปอย่างยิ่งจริงๆ”
ทั้งนี้ การเดินทางเยือนกัมพูชาของ นช.ทักษิณ ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้ความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่าง 2 ประเทศเข้าสู่ภาวะตึงเครียดยิ่งขึ้นไป หลังจากมีปัญหา และมีการปะทะกันหลายครั้งในรอบปีที่ผ่านมา เกี่ยวกับปราสาทเขาพระวิหาร และการแบ่งเขตแดน

สัตว์นรกป่วนลอบขว้างระเบิด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในเวลา 20.45 น. ระหว่างที่นายสนธิ ขึ้นปราศัยบนเวทีฝั่งทิศใต้ ซึ่งตั้งหันหลังไปยังพระบรมมหาราชวังประมาณ 50 เมตร ได้เกิดเสียงระเบิดขึ้นสนั่นหวั่นไหว ทำให้ผู้ชมนุมส่วนหนึ่งที่ได้ยินเสียงกรู่กันเข้าไปดูเหตุการณ์
เบื้องต้นพบว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นชาย 2 คนโดยการ์ดพันธมิตรฯได้นำผู้บาดเจ็บเล็กน้อยป็นชาย 2 คนส่งโรงพยาบาล ซึ่ง ผู้บาดเจ็บทั้ง 2 คนถูกสะเก็ดระเบิดที่แขนและขา ขณะเดียวกันวิถีระเบิดยังทำให้กระจกหน้ารถปิคอัพ ไฮลักซ์ วีโก้ แตกได้รับความเสียหาย 1 คัน อย่างไรก็ตามจากการสอบถามผู้เห็นเหตุการณ์ แจ้งว่า สังเกตเห็นชายขับขี่จักรยานยนต์ ผ่านมาหลังเวทีก่อนที่ขว้างวัตถุสิ่งหนึ่งเข้ามาและทำให้เกิดเสียงระเบิดขึ้น
กำลังโหลดความคิดเห็น