ทักษิณ มีคดีคอร์รัปชัน ฉ้อราษฎร์บังหลวง โกงกินบ้านเมืองติดตัวมากมายหลายสิบคดี และขณะนี้เขาเดินหน้าสู่ความเป็นคนขายชาติเต็มตัว ทั้งนี้เพราะความเห็นแก่ตัวของทักษิณเอง เพราะเขาเป็นพ่อค้านักธุรกิจที่เต็มไปด้วยความอยากได้ๆ มีแต่ความโลภในจิตใจตลอดเวลาซึ่งได้ตอกย้ำตัว เขาเองเป็นนิจกรรมชั่วมายาวนาน นั่นเอง
เมื่อเขาก้าวขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี จึงเต็มไปด้วยความโลภ จุดยืนที่แท้จริงของทักษิณ คือทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อประโยชน์ของตัวเขาเองเพราะความโลภ เขาจึงมีเล่ห์เหลี่ยมทุกอย่าง จิตใจของเขาจึงไม่ต่างไปจากอาชญากรทั่วไป เห็นผิดเป็นชอบ เห็นแก่ตัว เห็นประโยชน์ชาติ เป็นประโยชน์ตนและครอบครัว เห็นกงจักรเป็นดอกบัว เห็นความชั่วเป็นความดี เห็นคนดีเป็นคนชั่ว เห็นเผด็จการเป็นประชาธิปไตย ฯลฯ และอีกเหตุหนึ่งที่ทำให้เขาร่ำรวยขึ้นมาได้เป็นแสนล้าน ทั้งนี้ ก็เพราะการเมืองบ้านเราเป็นเผด็จการอันเป็นเหตุแห่งความเลวร้ายทั้งปวง ในชาติ และการล่มสลาย หายนะของประเทศไทย เราขอบอกความจริงด้วยปัญญาอันสำคัญ
สภาวการณ์ คือ สภาพที่เป็นอยู่ของประเทศไทยที่เป็นอยู่จริงๆ เป็นสภาพการณ์ของระบอบเผด็จการโดยรัฐธรรมนูญ ขบวนการนี้มีความเชื่อว่ารัฐธรรมนูญคือระบอบประชาธิปไตย มีรัฐธรรมนูญศูนย์กลางของการปกครอง มีประเทศเดียวในโลกที่เห็นผิดเช่นนี้ สภาพการณ์นี้เป็นมาดำรงอยู่ ครอบงำ ทำลายประเทศไทยให้อ่อนแอลงๆ สู่ความหายะมายาวนาน 77 ปี ซึ่งมีสองลักษณะ คือ (1) ระบอบเผด็จการโดยรัฐประหาร (2) เผด็จการระบบรัฐสภา (จากการเลือกตั้ง) แต่ผู้ปกครองกลับหลอกลวงให้หลงผิดอย่างร้ายกาจที่สุดว่าเป็นระบอบประชาธิปไตย
เมื่อสภาวการณ์ที่แท้จริงเป็นระบอบเผด็จการเป็นเหตุ ก็ย่อมส่งผลเป็นปรากฏการณ์ให้เราเห็นความเลวร้ายของการเมืองเผด็จการเป็นระยะๆ ซึ่งเรียกว่าสถานการณ์ทางการเมือง หรืออย่างเช่น คนกลัว โลภ โกรธ หลง เหตุของมัน คือ อวิชชา เมื่อกลัว ก็แสดงอาการกระทำออกมา โลภ ก็แสดงอาการให้ปรากฏออกอย่างหนึ่ง โกรธก็แสดงอาการกระทำออกมา หลงก็แสดงอาการออกมา สรุปก็คือว่า เหตุดี ส่งผลดี ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ระบอบการเมืองก็เช่นเดียวกัน
ในสถานการณ์ทางการเมืองในขณะนี้ผู้ปกครองทุกฝ่ายในระบอบเผด็จการต่างก็ต่อสู้ แย่งชิงอำนาจ แย่งชิงผลประโยชน์กันในสถานการณ์ปัจจุบันคือ โดยมีกลุ่มการเมืองต่างๆ ฝ่ายทักษิณ หรือฝ่ายเสื้อแดง ประกอบด้วย (1) กลุ่มนายทุนของทักษิณและพรรคเพื่อไทย (2) พรรคคอมมิวนิสต์ ที่เข้าไปทำแนวร่วมกับกลุ่มนายทุนในเครือทักษิณ (3) กลุ่มที่อ้างว่าเป็นขบวนการประชาธิปไตย 66/23 นำโดยพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ ที่เพิ่งเข้าไปทำแนวร่วมกับคุณทักษิณ กระทั่งถูกประชาชนประณามว่าเป็นคนขายชาติเช่นเดียวกับคุณทักษิณ ก็เท่ากับว่าพลเอกชวลิต ไม่มีปัญญาใดๆ เลย หลงและได้ทำลายขบวนการประชาธิปไตยตามแนวนโยบาย 66/23 กลายเป็นคนต่อต้านการสร้างประชาธิปไตยที่แท้จริง
(บอกแล้วว่า พลเอกชวลิต ไม่ได้เป็นคนยกร่างนโยบาย 66/23) เราขอเตือนด้วยความรักเมตตา ขอให้ พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ ออกมาประกาศขอโทษประชาชน และลาออกจากพรรคเพื่อไทยและขบวนการทักษิณ ทั้งหมด พลเอกชวลิต ไม่ควรไปกอดกับศพเน่าเฟะทางการเมืองที่ทำลายชาติ ประชาชนคนรักชาติรับไม่ได้หรอก (4) นักรับจ้าง ทาสทางการเมืองที่สนับสนุนคุณทักษิณด้วยความยากจน และความไม่รู้
อีกฝ่ายหนึ่งได้แก่ อดีตและผู้นำกองทัพบางคน (ไม่ใช่กองทัพแห่งชาติ) พรรคประชาธิปัตย์บางส่วน และพันธมิตรฯ บางส่วน หรือกลุ่มที่ยึดมั่นรัฐธรรมนูญ และขอบอกว่า ระบอบการเมืองเป็นเช่นไร กองทัพก็ต้องเป็นไปเช่นนั้น เมื่อระบอบเป็นเผด็จการ กองทัพก็ต้องสนับสนุนระบอบเผด็จการเพราะกองทัพเป็นกลไกรัฐ เว้นแต่จะมีผู้นำกองทัพอันชาญฉลาดรู้จริงเกิดขึ้น กองทัพก็จะเลิกสนับสนุนการเมืองระบอบเผด็จการทุกรูปแบบ และหันกลับมาสนับสนุนการสร้างระบอบหรือหลักการปกครองโดยธรรม ก่อนการยกร่างรัฐธรรมนูญของขบวนการรัฐธรรมนูญ (เผด็จการซ่อนรูป) ที่ทำผิดพลาดมาแล้วมากถึง 18 ฉบับ
อีกฝ่ายหนึ่งที่ต่อต้านระบอบเผด็จการทุกรูปแบบ เป็นขบวนการทางการเมืองที่ยึดมั่นและสืบทอดพัฒนาแนวคิดทางการเมืองจาก พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 รัชกาลที่ 6 และรัชกาลที่ 7 และ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวองค์ปัจจุบัน ได้แก่ (1) ขบวนการประชาธิปไตยตามแนวนโยบาย 66/23 (2) ขบวนการธรรมาธิปไตยแห่งชาติ (3) พันธมิตรฯ และพรรคการเมืองใหม่บางส่วน (4) คณะบุคคล บุคคลที่มั่นคงเชิดชูชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ โดยมีรากฐานแนวคิดจากรากฐาน แก่นแท้ของชาติคือชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ผลักดันสถาปนาหลักการปกครองโดยธรรม คือหลักการปกครองธรรมาธิปไตย 9 ก่อนร่างหรือแก้รัฐธรรมนูญ หรือนัยหนึ่ง สร้างระบอบก่อนร่างหรือแก้ไขรัฐธรรมนูญ นั่นเอง
เบื้องลึกของทักษิณ แท้จริงแล้ว ทักษิณสั่งให้ พลเอกชวลิต ไปเป็นผู้ประสานงานกับรัฐบาลกัมพูชา แต่ในเบื้องหลังเบื้องลึกจริงๆ ทักษิณ เขาต้องการเข้ามาอยู่ใกล้ประเทศไทย เพื่อเข้ามาบัญชาการรบด้วยตนเอง เพราะทักษิณไม่ไว้วางใจใครนอกจากคนในตระกูลชินวัตรเท่านั้น คนที่เข้ามาช่วยทักษิณ วงในของทักษิณต่างก็รู้กันว่าทักษิณจ้างมาทั้งนั้น มีประโยชน์ก็จ้าง ไม่มีประโยชน์ก็เลิกคบ มีตัวอย่างเช่น สมัคร สุนทรเวช ร้องโอดโอย เมื่อมีประโยชน์ ทักษิณก็โทร.สั่งการเช้าเย็น แต่พอคุณสมัคร หมดอำนาจ และล้มป่วย ทักษิณไม่เคยโทร.เลย ทักษิณ เขาหมายมั่นปั้นมือเพื่อโค่นล้มรัฐบาลประชาธิปัตย์และพรรคร่วมในทุกทาง
เราได้ข่าวโฆษณาชวนเชื่อว่า ทักษิณจะนำมวลชนเสื้อแดงลุกขึ้นสู้ และอาจจะมีการนำชาวเขมรเข้ามาใส่เสื้อแดงเข้ามาร่วมด้วยเพื่อก่อการจลาจลทุกรูปแบบ ขณะเดียวกันก็เตรียมนายทหารที่ภักดีชิงทำรัฐประหาร และทักษิณจะกลับมาเป็นใหญ่โดยไร้มลทิน กลับมาอย่างสะอาด บริสุทธิ์ผุดผ่อง และได้รับทรัพย์สินกลับคืนทั้งหมด คดีต่างๆ จะหมดไป
หากฝ่ายทักษิณชนะจะด้วยวิธีการใดก็ตาม นั่นหมายถึงเกิดสงครามกลางเมืองระหว่างฝ่ายที่สนับสนุนคุณทักษิณทั้งภายในและภายนอก และฝ่ายที่ต่อต้านคุณทักษิณ และฝ่ายที่รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
ล่าสุด นายกฯ ฮุนเซน ประกาศพระราชกฤษฎีกาแต่งตั้ง พ.ต.ท.ทักษิณเป็นที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลกัมพูชา และเป็นที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ด้านเศรษฐกิจส่วนตัวของนายกฯ ฮุนเซนจากการกระทำดังกล่าว ประชาชน 80% ไม่อาจจะยอมรับการกระทำของพรรคเพื่อไทย พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ และพ.ต.ท.ทักษิณ ประพฤติตนเป็นคนขายชาติ
รัฐบาลไทย โดยกระทรวงการต่างประเทศ มีคำสั่งเรียกตัวเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงพนมเปญ กลับประเทศไทยทันที ลดระดับความสัมพันธ์ทางการทูต การกระทำของรัฐบาลกัมพูชาในครั้งนี้ ถือเป็นการแทรกแซงกิจการภายใน ละเมิดไม่เคารพและยอมรับต่อกระบวนการยุติธรรมของไทย และรัฐบาลไทยทบทวนพันธสัญญา ข้อตกลงความร่วมมือ รวมทั้งการให้ความช่วยเหลือต่างๆ ที่ประเทศไทยมีต่อกัมพูชา
สรุปโดยภาพรวมในสถานการณ์ปัจจุบัน แท้จริงเป็นความขัดแย้งของผู้ปกครอง ของนักการเมืองที่เชื่ออย่างง่ายในลัทธิรัฐธรรมนูญสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งยึดมั่นรัฐธรรมนูญปี 40 โดยมีลัทธิคอมมิวนิสต์เข้ามาอิงแอบ ขณะนี้กำลังทำตนเป็นผู้ทรยศชาติ ส่วนอีกฝ่ายยึดมั่นรัฐธรรมนูญปี 50 และอีกฝ่ายที่แนะนำ สอน อบรม ต้องการแก้ไขเหตุวิกฤตชาติด้วยปัญญา และจากแก่นแท้ของชาติอย่างแท้จริง
แนวทางแก้ไขเหตุวิกฤตชาติ ยุติความเลวร้ายทั้งปวงจากลัทธิเผด็จการรัฐธรรมนูญ คือหลงเข้าใจว่ารัฐธรรมนูญ คือระบอบประชาธิปไตย ทั้งๆ ที่รัฐธรรมนูญไม่มีหลักการปกครองหรือระบอบมายาวนาน 77 ปีแล้ว สู่ชัยชนะของปวงชนในชาติอย่างสันติเพื่อถวายเป็นราชบูชา คือ
ขอให้พรรครัฐบาล พรรคการเมืองใหม่ พรรคการเมืองทุกพรรค พรรคเล็กพรรคน้อย กลุ่มพันธมิตรฯ กลุ่มแนวนโยบาย 66/23 กลุ่มพลังประชาชนทุกกลุ่มที่มีความยึดมั่นในชาติ ศาสนา และมหากษัตริย์ เป็นแกนนำ กลับมาริเริ่มและร่วมมือร่วมใจกันเสนอ ร่วมกันผลักดัน ให้มีหลักการปกครองโดยธรรม หรือระบอบโดยธรรม โดยพระมหากษัตริย์ทรงสถาปนาหลักการปกครองธรรมาธิปไตย 9 เป็นแกนกลางของวิธีการปกครองคือรัฐธรรมนูญ
หากว่ารัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีเห็นด้วย ก็จะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างสันติ ทำความถูกต้องอย่างยิ่งใหญ่ให้เกิดขึ้นในเบื้องต้น ก็เท่ากับว่าได้กำจัดเหตุใหญ่ เหตุแห่งภัยร้ายของชาติให้สิ้นไป การเมืองไทยก็จะก้าวหน้ากว่าประเทศอื่นใดในโลก คนทำผิด ทรยศต่อชาติก็ต้องชดใช้กรรม หรือจะปล่อยให้ผู้ทรยศชาติมีชัยชนะ
เมื่อเขาก้าวขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี จึงเต็มไปด้วยความโลภ จุดยืนที่แท้จริงของทักษิณ คือทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อประโยชน์ของตัวเขาเองเพราะความโลภ เขาจึงมีเล่ห์เหลี่ยมทุกอย่าง จิตใจของเขาจึงไม่ต่างไปจากอาชญากรทั่วไป เห็นผิดเป็นชอบ เห็นแก่ตัว เห็นประโยชน์ชาติ เป็นประโยชน์ตนและครอบครัว เห็นกงจักรเป็นดอกบัว เห็นความชั่วเป็นความดี เห็นคนดีเป็นคนชั่ว เห็นเผด็จการเป็นประชาธิปไตย ฯลฯ และอีกเหตุหนึ่งที่ทำให้เขาร่ำรวยขึ้นมาได้เป็นแสนล้าน ทั้งนี้ ก็เพราะการเมืองบ้านเราเป็นเผด็จการอันเป็นเหตุแห่งความเลวร้ายทั้งปวง ในชาติ และการล่มสลาย หายนะของประเทศไทย เราขอบอกความจริงด้วยปัญญาอันสำคัญ
สภาวการณ์ คือ สภาพที่เป็นอยู่ของประเทศไทยที่เป็นอยู่จริงๆ เป็นสภาพการณ์ของระบอบเผด็จการโดยรัฐธรรมนูญ ขบวนการนี้มีความเชื่อว่ารัฐธรรมนูญคือระบอบประชาธิปไตย มีรัฐธรรมนูญศูนย์กลางของการปกครอง มีประเทศเดียวในโลกที่เห็นผิดเช่นนี้ สภาพการณ์นี้เป็นมาดำรงอยู่ ครอบงำ ทำลายประเทศไทยให้อ่อนแอลงๆ สู่ความหายะมายาวนาน 77 ปี ซึ่งมีสองลักษณะ คือ (1) ระบอบเผด็จการโดยรัฐประหาร (2) เผด็จการระบบรัฐสภา (จากการเลือกตั้ง) แต่ผู้ปกครองกลับหลอกลวงให้หลงผิดอย่างร้ายกาจที่สุดว่าเป็นระบอบประชาธิปไตย
เมื่อสภาวการณ์ที่แท้จริงเป็นระบอบเผด็จการเป็นเหตุ ก็ย่อมส่งผลเป็นปรากฏการณ์ให้เราเห็นความเลวร้ายของการเมืองเผด็จการเป็นระยะๆ ซึ่งเรียกว่าสถานการณ์ทางการเมือง หรืออย่างเช่น คนกลัว โลภ โกรธ หลง เหตุของมัน คือ อวิชชา เมื่อกลัว ก็แสดงอาการกระทำออกมา โลภ ก็แสดงอาการให้ปรากฏออกอย่างหนึ่ง โกรธก็แสดงอาการกระทำออกมา หลงก็แสดงอาการออกมา สรุปก็คือว่า เหตุดี ส่งผลดี ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ระบอบการเมืองก็เช่นเดียวกัน
ในสถานการณ์ทางการเมืองในขณะนี้ผู้ปกครองทุกฝ่ายในระบอบเผด็จการต่างก็ต่อสู้ แย่งชิงอำนาจ แย่งชิงผลประโยชน์กันในสถานการณ์ปัจจุบันคือ โดยมีกลุ่มการเมืองต่างๆ ฝ่ายทักษิณ หรือฝ่ายเสื้อแดง ประกอบด้วย (1) กลุ่มนายทุนของทักษิณและพรรคเพื่อไทย (2) พรรคคอมมิวนิสต์ ที่เข้าไปทำแนวร่วมกับกลุ่มนายทุนในเครือทักษิณ (3) กลุ่มที่อ้างว่าเป็นขบวนการประชาธิปไตย 66/23 นำโดยพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ ที่เพิ่งเข้าไปทำแนวร่วมกับคุณทักษิณ กระทั่งถูกประชาชนประณามว่าเป็นคนขายชาติเช่นเดียวกับคุณทักษิณ ก็เท่ากับว่าพลเอกชวลิต ไม่มีปัญญาใดๆ เลย หลงและได้ทำลายขบวนการประชาธิปไตยตามแนวนโยบาย 66/23 กลายเป็นคนต่อต้านการสร้างประชาธิปไตยที่แท้จริง
(บอกแล้วว่า พลเอกชวลิต ไม่ได้เป็นคนยกร่างนโยบาย 66/23) เราขอเตือนด้วยความรักเมตตา ขอให้ พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ ออกมาประกาศขอโทษประชาชน และลาออกจากพรรคเพื่อไทยและขบวนการทักษิณ ทั้งหมด พลเอกชวลิต ไม่ควรไปกอดกับศพเน่าเฟะทางการเมืองที่ทำลายชาติ ประชาชนคนรักชาติรับไม่ได้หรอก (4) นักรับจ้าง ทาสทางการเมืองที่สนับสนุนคุณทักษิณด้วยความยากจน และความไม่รู้
อีกฝ่ายหนึ่งได้แก่ อดีตและผู้นำกองทัพบางคน (ไม่ใช่กองทัพแห่งชาติ) พรรคประชาธิปัตย์บางส่วน และพันธมิตรฯ บางส่วน หรือกลุ่มที่ยึดมั่นรัฐธรรมนูญ และขอบอกว่า ระบอบการเมืองเป็นเช่นไร กองทัพก็ต้องเป็นไปเช่นนั้น เมื่อระบอบเป็นเผด็จการ กองทัพก็ต้องสนับสนุนระบอบเผด็จการเพราะกองทัพเป็นกลไกรัฐ เว้นแต่จะมีผู้นำกองทัพอันชาญฉลาดรู้จริงเกิดขึ้น กองทัพก็จะเลิกสนับสนุนการเมืองระบอบเผด็จการทุกรูปแบบ และหันกลับมาสนับสนุนการสร้างระบอบหรือหลักการปกครองโดยธรรม ก่อนการยกร่างรัฐธรรมนูญของขบวนการรัฐธรรมนูญ (เผด็จการซ่อนรูป) ที่ทำผิดพลาดมาแล้วมากถึง 18 ฉบับ
อีกฝ่ายหนึ่งที่ต่อต้านระบอบเผด็จการทุกรูปแบบ เป็นขบวนการทางการเมืองที่ยึดมั่นและสืบทอดพัฒนาแนวคิดทางการเมืองจาก พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 รัชกาลที่ 6 และรัชกาลที่ 7 และ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวองค์ปัจจุบัน ได้แก่ (1) ขบวนการประชาธิปไตยตามแนวนโยบาย 66/23 (2) ขบวนการธรรมาธิปไตยแห่งชาติ (3) พันธมิตรฯ และพรรคการเมืองใหม่บางส่วน (4) คณะบุคคล บุคคลที่มั่นคงเชิดชูชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ โดยมีรากฐานแนวคิดจากรากฐาน แก่นแท้ของชาติคือชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ผลักดันสถาปนาหลักการปกครองโดยธรรม คือหลักการปกครองธรรมาธิปไตย 9 ก่อนร่างหรือแก้รัฐธรรมนูญ หรือนัยหนึ่ง สร้างระบอบก่อนร่างหรือแก้ไขรัฐธรรมนูญ นั่นเอง
เบื้องลึกของทักษิณ แท้จริงแล้ว ทักษิณสั่งให้ พลเอกชวลิต ไปเป็นผู้ประสานงานกับรัฐบาลกัมพูชา แต่ในเบื้องหลังเบื้องลึกจริงๆ ทักษิณ เขาต้องการเข้ามาอยู่ใกล้ประเทศไทย เพื่อเข้ามาบัญชาการรบด้วยตนเอง เพราะทักษิณไม่ไว้วางใจใครนอกจากคนในตระกูลชินวัตรเท่านั้น คนที่เข้ามาช่วยทักษิณ วงในของทักษิณต่างก็รู้กันว่าทักษิณจ้างมาทั้งนั้น มีประโยชน์ก็จ้าง ไม่มีประโยชน์ก็เลิกคบ มีตัวอย่างเช่น สมัคร สุนทรเวช ร้องโอดโอย เมื่อมีประโยชน์ ทักษิณก็โทร.สั่งการเช้าเย็น แต่พอคุณสมัคร หมดอำนาจ และล้มป่วย ทักษิณไม่เคยโทร.เลย ทักษิณ เขาหมายมั่นปั้นมือเพื่อโค่นล้มรัฐบาลประชาธิปัตย์และพรรคร่วมในทุกทาง
เราได้ข่าวโฆษณาชวนเชื่อว่า ทักษิณจะนำมวลชนเสื้อแดงลุกขึ้นสู้ และอาจจะมีการนำชาวเขมรเข้ามาใส่เสื้อแดงเข้ามาร่วมด้วยเพื่อก่อการจลาจลทุกรูปแบบ ขณะเดียวกันก็เตรียมนายทหารที่ภักดีชิงทำรัฐประหาร และทักษิณจะกลับมาเป็นใหญ่โดยไร้มลทิน กลับมาอย่างสะอาด บริสุทธิ์ผุดผ่อง และได้รับทรัพย์สินกลับคืนทั้งหมด คดีต่างๆ จะหมดไป
หากฝ่ายทักษิณชนะจะด้วยวิธีการใดก็ตาม นั่นหมายถึงเกิดสงครามกลางเมืองระหว่างฝ่ายที่สนับสนุนคุณทักษิณทั้งภายในและภายนอก และฝ่ายที่ต่อต้านคุณทักษิณ และฝ่ายที่รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
ล่าสุด นายกฯ ฮุนเซน ประกาศพระราชกฤษฎีกาแต่งตั้ง พ.ต.ท.ทักษิณเป็นที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลกัมพูชา และเป็นที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ด้านเศรษฐกิจส่วนตัวของนายกฯ ฮุนเซนจากการกระทำดังกล่าว ประชาชน 80% ไม่อาจจะยอมรับการกระทำของพรรคเพื่อไทย พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ และพ.ต.ท.ทักษิณ ประพฤติตนเป็นคนขายชาติ
รัฐบาลไทย โดยกระทรวงการต่างประเทศ มีคำสั่งเรียกตัวเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงพนมเปญ กลับประเทศไทยทันที ลดระดับความสัมพันธ์ทางการทูต การกระทำของรัฐบาลกัมพูชาในครั้งนี้ ถือเป็นการแทรกแซงกิจการภายใน ละเมิดไม่เคารพและยอมรับต่อกระบวนการยุติธรรมของไทย และรัฐบาลไทยทบทวนพันธสัญญา ข้อตกลงความร่วมมือ รวมทั้งการให้ความช่วยเหลือต่างๆ ที่ประเทศไทยมีต่อกัมพูชา
สรุปโดยภาพรวมในสถานการณ์ปัจจุบัน แท้จริงเป็นความขัดแย้งของผู้ปกครอง ของนักการเมืองที่เชื่ออย่างง่ายในลัทธิรัฐธรรมนูญสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งยึดมั่นรัฐธรรมนูญปี 40 โดยมีลัทธิคอมมิวนิสต์เข้ามาอิงแอบ ขณะนี้กำลังทำตนเป็นผู้ทรยศชาติ ส่วนอีกฝ่ายยึดมั่นรัฐธรรมนูญปี 50 และอีกฝ่ายที่แนะนำ สอน อบรม ต้องการแก้ไขเหตุวิกฤตชาติด้วยปัญญา และจากแก่นแท้ของชาติอย่างแท้จริง
แนวทางแก้ไขเหตุวิกฤตชาติ ยุติความเลวร้ายทั้งปวงจากลัทธิเผด็จการรัฐธรรมนูญ คือหลงเข้าใจว่ารัฐธรรมนูญ คือระบอบประชาธิปไตย ทั้งๆ ที่รัฐธรรมนูญไม่มีหลักการปกครองหรือระบอบมายาวนาน 77 ปีแล้ว สู่ชัยชนะของปวงชนในชาติอย่างสันติเพื่อถวายเป็นราชบูชา คือ
ขอให้พรรครัฐบาล พรรคการเมืองใหม่ พรรคการเมืองทุกพรรค พรรคเล็กพรรคน้อย กลุ่มพันธมิตรฯ กลุ่มแนวนโยบาย 66/23 กลุ่มพลังประชาชนทุกกลุ่มที่มีความยึดมั่นในชาติ ศาสนา และมหากษัตริย์ เป็นแกนนำ กลับมาริเริ่มและร่วมมือร่วมใจกันเสนอ ร่วมกันผลักดัน ให้มีหลักการปกครองโดยธรรม หรือระบอบโดยธรรม โดยพระมหากษัตริย์ทรงสถาปนาหลักการปกครองธรรมาธิปไตย 9 เป็นแกนกลางของวิธีการปกครองคือรัฐธรรมนูญ
หากว่ารัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีเห็นด้วย ก็จะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างสันติ ทำความถูกต้องอย่างยิ่งใหญ่ให้เกิดขึ้นในเบื้องต้น ก็เท่ากับว่าได้กำจัดเหตุใหญ่ เหตุแห่งภัยร้ายของชาติให้สิ้นไป การเมืองไทยก็จะก้าวหน้ากว่าประเทศอื่นใดในโลก คนทำผิด ทรยศต่อชาติก็ต้องชดใช้กรรม หรือจะปล่อยให้ผู้ทรยศชาติมีชัยชนะ
