ภาพของด็อกเตอร์แพทย์หญิงคุณหญิง “พรทิพย์ โรจนสุนันท์” กับการผ่าศพ ถือเป็นของคู่กัน และเป็นภาพที่คนไทยรู้จักเธอในมุมนี้มาโดยตลอด M-Light มีโอกาสได้พุดคุยกับคุณหญิงหมอในเรื่องราวชีวิตเกี่ยวกับศพและการใช้ชีวิตที่ใครหลายคนอาจกลัวผี แต่สำหรับเธอ ศพ หรือผีที่ใครๆกลัว กลับเป็นธรรมะที่เธอเรียกสิ่งเหล่านั้นว่าธรรมชาติ ที่ทำให้เธอเข้าใจชีวิตมากขึ้น
“ถ้าเรามองว่าเกิดมาเพื่อชดใช้กรรม กับทำกรรม ไม่มีอะไรหนัก เราก็คิดเสียว่าเราเกิดมาเพื่อได้ทำความดี เราคิดว่าเราเข้าใจว่าความหนัก มันของธรรมดาเราก็จะทนได้ตลอดไป หมอเป็นคนที่ทั้งชีวิตมีความหนัก แต่ไม่ใช่คนอื่นมาทำให้เราหนัก เราทำตัวเราเอง ถ้าเรารู้สึกว่ามันไม่หนัก เราก็จะทำงานได้”
...นั่นคือประโยคแรกที่หมอพรทิพย์ตอบกับเราหลังจากเราถามว่างานผ่าศพยังหนักเหมือนเดิมหรือไม่
เพราะได้รับการปลูกฝังเรื่อง “ความถูกต้อง” และ “ความดี” มาจากครอบครัว จึงทำให้วันนี้ เมืองไทยมีหมอชื่อพรทิพย์
“ชีวิตหมอเอง หมอไม่เคยอะไรมากมาย รู้แต่ว่าตัวเองชอบความดี ความถูกต้อง สองอย่างนี้เท่านั้นเอง เผอิญว่าชอบสองอย่างในชีวิต คือชอบศิลปะกับการเป็นหมอ ซึ่งความดีกับความถูกต้อง มันเหมาะกับงานที่เราชอบพอดี คือเราได้ทำอาชีพหมอ ไม่ได้เดินไปทางศิลปะ”
“หมอโชคดีที่โดนปลูกฝังบังคับแน่นลึกสุดเลยมาจากคุณพ่อกับคุณแม่ ให้เป็นคนรักษาศีลและโรงเรียนที่สอนให้เราทำความดี แม้ว่าจะเป็นโรงเรียนคริสต์ แล้วยิ่งมาเจอกับงานที่ทำที่เป็นงานผ่าศพ ทำไงได้คือให้เห็นสัจธรรม จากงานที่เราทำ เรามั่นใจมากขึ้น เจอคนตายเป็นเรื่องธรรมดาแล้วหมอว่าคำสอนของพระพุทธเจ้า เนี่ยสมถะที่สุดแล้ว ถ้าเรานำไว้ในตัวเราเร็วที่สุดก็คงจะดี ทุกคำสอนของพระพุทธเจ้า เราควรเอามาใช้ในประโยชน์ให้มากที่สุด ให้เหมาะกับสภาพการณ์”
แม้เกิดภาวะข่าวลือ โดนติฉินนินทา หมอพรทิพย์ บอกว่าสุขหรือทุกข์อยู่ที่ใจ ของไม่ดีก็ไม่ควรเอามาคิดให้เปรอะเปื้อนตัวเอง
“ธรรมแห่งพุทธ สอนว่าทุกข์สุขอยู่ที่ใจ ใครจะพูดอะไรเราห้ามเขาไม่ได้ เราจะห้ามพระอาทิตย์ไม่ให้ขึ้น ห้ามเขาไม่ให้พูดไม่ได้ ขี้ปากคนเราไปห้ามเขาไม่ได้ อย่าไปแคร์มัน เมื่อเราเข้าใจตรงนี้ มันก็อยู่ที่เราว่าจะเอามันมาเปื้อนมั้ย รับมันมาให้ทุกข์มั้ย ธรรมะช่วยทำให้เราไม่รับมัน หรือโดนก็ไม่ทุกข์ ถือเสียว่ามันแค่กระเด็นมาโดน เขาทาสีเราไม่ได้ เราต้องฝึกไม่ให้เรามาคะนึงกับเรื่องพวกนี้มาก”
แต่คุณหญิงหมอบอกกับเราว่า แท้จริงแล้วเห็นท่าทางที่ดูสมบุกสมบัน ตนเองก็มีร้องไห้บ้าง อ่อนหวานตามประสาผู้หญิงทั่วไป แต่ไม่เคยร้องไห้เพราะเจอร่างคนเสียชีวิต เพราะมองเป็นเรื่องธรรมชาติไปเสียแล้ว
“เห็นศพทุกวันไม่เคยร้องไห้ เพราะร้องแล้วพลังตก แต่หมอก็ร้องไห้เป็นเวลามีอะไรมากระทบ หมออ่อนหวาน ตามประสาผู้หญิง สมดุลทั้งสองอัน เราเจอในภาคงานเข้มแข็ง ชีวิตส่วนตัวก็มีธรรมชาติของผู้หญิง”
ก่อนทิ้งท้ายว่าสาเหตุที่หมอไม่ทานตับไตเครื่องในสัตว์ เพราะอยากมีชีวิตเพื่ออยู่ มากกว่าเพื่อกิน และชีวิตที่เหลืออยู่ ขอแบ่งเป็นสองภาค คือหมอที่ดี และภรรยาและแม่ที่ดีของลูก
“นอกจากภาคงานที่เราต้องตั้งใจทำงานและยืนบนความถูกต้อง ภาคครอบครัวเราก็ยังต้องทำหน้าที่ภรรยาที่ดี และแม่ที่ดีด้วยค่ะ นั่นคือสิ่งที่หมอไม่เคยละเลย”
คำคมธรรมะ
“การทำงานคือการพักผ่อน ทำงานเพื่องาน ไม่ใช่ทำงานเพื่ออะไร คนโง่ทำงานแล้วทุกข์ คนฉลาดทำงานแล้วสุข”...หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ